Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 140 อย่าคิดถึงผู้หญิงที่ไม่ใช่ของคุณ
บทที่ 140 อย่าคิดถึงผู้หญิงที่ไม่ใช่ของคุณ
บทที่ 140 อย่าคิดถึงผู้หญิงที่ไม่ใช่ของคุณ
ต่อให้เข้าใจดีถึงความใจร้ายของคุณนายเฉินคนนี้ แต่การได้ยินคำพูดดูถูกจากคุณนายเฉินอีกครั้ง ในใจของซูโย่วอี๋ก็ยังคงไม่เคยชินเสียที
น่าจะเป็นเพราะว่าเธอยังไม่แข็งแกร่งมากพอ!
ซูโย่วอี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระงับความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่าน ก่อนที่จะมองไปยังรปภ.ทั้งสองคน “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ลากเธอออกไป”
คุณนายเฉินที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงได้กอดซูโย่วอี๋เอาไว้ “เธอจะทำอะไร ฉันเป็นแม่สามีของเธอนะ เธอกล้าทำกับฉันแบบนี้เหรอ?”
“ก็ดี พวกคุณดูเอาไว้ว่าซูโย่วอี๋คนนี้โหดเหี้ยมมากแค่ไหน ตอนนี้ไต่เต้าเข้าหาลู่เฉินผู้สูงส่ง จนไม่สนใจมองคนที่เคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ซะแล้ว”
ซูโย่วอี๋ถูกคุณนายเฉินกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา จนรู้สึกคลื่นไส้ การทำร้ายเธอด้วยการกระทำเช่นนี้ ทำให้หญิงสาวไม่สามารถเพิกเฉยได้แม้ว่าอยากจะเพิกเฉยก็ตาม
‘เจ้าจิ้งจอกเน่า รีบคิดหาวิธีเอาเธอออกไปที’
เจ้าจิ้งจอกเองก็เกลียดคุณนายเฉินเหมือนกัน มันจึงโบกอุ้งเท้าขึ้น กระแสไฟพุ่งเข้าใส่ร่างของคุณนายเฉินในทันที
ฝูงชนที่เห็นว่าหญิงชราล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรงก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ใช่ว่ายัยแก่นั่นเป็นโรคร้ายอะไรหรอกนะ?”
“สวรรค์ หญิงชราคนนี้น่ากลัวมาก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็คงจะต้องโทษผู้หญิงคนนี้กับบริษัทแล้วแหละ”
“แต่พวกเราก็เห็นกันหมดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้ทำอะไรเลย เธอเข้าไปกอดผู้หญิงคนนั้นและล้มลงไปเอง”
“รีบเข้าไปดูกันเถอะ”
ด้านซูโย่วอี๋ที่แค่อยากให้คุณนายเฉินปล่อยเธอไป ไม่ได้อยากทำร้ายเธอ ยืนตกตะลึงอยู่ไม่ห่าง
“เจ้าจิ้งจอกเน่า ทำไมเธอไม่ขยับตัวแล้วล่ะ?”
แต่ท่าทางของเจ้าจิ้งจอกเน่าดูเกร็ง ๆ [คือว่า ฉันใช้แรงมากไปหน่อย แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไป อีกไม่นานเธอก็ตื่นแล้ว]
เป็นงั้นก็ดี
ซูโย่วอี๋โค้งตัวลงเพื่อดูสถานการณ์ ทันใดนั้นมีคนตะโกนขึ้น “แม่!”
เฉินเฉินแหวกฝูงชนเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน และรีบเข้าไปด้านข้างของคุณนายเฉิน “ซูโย่วอี๋ คุณทำอะไร? ทำไมแม่ถึงล้มลงอยู่กับพื้น?”
เขากอดแม่เอาไว้ในอ้อมแขน และส่งเสียงเรียกแล้วเรียกอีก
ซูโย่วอี๋ก้าวถอยหลังไปสองก้าว และตั้งใจที่จะไม่อธิบายใด ๆ เพราะเห็นว่าไม่จำเป็น
ในเมื่อลูกมาแล้วก็ดี เขาจะได้พาผู้หญิงใจร้ายคนนี้ออกไป
เฉินเฉินเงยหน้าขึ้น “ซูโย่วอี๋ คุณจะทิ้งไปแบบนี้เลยงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะพูดยังไงครั้งหนึ่งพวกคุณก็เคยเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้กันนะ ตอนนี้เรื่องราวความทรงจำในอดีตสักนิดก็ไม่มีเหลืออยู่เลยหรือไง?”
