Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 133 เขาแต่งงานแล้ว
บทที่ 133 เขาแต่งงานแล้ว
บทที่ 133 เขาแต่งงานแล้ว
“ผมขออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณได้ไหม?” ดวงตาของลู่เฉินมองมาที่เธออย่างขออนุญาต
จริง ๆ แล้วในใจของซูโย่วอี๋เองก็รู้สึกดีใจมากที่เขาจะอยู่ด้วย “ก็ได้ค่ะ”
ไม่ไกลจากเตียงนอนของคนไข้มีเตียงนอนสำหรับญาติอยู่ ผ้าปูที่นอนและผ้านวมเป็นของใหม่ทั้งหมดดูแล้วสะอาดเรียบร้อยดี
หลังจากปิดไฟแล้วลู่เฉินก็นอนลงบนเตียง
ภายในห้องมีเพียงแสงจากทางเดินสลัว ๆ ที่ส่องเข้ามา ทั้งชั้นนี้เงียบสงบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงเดิน
ซูโย่วอี๋หันมองไปทางลู่เฉิน เห็นเพียงเงาดำ ๆ บนเตียงนอน แต่กลับทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
“ลู่เฉิน ฝันดีค่ะ”
“ฝันดี ซูโย่วอี๋ ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูโย่วอี๋หลับอย่างเต็มอิ่ม ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าลู่เฉินไม่อยู่ที่นี่แล้ว เธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นว่าลู่เฉินส่งข้อความเอาไว้
[ที่บริษัทมีงานด่วน ผมขอกลับก่อน นัดเวลาตรวจเอาไว้ตอนสิบโมง ผู้ช่วยคนใหม่จะมาช่วยคุณจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาล รวมถึงช่วยเก็บของและส่งคุณกลับบ้าน]
[มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้เลย]
ซูโย่วอี๋ตอบกลับไปสั้น ๆ แต่ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาในห้อง ซึ่งเธอคิดไม่ถึงว่าจะเป็นซูหยินที่มาพร้อมกับน้ำเสียงขี้เล่นของเธอ “อ่า ไม่เจอที่รักแค่สองวัน ที่รักก็ได้ทายาทตระกูลลู่มาครอบครอง? กลายเป็นนายหญิงแห่งเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไปแล้ว?”
“ใช้ได้นี่ เคลื่อนไหวได้เร็ว ฉันออกไปเที่ยวเล่นแค่สองวันกลับมาก็ตามยุคสมัยไม่ทันแล้ว”
ซูโย่วอี๋มองซูหยินอย่างขำ ๆ “เธอไปเที่ยวไหนมา? ฉันถูกคนปาไข่เน่าใส่ ไม่เห็นเธอมาปลอบใจฉันเลย”
ซูหยินวางกระเป๋าไว้อีกฝั่งหนึ่ง “ไปไกลหน่อย จะให้กลับมาถึงในไม่กี่ชั่วโมงก็คงไม่ทัน อีกอย่างมีประธานลู่อยู่ จะมีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจ”
ตั้งแต่ที่กู่อวี๋เฉิงให้เธอลาพักเพื่อให้เธอไปแก้ไขปัญหากับฮัวจิง ซูหยินก็เอาแต่อยู่แต่บ้านเฉย ๆ ราวกับไม่มีเพื่อนให้ไปหา เธอเลยสมัครกรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศหลายวัน
เรื่องของเธอกับฮัวจิงถูกโยนทิ้งไปเลย
ในสายตาของเธอ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรให้แก้ไขอยู่แล้ว
ซูหยินยื่นหน้าเข้ามาดูแผลบนใบหน้าของเธออย่างชัด ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมลึกจัง?”
“ไม่เป็นไรหรอก หมอบอกว่าไม่เป็นแผลเป็น”
ซูหยินถอนหายใจ “จะพูดไปตอนนี้ก็ถือว่าเธอคือหัวหน้าของฉัน เป็นแฟนของท่านประธาน ถ้าให้ซูหยินคนนี้มาดูแลเป็นยังไง ช่วงนี้ฉันยิ่งไม่มีงานด้วย”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “บริษัทจงใจส่งเธอมาเหรอ?”
“คิดอะไรอยู่ ฉันเหนื่อยมามากแล้ว อยากพักผ่อนสักหน่อย”
เห็นใบหน้าสบาย ๆ ของซูหยิน ซูโย่วอี๋ก็รู้ว่าเธอคิดมากไปเอง และพูดถึงเรื่องที่ลู่เฉินจัดการเรื่องที่พักใหม่ให้กับเธอ
ซูหยินตกใจเล็กหน่อย “เขาให้เธอไปอยู่ที่ไหน?”
