Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 169 ชีวิตนี้ไม่ขอกลับไปอีกแล้ว
บทที่ 169 ชีวิตนี้ไม่ขอกลับไปอีกแล้ว
บทที่ 169 ชีวิตนี้ไม่ขอกลับไปอีกแล้ว
“ลาเต้นี้ของใครคะ?” เสียงอันนุ่มนวลของอวิ๋นเหมี่ยวดังขึ้น
ขณะที่ยื่นกาแฟขึ้น เธอก็มองออกไปยังด้านหน้า พอดีกับที่เธอเห็นว่าซูโย่วอี๋ยืนอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ไกลมากนัก
อวิ๋นเหมี่ยวทำท่าทางขอโทษ “อ่า”
“พวกคุณมาหยิบเอาเองนะ”
เธอเดินออกมาจากกลุ่มคน “คุณซู เมื่อครู่นี้ฉันมาสายเลยรู้สึกไม่ค่อยดี ก็เลยเลี้ยงกาแฟทุกคนค่ะ พอดีกับที่คุณกำลังถ่ายรูปอยู่ ฉันเลยลืมคุณไปเลย คุณอยากดื่มกาแฟของฉันมั้ยคะ?”
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว “ฉันไม่ดื่มกาแฟค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เธอกลับไปยังที่นั่งแต่งหน้าของตัวเอง ตั้งใจว่าถ้าล้างเครื่องสำอาจเสร็จก็จะกลับบ้านเลย
ส่วนเหมยเหมยแอบตามมาจากด้านหลังอย่างเงียบ ๆ รอจนห่างออกมาจากผู้คนแล้วจึงพูดขึ้น “พี่ซู คุณอวิ๋นเป็นคนละเอียดรอบคอบ ไม่มีทางลืมได้หรอก”
ต่อให้เป็นทีมงานทั่ว ๆ ไปเธอก็ไม่นับรวมจำนวนมาจนครบและซื้อมาตามจำนวนเป๊ะ ๆ หรอก
แต่ขาดของซูโย่วอี๋และของเหมยเหมยไปเนี่ยนะ
อวิ๋นเหมี่ยวตั้งใจที่จะไม่ซื้อให้พวกเธอต่างหาก
ไม่ใช่เพราะเหมยเหมยไม่พอใจถึงได้พูดจาลับหลัง แต่เธอเพียงแค่หวังดีอยากเตือนให้ศิลปินของตัวเองระวังตัวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ใจของคนคาดเดาได้ยาก
ซูโย่วอี๋ไม่ได้ตอบโต้อะไร “ช่างเธอเถอะ พวกเราอยู่เฉย ๆ ก็พอ”
เหมยเหมยเรียกช่างแต่งหน้ามาลบเครื่องสำอางให้ซูโย่วอี๋ ทันใดนั้นก็มีทีมงานเข้ามาถาม “คุณซูโย่วอี๋อยู่ไหนคะ?”
เพราะคนรุมเข้าไปเอากาแฟ ทำให้ที่นี่ค่อนข้างวุ่นวาย เมื่อได้ยินเสียงนั้นทีมงานทุกคนต่างก็หันไปมอง
เหมยเหมยยกมือขึ้น “อยู่นี่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ผู้กำกับสวีพึ่งแจ้งมาค่ะว่าต้องการเพิ่มรูปรวมระหว่างคุณกับพระเอกนางเอกค่ะ”
ตามแผนการก่อนหน้านี้ไม่มีแบบนี้นี่
ทีมงานจึงอธิบายเพิ่ม “ฉันเองก็ไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรสามารถติดต่อผู้กำกับได้เลยค่ะ อ้อ คุณซู คุณอย่าพึ่งลบเครื่องสำอางนะคะ”
ซูโย่วอี๋จึงทำได้เพียงให้ช่างแต่งหน้าเติมหน้าให้
ผ่านไปสักพักป๋ายลิ่นเดินมาพร้อมกับแก้วกาแฟ “ซูโย่วอี๋ คุณดื่มแก้วนี้ของผมไหมครับ? ผมยังไม่ได้ดื่ม”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ป๋ายลิ่นเป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม ให้ความรู้สึกถึงชนเผ่าพื้นเมืองเล็กน้อย และเป็นคนสบาย ๆ
เขาเกรว่าซูโย่วอี๋อาจเกรงใจจึงได้เอากาแฟวางไว้บนโต๊ะ “ไม่เป็นไร ถ้าคุณอยากกินก็กินได้เลยครับ ถ้าไม่อยากกินก็ทิ้งไปก็ได้ครับ”
“ในละครพวกเราสองคนไม่ค่อยเข้ากันเหมือนน้ำกับไฟ แต่นอกบทบาทผมก็หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
ป๋ายลิ่นพูดซะขนาดนี้ ถ้าซูโย่วอี๋ยังปฏิเสธอีกก็ดูจะใจแคบไปหน่อย
เธอจึงทำได้เพียงยิ้ม ๆ “ขอบคุณนะคะ”
คุยกันไปสักพักป๋ายลิ่นก็แยกออกไป ส่วนซูโย่วอี๋นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้
เดิมทีซูหยินบอกว่าจะกลับบ้านเมื่อวานตอนบ่าย แต่หลังจากนั้นไม่รู้เพราะอะไรถึงได้เปลี่ยนเป็นตอนบ่ายของวันนี้แทน
พอนึกถึงคนที่ขาดการติดต่อไป ซูหยินก็ส่งข้อความมาพอดี เธอส่งรูปภาพพวงกุญแจที่ซื้อมาจากสวนสนุก
ซูโย่วอี๋รีบส่งเครื่องหมายตกใจไปสามตัวในทันที
[นี่เธอจะพาฉันไปสวนสนุกเหรอ?]