เรื่องราวในอดีต?
ซูโย่วอี๋ได้ยินแบบนั้นก็อยากหัวเราะออกมา เธอกับคุณนายเฉินเคยมีความทรงจำในอดีตอะไรกันด้วยเหรอ?
ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเฉินไป คุณนายเฉินก็มีแต่ท่าทางเหยียดหยามและเอาแต่ตะโกนสั่งเธอ คำพูดที่ให้เกียรติหรือความเคารพก็ไม่เคยมีอยู่เลยสักนิด
และไม่เคยทำอะไรให้เธอเลยสักอย่าง
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายเฉินกับซูโย่วอี๋คงแย่กว่าคำว่าคนแปลกหน้าเสียอีก แต่เฉินเฉินกลับกล้าพูดออกมาได้ถึงเรื่องราวในอดีต
หรือว่าในสายตาของเขา ภรรยาและแม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน?
เหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกันที่รักกัน?
ซูโย่วอี๋ตอบกลับอย่างเย็นชา “คุณเอาเวลามาพูดว่าฉันไปส่งเธอที่โรงพยาบาลดีกว่าไหม ถ้ายังชักช้าอยู่แบบนี้อาจจะไม่ทันการณ์นะ”
ว่าจบเธอก็เดินหันหลังและจากไป
สักพักคุณนายเฉินค่อย ๆ ตื่นขึ้น เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋กำลังจะจากไป จึงคลานไปและกอดขาเธอเอาไว้
“เธอยังไปไม่ได้ ถ้าไม่เอาห้องของลูกชายฉันคืนมา ก็อย่าคิดจะไปไหน”
ซูโย่วอี๋ไม่เข้าใจจริง ๆ เธอกับเฉินเฉินหย่าร้างกันไปตั้งนานแล้ว ทำไมคุณนายเฉินถึงยังมาหาเธอด้วยเรื่องห้องอยู่อีก
แต่ซูโย่วอี๋ ไม่ได้หัวอ่อนอย่างที่เธอคิด อยากได้ห้องงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!
“คุณป้าเฉินค่ะ ถ้าคุณมีหลักฐานยืนยันว่าห้องนั้นเป็นของคุณ ก็ไปฟ้องศาลว่าฉันยักยอกทรัพย์ แต่ถ้าไม่มีก็ไปซะ ต่อให้คุณร้องตะโกนจนดังไปทั่วฟ้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เฉินเฉินมองแม่ของตัวเองที่นอนอยู่กับพื้นด้วยท่าทางราวกับกำลังขอร้องซูโย่วอี๋อยู่ ซึ่งเป็นท่าทางที่ดูไม่ค่อยดีนัก “แม่ ลุกขึ้นมาก่อน ลุกขึ้นมาแล้วพวกเรามาคุยกัน”
คุณนายเฉินกลับไม่ยอม “ถ้าปล่อยคนชั่วไปมันก็หนีกันพอดี เพราะแกที่ใจดีเกินไป ตอนที่หย่ากันเธอมีสิทธิ์อะไรมาแย่งห้องของแกไป ตอนนี้แกมีหนี้อยู่หลายล้าน ถ้าไม่เอาห้องกลับมาจะทำยังไง หรือจะต้องให้แกไปเข้าคุก?”
คุณนายเฉินที่ควบคุมความเศร้าและความโกรธเอาไว้ แต่พอพูดถึงลูกชายก็ร้องไห้ออกมา
ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสน เป็นหนี้หลายล้าน?
บริษัทเล็ก ๆ ของเฉินเฉิน จะติดหนี้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?
เฉินเฉินรู้สึกขายหน้า “แม่ พวกเราค่อยกลับไปคุยกัน มันจะต้องมีวิธี”
ซูโย่วอี๋ไม่รู้ว่าตัวเองควรมองสถานการณ์ตอนนี้ด้วยความรู้สึกยังไง
ผู้ชายคนนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยดูสูงส่งในสายตาของเธอ แต่ตอนนี้แสงสว่างรอบ ๆ ตัวเขากลับค่อย ๆ ดับลง
เมื่อมองเขาตกที่นั่งลำบาก เธอไม่ได้รู้สึกว่ามีความสุขหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?” เสียงเย็นชาดังขึ้น
ซูโย่วอี๋มองไปด้วยความประหลาดใจ ทำไมลู่เฉินถึงกลับมาวันนี้ล่ะ?
ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เหรอ?
รปภ.ทั้งสองคนมองลู่เฉินด้วยใจสั่น ๆ และเรียกเขาเบา ๆ “ประธานลู่ครับ”
ดวงตาของลู่เฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ให้สองคนนี้ขวางทางเดินของเราได้ยังไง พวกคุณเป็นถึงพนักงานรักษาความปลอดภัย แต่มัวทำอะไรอยู่? บริษัทไม่ได้จ้างให้คุณมาเล่นสนุกนะ”
“ขอโทษครับ ประธานลู่”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเดินไปยังด้านหน้าของเฉินเฉินในทันที “คุณครับ เชิญคุณพาคุณแม่ของคุณออกไปด้วยครับ”
ซูโย่วอี๋ใช้แรงนิดหน่อยเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของคุณนายเฉิน และเดินไปยังลู่เฉินโดยไม่หันกลับไปมองอีก
เฉินเฉินมองแผ่นหลังของซูโย่วอี๋ และมองไปยังผู้ชายที่ดูเหมือนกับเทพพระเจ้าคนนั้น ความมั่นใจในตัวเองก็หายไปในทันที
นี่คืออาณาจักรของเขา
และซูโย่วอี๋ก็เป็นผู้หญิงของเขา
“แม่ พวกเราไปกันเถอะ”
คุณนายเฉินยังคงไม่ยอม “ไม่ คนรักของยัยผู้หญิงสารเลวนั่นมาแล้ว พวกเราต้องใช้โอกาสนี้ข่มขู่มันนะ”
จู่ ๆ ลู่เฉินก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ ทั้งสองโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดันอย่างอธิบายไม่ได้
คุณนายเฉินรู้สึกหวาดกลัวกับบรรยากาศที่น่าเกรงขามจนตัวแข็งทื่อ
ลู่เฉินก้มลง “คุณป้าครับ ผมขอแนะนำให้คุณรีบไปดีกว่านะ เงินหลายล้านที่ลูกชายของคุณเป็นหนี้นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกเพียงวินาทีเดียว ผมสามารถจับเขาเข้าคุกได้เลยนะครับ”
สีหน้าของเฉินเฉินดูอับอาย แต่กลับไม่กล้าตอบกลับอะไร ได้แต่ดึงแม่ของตัวเองให้เดินออกไปข้างนอก
ลู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า “หยุดก่อน ส่วนคุณ ต่อไปนี้อย่ามาให้ซูโย่วอี๋เห็นหน้าอีก และอย่าคิดถึงผู้หญิงที่ไม่ใช่ของคุณ”
ซูโย่วอี๋ดูลู่เฉินจัดการกับสองคนนั้นอย่างเงียบ ๆ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ค่อยดี จึงเดินไปดึงมือเขามา “เป็นอะไรไปคะ?”
ลู่เฉินจับมือเธอกลับ แต่ไม่ตอบอะไรและดึงเธอให้ขึ้นลิฟต์ไป และตรงไปยังห้องทำงานของตน
ด้านเลขาที่ยังดูอายุน้อยมองด้วยสายตาซุบซิบนินทา แต่ก็ถูกตักเตือนผ่านสายตาของลู่เฉิน
ในขณะเดียวกันนั้น กลุ่มลับของบริษัทก็ได้รับข้อความข้อความหนึ่ง
[เรื่องใหญ่วันนี้ ท่านประธานอารมณ์ไม่ดี ใครจะเข้าไปหาก็รอไปก่อนแล้วกัน]
ทันทีที่เข้ามายังห้องทำงาน ลู่เฉินก็ปล่อยมือของซูโย่วอี๋ และเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด
รอบตัวปกคลุมไปด้วยความเคร่งเครียด
ซูโย่วอี๋หวนคิดไปถึงเมื่อกี้นี้ว่าเธอกับเฉินเฉินก็ไม่ได้สัมผัสร่างกายกันสักนิด ลู่เฉินคงไม่ได้กำลังหึงหรอกมั้ง
งั้นเขาเป็นอะไรไป?
หรือเพราะว่านี่ทำให้เขาขายหน้าต่อสาธารณชน?
แต่การที่แม่สามีใจร้ายพาอดีตสามีมาสร้างความวุ่นวายที่บริษัทของแฟนคนปัจจุบัน เรื่องนี้ก็ร้ายแรงจริง ๆ
หลังจากคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของลู่เฉินดังขึ้น “คุณมานั่งก่อนสิ”