“ไม่แน่ใจ เขาบอกว่าอีกสักพักผู้ช่วยจะมาพาฉันไป มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ฉันถามลู่เฉินมาแล้ว เขาบอกว่าปฏิบัติแบบนี้กับศิลปินทุกคนในบริษัทนี่?”
แน่นอนว่าการจัดหาที่พักให้เป็นเรื่องจริง แต่เงื่อนไขก็แบ่งเป็นหลายแบบ อย่างน้อยสุดสำหรับนักแสดงธรรมดา ๆ ก็คือสี่คนต่อหนึ่งห้อง ถ้าเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อยจึงจะมีห้องส่วนตัว แต่ถ้าดังแล้วบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาให้ เพราะต่างก็จ่ายเงินซื้อเลย
เมื่อมีชื่อเสียงแล้วอยากอยู่ที่ไหนก็ได้
ซูหยินรู้สึกสงสัยว่าที่พักที่ลู่เฉินจัดการให้ซูโย่วอี๋อยู่ที่ไหน
“เดี๋ยวฉันจะไปกับเธอ จะได้รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน”
ขณะที่กำลังพูด ก็มีเสียงเด็กสาวคนหนึ่งเคาะประตูและเดินเข้ามา
ซูหยินเป็นคนแรกที่เรียกชื่อของอีกฝ่าย “เหมยเหมย?”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากและยิ้ม แสดงให้เห็นลักยิ้มสวยงาม “พี่หยิน คุณก็อยู่ด้วยเหรอ บังเอิญจัง”
“เธอคือผู้ช่วยคนใหม่ของโย่วอี๋?”
“ใช่ค่ะ” ผู้หญิงที่ชื่อเหมยเหมยยิ้มอยู่ตลอด ซึ่งมันทำให้คนที่เห็นรู้สึกดี
“สวัสดีค่ะคุณซู ฉันเสี่ยวเหมยเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของคุณค่ะ คนส่วนใหญ่เรียกฉันว่าเหมยเหมย หลังจากนี้เราต้องทำงานด้วยกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
พูดจบเธอก็จับมือกับซูโย่วอี๋
ดูไปแล้วเธออายุยังน้อยอยู่เลย แต่เหมือนมีประสบการณ์ในการจัดการเป็นอย่างดี ทำให้รู้สึกสบาย ๆ เป็นกันเอง
หลังจากรู้จักกันพอคร่าว ๆ แล้ว ราวกับว่าเหมยเหมยเป็นผู้ดูแลทุกสิ่ง ทั้งไปติดต่อหมอ รวมถึงเตรียมเรื่องการออกจากโรงพยาบาล
ซูหยินใช้โอกาสตอนที่เหมยเหมยไม่อยู่ เล่าถึงประวัติที่มาของเธอให้กับโย่วอี๋ฟัง “เธอคนนี้ไม่เลวเลยนะ เพิ่งเข้าบริษัทมาเมื่อปีที่แล้ว ทำงานแค่ปีเดียวก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยดีเด่น ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยดีเด่นมักจะเป็นพวกพนักงานเก่า ๆ ที่ทำงานมากว่าห้าปีขึ้นไป”
“เหมือนเธอเกิดมาเพื่อทำงานนี้ ชื่อเสียงก็ดี ทำงานทุ่มเทและรอบคอบ หลังจากนี้พอเธอเริ่มงานก็จะได้รู้ว่า เธอช่วยได้มากจริง ๆ”
เหมยเหมยได้รับการยอมรับจากซูหยิน มันก็ราวกับว่าเธอได้รับใบผ่านเกณฑ์จากซูโย่วอี๋ในทันที
หมอตรวจดูครั้งสุดท้ายอย่างรวดเร็ว แล้วบอกกับซูโย่วอี๋ว่าไม่มีอะไรร้ายแรงและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
หลังจากที่เหมยเหมยนำเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเสร็จแล้วของซูโย่วอี๋เก็บใส่กระเป๋า ก็พูดกับทั้งสองคนว่า “คุณซู พี่หยิน การทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี พวกคุณไปรอที่ห้องโถงชั้นหนึ่งก่อน คนขับรถอยู่ที่ลานจอดรถ ทำเรื่องเสร็จแล้วพวกเรากลับไปพร้อมกันนะคะ”
ณ โถงชั้นหนึ่ง
ซูหยินมองผู้คนรอบ ๆ ที่เดินไปมา จนตาลายเล็กน้อย
นี่คือโรงพยาบาลของผู้ชายคนนั้น!