[ซื้อของไปฝากเพื่อนรักไง บ่ายสามนี้ก็ถึงแล้ว ตอนเย็นอยากกินกับข้าวฝีมือเธอด้วย]
ซูโย่วอี๋แปลกใจว่าเธอไปกับใคร [นี่เธอไม่ได้กลับไปคืนดีกันใช่มั้ย?]
แต่ซูหยินแสดงออกอย่างหนักแน่น [กลับไปคืนดี? ชีวิตนี้ฉันไม่ขอกลับไปอีกแล้ว]
[งั้นเธอไปกับใคร? คงไม่ได้ไปคนเดียวหรอกนะ เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก รูปที่เธอโพสต์ก็คงเป็นรูปที่เขาถ่ายให้สินะ แถมยังดูมืออาชีพมากด้วย]
ผ่านไปสักพักซูหยินพึ่งตอบกลับ [เธอว่าฉันควรเอาผู้ชายที่ถ่ายรูปนี้มาเป็นแฟนดีไหม บนโลกนี้หาผู้ชายที่ถ่ายรูปสวยยากนะ]
ซูโย่วอี๋ [!!!]
ในตอนนั้น ทีมงานตะโกนให้เริ่มถ่ายภาพรวมแล้ว
ซูโย่วอี๋เลยรีบไปเปลี่ยนชุด
ผู้ช่วยผู้กำกับควบคุมอยู่ข้าง ๆ “อ่า เสิ้งเซี่ยคุณเข้าไปใกล้ ๆ หน่อย”
“ซูโย่วอี๋มาแล้ว คุณไปยืนข้าง ๆ ป๋ายลิ่นเลย”
ฮันเจ๋อหยางอยู่ตรงกลาง ส่วนอวิ๋นเหมี่ยวอยู่ทางซ้ายมือของเขา ป๋ายลิ่นอยู่ข้าง ๆ อวิ๋นเหมี่ยว
ซูโย่วอี๋เดินเข้าด้านข้างป๋ายลิ่นอย่างไม่ลังเล และไม่ได้อยู่ถัดจากอวิ๋นเหมี่ยวโดยตรง
แต่ผู้ช่วยผู้กำกับขมวดคิ้วขึ้น “ซูโย่วอี๋ คุณสลับที่กับป๋ายลิ่นหน่อย”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น สายตาของอวิ๋นเหมี่ยวมองต่ำลง แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่ ท่าทางดูอึดอัดเล็กน้อย
เธอไม่อยากยืนกับซูโย่วอี๋ เพราะซูโย่วอี๋สวยกว่าเธอ
ผู้หญิงสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกคนอื่นเอามาเปรียบเทียบ ความสวยของ อวิ๋นเหมี่ยวนั้นบริสุทธิ์ไม่ได้ดูก้าวร้าว ซึ่งนับเป็นข้อได้เปรียบ แต่ถ้าเทียบกับท่าทีเย็นชาของซูโย่วอี๋แล้ว ความสวยของเธอตกเป็นรอง
เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋เปลี่ยนที่เสร็จเรียบร้อย อวิ๋นเหมี่ยวแกล้งถามเหมือนไม่ตั้งใจ “ผู้กำกับ ฉันต้องเปลี่ยนที่ไหมคะ? ซูโย่วอี๋ทำให้ฉันรู้สึกกดดันมากเลย”
ได้ยินเช่นนั้นผู้ช่วยผู้กำกับก็นิ่งไปและมองไปยังคนสองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน แม้ว่าซูโย่วอี๋จะสวมเสื้อผ้าของผู้ชาย แต่อวิ๋นเหมี่ยวก็ยังถูกเปรียบเทียบอยู่ดี
ดูเหมือนว่านางเอกคนงามของเราจะเริ่มใจแคบขึ้นมาบ้างแล้ว
เขาคิดอยู่พักหนึ่ง “อืม งั้นคุณย้ายไปอีกฝั่ง”
พอเธอไปยืนกับเสิ้งเซี่ยก็ดูดีขึ้นมาก
หลังถ่ายภาพรวมเสร็จ ก็ถึงตอนที่ต้องถ่ายภาพคู่ของตัวละคร
เริ่มจากการถ่ายรูปของฮันเจ๋อหยางกับอวิ๋นเหมี่ยว อวิ๋นเหมี่ยวยืนอยู่ในอ้อมแขนของฮันเจ๋อหยาง ทั้งสองคนมองตากันด้วยเสน่หา
ฮันเจ๋อหยางเข้าสู่บทบาทในไม่กี่วินาที สายตาที่มองอวิ๋นเหมี่ยวเปลี่ยนไปเป็นลึกซึ้งมาก
