Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 131 ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว
บทที่ 131 ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว
บทที่ 131 ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว
ลู่ถิงหยวนเองก็รู้สึกโกรธ แต่ก็ยังคงมีเหตุผล “คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน เรื่องมันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก อาเฉินเองก็โตแล้ว ควบคุมได้ไม่ง่ายเหมือนตอนเด็ก ๆ”
นี่ทำให้เขารู้สึกร้อนรนจริง ๆ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในใจของผู้เป็นแม่เองก็รู้สึกเศร้า “ฉันให้กำเนิดเขามาอย่างยากลำบาก เกือบเป็นเกือบตายก็เพื่อเขา เคยมีสักครั้งไหมที่เขาจะเข้าใจในความพยายามของฉัน? หรือคิดว่าฉันเองก็ไม่อยากอยู่ข้าง ๆ เขาเหรอ?”
โบราณเคยกล่าวไว้ว่า อยากได้อะไรก็ต้องแลกมาด้วยความยากลำบาก กลุ่มบริษัทตระกูลลู่สืบทอดกันมากว่าร้อยปี ผ่านผู้นำมาถึงสามชั่วอายุคน จึงสามารถมาถึงจุดนี้ได้
คุณผู้ชายและคุณนายลู่ต้องออกเดินทางตลอดจึงรู้สึกว่าทุกที่ก็คือบ้าน ตอนลู่เฉินเด็ก ๆ ต้องให้คุณปู่ลู่คอยดูแล เวลาที่นานที่สุดที่ไม่เคยพบกันเลยก็คือสามปี แน่นอนว่าความสัมพันธ์ก็ต้องห่างเหินกันไป รวมกับเรื่องราวของอวิ๋นเหมี่ยวเองยิ่งทำให้ลู่เฉินทำราวกับว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า
ลู่ถิงหยวนตบไหล่ภรรยาของตัวเองเบา ๆ เพื่อให้เธอสบายใจขึ้น “เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะดีขึ้นเอง”
เขาส่งรายงานข้อมูลส่วนตัวของซูโย่วอี๋ให้ภรรยา “คุณดูสิ ผู้หญิงคนนี้ถูกสามีนอกใจจึงได้หย่ากัน อาเฉินอาจแค่เห็นใจเธอ อย่างไรเขาก็เคยมีประสบการณ์ในแบบเดียวกันมา”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “เรื่องตอนนั้นพวกเราทำรุนแรงมากเกินไป ครั้งนี้พวกเราจะทำผิดพลาดเหมือนเดิมไม่ได้”
คุณนายลู่พลิกรายงานดู ดูจนหมดจึงได้ถอนหายใจออกมา “ไม่แปลกถ้าอาเฉินจะชอบเธอ ผู้หญิงคนนี้สวยจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเคยหย่าร้างมาก่อน ผมก็พอจะรับได้ ถือเสียว่าชดเชยให้กับเขา”
ลู่ถิงหยวนมองภรรยา “ธุรกิจในยุโรปเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว คุณกลับประเทศจีนเถอะ และต้องคอยเอาใจใส่ความรู้สึกของอาเฉินให้มาก ๆ และยังสามารถติดตามดูสถานการณ์ได้ตลอดเวลาด้วย”
แม้ว่าคุณนายลู่จะทำใจทิ้งสามีไว้คนเดียวไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ตกลงว่าจะกลับประเทศในเดือนหน้า
คฤหาสน์ตระกูลลู่
หลังจากคุณปู่ลู่กินข้าวเย็นเสร็จก็ออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ เพื่อช่วยให้อาหารย่อย หลี่ขุยเองก็อยู่ข้าง ๆ “คุณท่านครับ เรื่องของคุณลู่กับคุณซูจะทำยังไงดี?”
มือทั้งสองข้างของผู้เฒ่าลู่ไพล่หลังอยู่ รอยย่นบนใบหน้าราวกับเทือกเขาที่เชื่อมต่อกัน ดวงตาคู่นั้นมีเมตตาแต่ก็เต็มไปด้วยความเฉียบคม
“แล้วแต่เขาจะชอบ”
ผู้เฒ่ามองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังตกลงตรงภูเขาจากที่ห่างไกล ราวกับมองเห็นความทรงจำอันล้ำลึก “เพียงพริบตา เธอก็จากไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว”
ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันอย่างเงียบๆ หลี่ขุยยิ้มและพูดขึ้น “ดีครับ ก่อนหน้านี้คุณท่านเองก็กังวลใจว่าคุณลู่จะโดดเดี่ยวไปจนแก่เฒ่า ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่แน่ว่า อีกไม่นานอาจจะมีเหลนให้แล้ว”
“แต่แม่ของเขาน่ะสิ?”