พื้นเงาวาว พนักงานแต่งกายเป็นทางการ เป็นระเบียบอย่างดี ในวันที่มืดมนของเธอ ผู้ชายคนนี้กลับสามารถเดินอยู่ท่ามกลางแสงไฟได้อย่างหน้าชื่นตาบาน
ตอบรับความรักและความเคารพจากผู้คน
“ว้าว ผู้อำนวยการฮัวกับภรรยาของเขารักกันมากเลยนะ”
“ใช่ ทุกครั้งที่มาตรวจสุขภาพก่อนคลอด เขาก็มาด้วยกันเสมอ”
“ดูสายตาของเขาสิ อ่อนโยนจัง”
“ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาต้องดีมากแน่ ๆ”
ร่างกายของซูหยินแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหมุนตัวไปช้า ๆ ถ้าคนที่ถูกพูดถึงไม่ใช่ฮัวจิง แล้วจะเป็นใครได้?
คิ้วคู่สวยอันคุ้นเคย รอยยิ้มที่รู้จักดี แม้แต่เสื้อเชิ้ตบนตัวของเขาก็เป็นเสื้อที่ซูหยินซื้อให้!
ลวดลายสีน้ำเงินของมัน
ตอนที่มอบให้เขา ซูหยินรู้สึกมีความสุขมากเมื่อนึกถึงตอนที่ฮัวจิงจะได้สวมใส่
ครั้งนี้ฮัวจิงสวมเสื้อเชิ้ตตัวที่เธอมอบให้ และยังกอดภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ของเขา ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือกระเป๋าของภรรยาเอาไว้
ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ทันทีที่เห็นก็รู้เลยว่าเธอมาจากตระกูลที่ร่ำรวย คิ้วบาง จมูกโด่ง สีผิวขาวราวกับหิมะ ถึงแม้ว่าจะตั้งครรภ์ก็ไม่สามารถปกปิดความสง่างามของเธอได้เลย
ช่างเหมาะสมกันจริง ๆ!
ในช่วงที่ไม่มีเธออยู่ ผู้ชายคนนี้มีชีวิตที่ดีขนาดนี้
อีกด้าน ซูโย่วอี๋ก็เห็นฮัวจิงกับผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา “ที่แท้เขาก็แต่งงานแล้ว”
ซูหยินยิ้มอย่างขื่นขมเล็กน้อย “ใช่ เขาแต่งงานแล้ว”
“ภรรยามีการศึกษาที่ดี และยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ชีวิตของเขาช่างสมบูรณ์แบบ”
เดิมทีชีวิตของฮัวจิงไม่ควรมีตัวเธออยู่ในชีวิตด้วยซ้ำ
เหมยเหมยจัดการเรื่องต่าง ๆ จนเสร็จ มองทั้งสองคนจากไม่ไกลมากนัก “คุณซู พี่หยิน ทางนี้”
ซูหยินหมุนตัวและจากไป
ฮัวจิงที่เงยหน้าขึ้นและเห็นเพียงด้านหลังของซูหยินที่จากไป แม้จะเป็นเพียงด้านหลัง มันก็ทำให้ร่างกายของฮัวจิงชะงักค้าง
อย่าว่าแต่ด้านหลัง แม้แต่ดวงตา หรือใบหู เขาก็รู้ได้ทันที่ว่านั่นคือซูหยิน!
ดวงตาของฮัวจิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ทำไมไม่หลบแล้วล่ะ?
ภรรยารับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของสามี จึงมองตามไปยังที่ที่เขามองไปแต่กลับไม่เห็นมีอะไรเลย
“อาจิง คุณมองอะไรคะ”
ฮัวจิงได้สติกลับมาก็พูดอย่างอ่อนโยน “นึกว่าเจอคนรู้จักน่ะ แต่น่าจะมองผิดไป ไปเถอะหมอรออยู่”
ภรรยาไม่ได้สงสัยอะไรและเดินต่อไป
ที่ลานจอดรถใต้ดิน
ยังคงเป็นรถที่คุ้นเคย หลังจากขึ้นรถแล้วเหมยเหมยก็ให้คนขับรถไปส่งซูโย่วอี๋ยังที่พักก่อน
ซึ่งในตอนนี้ซูหยินก็มีอาการแปลก ๆ และไม่ค่อยพูดจา ดูใจลอยผิดปกติ