Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 170 แนะนำให้หน่อย
บทที่ 170 แนะนำให้หน่อย?
บทที่ 170 แนะนำให้หน่อย?
อวิ๋นเหมี่ยวพูดจบก็มองไปยังฮันเจ๋อหยางอีกครั้ง ในสายตาเต็มไปด้วยความหวัง “ถ้าได้เข้าร่วมบริษัทที่ยอดเยี่ยมอย่างเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ได้ และได้ร่วมงานกับคุณฮันก็คงจะดี”
ฮันเจ๋อหยางยิ้มจาง ๆ “ด้วยประสบการณ์ของคุณอวิ๋น การเข้าเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์น่าจะเป็นเรื่องง่ายนะครับ”
คำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คำชม เพราะตอนที่อยู่ต่างประเทศ อวิ๋นเหมี่ยวได้เข้าร่วมถ่ายทำ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดและได้ทำงานในหลากหลายสาขา ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย
แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกับฮันเจ๋อหยางได้ แต่อวิ๋นเหมี่ยวเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากว่ามากเมื่อเทียบกับซูโย่วอี๋
อวิ๋นเหมี่ยวได้ยินคำพูดนั้นของฮันเจ๋อหยางก็ดูดีใจไม่น้อย “ได้ยินนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอย่างคุณฮันพูดแบบนี้ ฉันก็มั่นใจในตัวเองขึ้นมากเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณฮันพอจะช่วยแนะนำให้หน่อยได้มั้ยคะ?”
ฮันเจ๋อหยางมองต่ำลง ต่อมาก็หันกลับไปมองอวิ๋นเหมี่ยว “แน่นอนอยู่แล้วครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยคนสวยอย่างคุณ”
จากประโยคนี้
แม้เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์จะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว
ปกติแล้ว เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไม่น่าจะปฏิเสธคนที่มีประสบการณ์ในวงการบันเทิงในต่างประเทศและยังเป็นศิลปินที่มีคนในวงการรู้จักเยอะอย่างอวิ๋นเหมี่ยวได้
ดูเหมือนจะได้เปรียบกันทั้งสองฝ่าย
อวิ๋นเหมี่ยวไม่คิดว่าฮันเจ๋อหยางจะยอมรับคำได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ขอบคุณนะคะ คุณฮัน”
ขณะกำลังคุยกันอยู่นั้น มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งแทรกเข้ามา “เหมี่ยวเหมี่ยว พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่ ดูคุณยิ้มมีความสุขมากเลยนะครับ?”
ร่างกายของอวิ๋นเหมี่ยวแข็งทื่อในทันที และค่อย ๆ หันไปยังผู้ชายที่รูปลักษณ์ภายนอกราวกับผู้หญิง
“ซวี่เฟิง คุณมาได้ยังไงเนี่ย?”
ผู้ชายที่ชื่อซวี่เฟิงเดินเข้ามาและโอบไหล่ของอวิ๋นเหมี่ยว “แฟนทำงานหนัก ผมก็ต้องมาเยี่ยมบ้างสิครับ”
ใบหน้าของอวิ๋นเหมี่ยวยังคงยิ้มอยู่ แต่ร่างกายกลับพยายามต่อต้านผู้ชายข้าง ๆ
พอได้ยินแบบนั้นฮันเจ๋อหยางก็ถอยห่างออกไปสองก้าวอย่างใจเย็น
ซวี่เฟิงบีบมืออันบอบบางของอวิ๋นเหมี่ยวแน่น “คุยกับผู้ชายหล่อ ๆ แล้วมีความสุขมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
อวิ๋นเหมี่ยวหลบสายตาไม่กล้ามองซวี่เฟิง “เปล่าสักหน่อย ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก คนนี้ชื่อฮันเจ๋อหยางรับบทเป็นหลี่จื้อพระเอกเรื่องรักในฝัน และยังเคยคว้าตำแหน่งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย เขาดังมากในประเทศจีน”
ซวี่เฟิงมองฮันเจ๋อหยาง ทันใดนั้นก็ตีหัวของตัวเอง “อ้อ ผมนึกออกแล้ว คุณเคยเล่นละครมาก่อนเรื่องเจ็ดสิบสองชั่วโมงไล่ล่าฆาตกร ที่แสดงเป็นตำรวจใช่มั้ยครับ?”