คุณปู่ลู่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “พูดไปพูดมาก็เพราะว่าพวกเขายึดติดอาเฉินมากเกินไป จะพูด จะทำอะไรก็เอาแต่บอกว่าทำเพื่ออาเฉิน หรือถ้าไม่มีอาเฉินพวกเขาก็จะไม่สู้แล้วเหรอ? อาเฉินเป็นเพียงเหยื่อในเรื่องธุรกิจของพวกเขา ถ้าให้ฉันพูด พวกเขาคงไม่มีสิทธิ์ในการเข้ามาจัดการ”
“ฉันที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังพอสามารถเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยได้ แต่ถ้าฉันต้องจากไปแล้วจริง ๆยังคิดไม่ออกเลยว่าตระกูลนี้จะเป็นยังไง หวังแค่ให้พวกเขาคิดได้และไม่บังคับอะไรอาเฉินอีก”
หลี่ขุยเข้าใจคุณท่านดี “อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ลำบากใจเลยครับ คุณในตอนนี้ควรจะต้องดูแลตัวเองก่อน รอจนมีเหลน”
“พูดไปก็มีเรื่องหนึ่ง กลุ่มแฟนคลับของคุณซูที่หายไป กลับมาโพสต์บนอินเทอร์เน็ตอีกครั้งว่า ต้องการสร้างกลุ่มแฟนคลับใหม่อีกครั้ง แต่หัวหน้าแฟนคลับกลับล้มเลิกไปแล้ว บอกว่าตนไม่ใช่แฟนคลับของซูโย่วอี๋อีกต่อไป กลุ่มแฟนคลับในตอนนี้กลายเป็นกลุ่มไร้ผู้นำ ยากที่จะประเมินจำนวน”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าลู่ก็หมุนตัวกลับมาและมองไปยังหลี่ขุยทันที “งั้นพวกเรามาสร้างกลุ่มกันเถอะ”
ลูกสะใภ้ตระกูลตัวเองยังไม่สนับสนุนแล้วยังจะสามารถพึ่งพาใครได้
……
งานของลู่เฉินในวันนี้ค่อนข้างยุ่ง เพียงพริบตาก็ถึงเวลาหกโมงเย็นแล้ว เขาโทรศัพท์ติดต่อกับพยาบาลเพื่อสั่งให้เตรียมอาหารเย็นให้กับซูโย่วอี๋ อาหารทุกอย่างล้วนเป็นอาหารที่ซูโย่วอี๋ชอบกินตอนถ่ายรายการวาไรตี้
เมื่อวางสายโทรศัพท์ ผู้ช่วยก็เดินเข้ามา “ประธานลู่ครับ คนที่ทำร้ายพวกคุณในวันก่อนถูกจับไปที่สถานีตำรวจหมดแล้ว ทั้งหมด 16 คน ตอนนี้พวกเขากำลังโห่ร้องขอให้ปล่อยตัว”
สีหน้าของลู่เฉินเย็นชา “จับคนที่อยู่เบื้องหลังได้หรือยัง?”
“จับได้แล้วครับ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี เป็นคนที่นัดหมายให้กลุ่มคนมารวมตัวกันจากทางอินเทอร์เน็ต และยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่เธอจ้างมาให้เข้าร่วม หลัก ๆ แล้วคนที่กล้าลงมือคือคนที่ถูกจ้างมาครับ”
หากไม่มีความขัดแย้งระหว่างพวกเขา ลู่เฉินไม่เชื่อว่าจะมีคนจ้างให้มาทำร้ายคนอื่นโดยที่ไม่รู้จัก นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรมจริง ๆ เหรอ?
“เธอเป็นแค่หมาก ไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังจริง ๆ”
เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของประธาน เหงื่อก็ไหลลงมาจากหน้าผากของผู้ช่วย “เธอยืนยันว่าทั้งหมดเป็นแผนการของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่นครับ”
“ยิ่งพยายามปกปิด ความผิดก็ยิ่งชัดเจน”
“ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ทำให้เธอสารภาพออกมา ส่วนคนที่เหลือปล่อยเอาไว้ที่สถานีตำรวจทั้งหมด หากไม่ถูกขังให้ครบ 15 วันห้ามปล่อยใครไปเด็ดขาด”
ผู้ช่วยรับคำและกลับไป
โรงพยาบาลเป๋าไป่
ซูโย่วอี๋ที่กำลังกินข้าวอยู่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอนึกว่าเป็นลู่เฉิน แต่พอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าคือเฉินซีซีที่เห็นข่าวแล้วเลยโทรมาถามสถานการณ์ของเธอ
หลังจากรับสายไปครู่หนึ่งเธอก็กินข้าวต่อ
ป้าพยาบาลที่เห็นว่าเธอไม่ค่อยเจริญอาหารก็ถามขึ้น “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ อาหารไม่ถูกปากเหรอ?”