จนทำให้อวิ๋นเหมี่ยวรู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเธอลอบยิ้มออกมา
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่ด้านข้างเองก็ตกใจกับความทุ่มเทให้กับงานของฮันเจ๋อหยาง สำหรับเธอ นี่คือการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง
จากนั้นผู้ช่วยผู้กำกับโบกมือเรียกเธอ “ซูโย่วอี๋ คุณก็เข้าไปเลย ต่อไปจะถ่ายพวกคุณสามคน ส่วนสำคัญของคุณคือรักที่ไม่อาจได้ตอบแทน เป็นความหลงรักที่ต้องอดกลั้นเอาไว้”
“แต่คุณจะต้องดูสงบนิ่ง จะทำท่าทีเหมือนหญิงสาวไม่ได้”
ซูโย่วอี๋พยักหน้าเข้าใจการกำกับของเขา
เธอผ่านการสวมบทบาทในเกมมาก่อนแล้วจึงเข้าใจในบุคลิกนี้ดี นั่นก็คือห้ามทำเหมือนหลงรัก
ตำแหน่งของพวกเขาสามคนคืออวิ๋นเหมี่ยวพิงไปที่ไหล่ของฮันเจ๋อหยางและยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนซูโย่วอี๋ถอยไปไม่กี่ก้าว มือทั้งสองข้างกอดไขว้อยู่บนหน้าอก มองดูสองคนนั้นด้วยสายตาโดดเดี่ยวและซับซ้อน
นักแสดงและทีมงานคนอื่น ๆ นั่งลงบนพื้น มองดูพวกเขาสามคนอย่างจริงจัง
ฮันเจ๋อหยางและอวิ๋นเหมี่ยวตั้งท่าเรียบร้อย ซูโย่วอี๋ถอยหลังลงไป
เธอยืนอย่างสบาย ๆ แต่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากที่ตอนแรกดูสบาย ๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
สายตาของเธอหยุดอยู่ที่คนสองคนด้านหน้า แต่ก็เหมือนไม่ได้มอง
ท่าทางของซูโย่วอี๋ดูสง่างามมาก แต่ในสายตามีแต่ความโศกเศร้าและยังแสดงให้เห็นถึงความอิจฉาในหัวใจของเธอด้วย
ราวกับมีแสงสีขาววาบขึ้นมาและเปลี่ยนช่วงเวลานี้ของพวกเขาทั้งสามคนให้เป็นนิรันดร์
ผู้ช่วยผู้กำกับมองซูโย่วอี๋และพยักหน้าไม่หยุด “แสดงอารมณ์ได้ดีมาก ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักครับ”
การถ่ายภาพของฮันเจ๋อหยางและอวิ๋นเหมี่ยวจบลงแล้ว และพวกเขากลับบ้านได้
แต่ซูโย่วอี๋ยังต้องถ่ายภาพกับป๋ายลิ่นต่อ
ฮันเจ๋อหยางอยู่ต่อเพื่อรอเธอ เพราะที่บริษัทมีงานด่วน สุ่ยเวยจึงได้กลับไปก่อนแล้ว
ส่วนอวิ๋นเหมี่ยวจะเดินจากไปแล้ว แต่ก็เดินกลับมายืนอยู่กับฮันเจ๋อหยาง และพูดคุยกับเขาด้วยความสนิทสนม “คุณฮัน คุณกับคุณซูอยู่บริษัทเดียวกันหรือเปล่าคะ?”
ฮันเจ๋อหยางพยักหน้า
“น่าอิจฉาคุณซูจริง ๆ ที่ได้อยู่บริษัทเดียวกันกับคุณ”
ฮันเจ๋อหยางเปลี่ยนเรื่องคุย “ตอนนี้คุณเตรียมกลับมาอยู่ที่จีนแล้วเหรอ? ไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณเซ็นสัญญากับบริษัทตัวแทนที่ไหน”
อวิ๋นเหมี่ยวยังคงมองไปยังซูโย่วอี๋ที่กำลังถ่ายงานอยู่ “อืม จริง ๆ ก็ได้รับการติดต่อจากบริษัทตัวแทนหลาย ๆ ที่แต่ก็รู้สึกว่าไม่ดีเลย ฉันเลยอยากลองดูไปก่อน”