“ครับ นั่นผมเอง”
ซวี่เฟิงทำตัวเป็นนักวิจารณ์ เขาวิจารณ์ทักษะการแสดงของฮันเจ๋อหยางอย่างไม่เกรงใจ อวิ๋นเหมี่ยวทำได้เพียงยืนตัวเกร็งอยู่ข้าง ๆ
แต่ฮันเจ๋อหยางเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาไม่ได้โวยวายหรือรู้สึกโกรธ
ในที่สุดซวี่เฟิงก็เลิกสนใจชายตรงหน้า
และมองไปยังอวิ๋นเหมี่ยว “คนที่เล่นบทนางรองไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
อวิ๋นเหมี่ยวชี้ไปยังซูโย่วอี๋ที่กำลังถ่ายภาพอยู่ “คนนั้นไง”
ซูโย่วอี๋อยู่ตรงมุม จึงหันหลังให้พวกเขาพอดี
ซวี่เฟิงเห็นซูโย่วอี๋ในชุดผู้ชายเขาก็หมดความสนใจไปในทันที “ผู้หญิงดี ๆ ทำไมถึงแต่งตัวเหมือนผู้ชายเลยล่ะ ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย แล้วนี่คุณทำงานเสร็จหรือยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ”
อวิ๋นเหมี่ยวอยากให้ซวี่เฟิงรีบหายหน้าออกไปจากสายตาของผู้คน พอได้ยินเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้น “งานของฉันเสร็จหมดแล้ว ไปกันเถอะ”
ซวี่เฟิงดึงอวิ๋นเหมี่ยวออกไป
ส่วนคนที่แอบดูอยู่ข้าง ๆ เดินมาที่ฮันเจ๋อหยางและถามด้วยความสงสัย “คุณฮัน ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใครเหรอคะ?”
หลายคนเห็นซวี่เฟิงและอวิ๋นเหมี่ยวทำตัวสนิทสนมกันมาก พวกเขาอยากได้คำตอบที่ชัดเจนจากปากของใครสักคนเท่านั้น
“แฟนของอวิ๋นเหมี่ยว”
เมื่อได้ยินคำตอบนั้น สีหน้าของหลาย ๆ คนก็ดูเป็นไปตามที่คาดไว้
“อวิ๋นเหมี่ยวอายุเท่าไหร่น่ะ?”
“น่าจะ 26 ไม่ก็ 27?”
“อายุเท่านี้มีแฟนก็เป็นเรื่องปกติ”
“พวกคุณไม่รู้อะไรเอาเสียเลย อย่าคิดว่าแฟนของเธอเป็นคนธรรมดาสิ เขาเป็นถึงทายาทมหา-เศรษฐีจากต่างประเทศเชียวนะ”
“งั้นรีบเล่ามาไว ๆ เลย”
“ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมาก เหมือนว่าในตอนแรก ๆ ที่อวิ๋นเหมี่ยวเข้ามาในวงการนี้ได้ก็เพราะแฟนของเธอช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้”
ฮันเจ๋อหยางไม่ได้สนใจในเรื่องพวกนี้ แต่แฟนคนนี้ของอวิ๋นเหมี่ยวมารยาทแย่เกินไปหน่อย!
อีกอย่างท่าทางการพูดคุยระหว่างพวกเขาก็ดูแปลก ๆ เหมือนอวิ๋นเหมี่ยวกลัวผู้ชายที่เธอเรียกว่าแฟนด้วยซ้ำ
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ฮันเจ๋อหยางขี้เกียจเข้าไปยุ่ง อวิ๋นเหมี่ยวเองก็ไม่ใช่น้องสาวของเขาด้วย
เขาเรียกเหมยเหมยมา “ผมไปรอบนรถก่อนนะ ถ้าพวกคุณเสร็จแล้วค่อยตามไป”
หลังจากที่ซูโย่วอี๋ถ่ายภาพเสร็จก็รีบไปหาฮันเจ๋อหยางทันที
พวกเขายุ่งตลอดทั้งวัน ศิลปินทั้งสองต่างก็เหนื่อยกันมากเลยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยตลอดทาง
ซูโย่วอี๋ให้คนขับรถไปส่งเธอที่ร้านค้าใกล้ ๆ บ้าน เพราะซูหยินกลับมาแล้ว เธอเลยต้องซื้อของที่เพื่อนสาวชอบกินมาสักหน่อย
พอเห็นอย่างนั้น ฮันเจ๋อหยางก็ถามอย่างสงสัย “คุณทำกับข้าวเองเหรอ?”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “จริง ๆ วันนี้เหนื่อย ๆ ก็ไม่ค่อยอยากทำกับข้าวหรอกค่ะ”
แต่หยินหยินอยากกิน เธอก็เลยตัดสินใจจะทำเอง ทำแค่กับข้าวสองอย่างกับต้มอีกสักอย่างก็พอ
ฮันเจ๋อหยางมองดูใบหน้าเหนื่อยล้าของเธอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเป็นห่วง “สั่งอาหารเอาเถอะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้ประธานลู่ทำให้”
นึกถึงลู่เฉินขึ้นมา ซูโย่วอี๋ก็ยิ้มขึ้น “เขาอะนะ ทุกครั้งที่เข้าครัวเอาแต่ต้มโจ๊ก ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยสักอย่าง”
พอได้ยินแบบนั้นทำเอาฮันเจ๋อหยางแอบแปลกใจ ประธานลู่เข้าครัวทำอาหารให้ผู้หญิงได้จริง ๆ เหรอ?