นึกถึงตอนที่ลู่เฉินติดต่อมาบอกให้ดูแลคนป่วยให้ดี พยาบาลจึงไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “เปล่าค่ะ อร่อยมาก แต่ฉันไม่ค่อยหิว”
“กินอีกสักหน่อยเถอะค่ะ อาหารพวกนี้ประธานลู่ตั้งใจสั่งให้ฉันทำ เขาบอกว่าคุณชอบกิน”
ซูโย่วอี๋ถามเพื่อต้องการฟังคำยืนยันจากพยาบาล “เขาติดต่อหาคุณเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ยังบอกอีกว่าคุณป่วยอยู่ให้ทำอาหารจืดลงหน่อย คุณผู้หญิงคะ แฟนของคุณดีมากจริง ๆ หน้าตาก็หล่อ พวกคุณนี่ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างจริง ๆ”
ได้ยินคำพูดแซวจากพยาบาล ในใจของซูโย่วอี๋ก็รู้สึกมีความสุขแปลก ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอดูมีกะจิตกะใจในการกินข้าวขึ้นมาทันที
ลู่เฉินบอกว่าตอนกลางคืนจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขาก็ควรจะมาได้แล้วนี่
หลังจากพยาบาลออกไป ซูโย่วอี๋ก็ลุกขึ้นจากเตียงเพราะอยากออกไปเดินเล่น เดิมทีเธอก็ไม่ได้มีอาการป่วยร้ายแรงอะไรเอาแต่นอนทั้งวันก็รู้สึกเบื่อได้
แต่เพิ่งออกมาจากห้องคนไข้ ก็มีพยาบาลเข้ามาถาม “คุณซู ต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ?”
“มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”
พยาบาลดูสุภาพมาก “มีปัญหาอะไรให้มาที่เคาน์เตอร์พยาบาล หรือจะกดปุ่มจากตรงหัวเตียงคนไข้ก็ได้นะคะ”
ซูโย่วอี๋ในชุดคนไข้เดินวนไปวนมาบนชั้น 15 แล้วก็เห็นร่างของผู้ชายในชุดสูทยืนอยู่ไม่ไกล เสื้อผ้าถูกรีดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอยยับแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี ประกอบกับขาเรียวยาวและใบหน้าหล่อเหลานั่น
เขากำลังพูดคุยอยู่กับพยาบาลวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่ แม้จะใส่หน้ากากอนามัยอยู่ก็ตาม แต่ก็สามารถมองออกว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังตื่นเต้น
ทันใดนั้น ผู้ชายคนนั้นก็หันหน้ามาสบตากับซูโย่วอี๋พอดี เขาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
ซูโย่วอี๋นึกว่าเธอถูกแอบตามและหาตัวจนเจอ จึงรีบหันกลับมาด้วยความลำบากใจและเพื่อหลีกหนี
แต่ฝ่ายชายกลับเรียกชื่อของเธออย่างถูกต้อง “คุณซูโย่วอี๋”
ซูโย่วอี๋ตื่นตกใจ “คุณรู้จักฉันเหรอ?”
เมื่อเริ่มมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอีกครั้ง ถึงยังไงตอนนี้เธอก็ถือว่าเป็นดาราและกำลังมีข่าวไม่ดีอยู่ในอินเทอร์เน็ต ถ้าจะรู้จักเธอก็คงไม่แปลก
ฝ่ายชายก้าวมาถึงตรงหน้าของเธอด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ซูโย่วอี๋รู้สึกอึดอัดเพราะสายตาคุกคามของเขา “มีอะไรคะ?”
ฝ่ายชายแสดงรอยยิ้มอย่างลึกซึ้ง “สวัสดีครับ ผมชื่อฮัวจิง ได้ยินชื่อเสียงของคุณซูมานานมากแล้ว วันนี้ได้เจอตัวคุณจริง ๆ สักที”
หลังจากที่ซูโย่วอี๋ตอบกลับเบา ๆ เธอก็ต้องการไปจากตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม้ว่าผู้ชายคนนี้ดูจะมีมารยาทดี แต่ความประทับใจแรกที่ซูโย่วอี๋มีต่อเขากลับไม่ค่อยดีเท่าไหร่