ในหัวของเขาจินตนาการภาพของลู่เฉินที่มีใบหน้าเข้มงวดจริงจัง แขนเสื้อพับขึ้นเพื่อหั่นผักล้างหม้อ
พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูก “ความสัมพันธ์ของพวกคุณดีจัง”
ซูโย่วอี๋กลับรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไป “รอให้พี่ฮันมีความรักก็จะรู้เอง ความรู้สึกที่ยอมทำเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบให้กับอีกฝ่าย”
ฮันเจ๋อหยางเกาหัว “เปลี่ยนตัวเองเพื่ออีกฝ่ายเหรอ? งั้นตลอดชีวิตนี้ผมคงไม่มีความรักแล้วแหละ”
“อย่าพูดเหมือนแน่ใจขนาดนั้นสิคะ ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายใครจะไปรู้?”
รถจอดลง คนขับรถแจ้งว่ามาถึงร้านค้าแล้ว
“รุ่นพี่ฮัน ไว้เจอกันนะคะ อย่างไรก็อยู่ทีมละครเดียวกัน คงมีโอกาสอีกมาก”
ฮันเจ๋อหยางพยักหน้า
ส่วนเหมยเหมยลงรถไปพร้อมกับซูโย่วอี๋
ซูโย่วอี๋งงงวย “คุณไม่ไปบริษัทเหรอ?”
เหมยเหมยมองเธอ “ฉันไม่ค่อยวางใจให้คุณไปคนเดียว ถ้ากลับบริษัทไปแล้วถูกพี่สุ่ยถามว่าทำไมทิ้งคุณไว้ที่ร้านค้าคนเดียวก็คงตอบไม่ได้ ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณและส่งคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัยยังดีกว่า”
ซูโย่วอี๋รู้สึกขบขันกับคำพูดของเธอ
หลังจากซื้อของสำหรับสองสามในร้านค้า ซูโย่วอี๋ก็กลับบ้าน เธอพยายามชักชวนให้เหมย เหมยอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันแต่ก็ถูกปฏิเสธ
ซูหยินได้ยินเสียงเปิดประตูก็วิ่งออกมาและรับถุงพลาสติกในมือของเหมยเหมยไป “โอ้ ที่รัก นี่ซื้อมาแต่ของที่ฉันชอบเลยเหรอ”
ซูโย่วอี๋บอกให้เหมยเหมยกลับบ้านอย่างปลอดภัยและปิดประตูลง เตรียมพร้อมสอบปากคำซูหยินเรื่องที่เธอหายไป
ซูหยินเห็นท่าทางการสอบสวนอันจริงจังของเธอ “เป็นอะไรไปที่รัก?”
“อย่ามาปกปิดนะ อธิบายมาให้หมด คนที่ไปสวนสนุกกับเธอเป็นใคร?”
ท่าทีของซูหยินนั้นดูสบาย ๆ “กู่อวี๋เฉิงไง เธอคิดว่าเป็นใครล่ะ? ฉันไปทำงานต่างเมืองกับเขา ก็เลยได้ไปด้วยกันพอดี”
สายตาของซูโย่วอี๋ดูสงสัย “พอดีเหรอ?”
ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลก ๆ คนปกติที่ไหนจะไปเที่ยวกับเจ้านายของตัวเองในตอนที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด แล้วยังไปสวนสนุกอีก?
แต่จากท่าทีของซูหยินก็พูดได้ยาก
“คงไม่ใช่ว่าเธอบังคับเขาไปหรอกนะ?”
ซูหยินเลิกคิ้วขึ้น
บังคับ?
แน่นอนว่าเธอต้องบังคับเขาสิ
ไม่งั้นกู่อวี๋เฉิงจะยอมเชื่อฟังง่าย ๆ ได้อย่างไร