Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 187 ทิ้งคุณไปไม่ได้
บทที่ 187 ทิ้งคุณไปไม่ได้
บทที่ 187 ทิ้งคุณไปไม่ได้
เมื่อกลับมาถึงชั้นสิบหก ลู่เฉินปล่อยมือเธอออกและเปลี่ยนรองเท้า จากนั้นก็เข้าไปในห้อง
ซูโย่วอี๋กระพริบตาปริบ ๆ นี่คืออะไรกัน?
เขาโกรธเหรอ?
เธอก้าวไปข้างหน้า “ลู่เฉิน คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอ?”
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาดูเย็นชา “คุณบอกว่าจะทำอาหารเย็นให้ผม”
“คุณยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ตกใจเล็กน้อย
“อืม”
ซูโย่วอี๋มองดูโทรศัพท์ ตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว เธอรู้สึกผิดเลยดึงมือเขาเข้ามา “คุณไม่หิวเหรอคะ? ทำไมไม่หาอะไรกินก่อน?”
ลู่เฉินยกเปลือกตาขึ้นเบา ๆ “คุณทิ้งผม แล้วยังจะมาโทษผมอีกเหรอ?”
ในสายตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคำกล่าวโทษ
ซูโย่วอี๋ชะงักและทำหน้าอาย ๆ “ฉันไม่ได้โทษคุณ แต่เป็นห่วงคุณต่างหาก งั้นฉันจะไปทำให้คุณตอนนี้เลย คิดเสียว่าเป็นการขอโทษ”
“แต่คุณยังติดอาหารมื้อใหญ่ผมอยู่นะ”
ซูโย่วอี๋คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “ฉันไม่ลืม แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ที่บ้านไม่มีวัตถุดิบอะไร เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะทำให้คุณแน่นอน”
ลู่เฉินดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน “เจ้าแมวจอมขี้เกียจ คุณลองฟังที่คุณพูดสิว่ามันดูขี้โกงไปหรือเปล่า”
ครั้งหน้า…
“ใช่ที่ไหน ฉันพูดจริง ๆ”
เสียงแหบแห้งของลู่เฉินดังมาจากด้านบนหัวของเธอ “แต่ผมคือลู่เฉิน… คนที่ไม่ชอบให้คนอื่นมาติดหนี้มากที่สุด”
“ฉันก็จะทำตามที่พูดแล้วนี่ไง”
ซูโย่วอี๋พิงเข้าไปในอกของเขาเพื่อฟังเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก นานแล้วที่เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้
“ฉันจะทำ จะไปทำให้คุณตอนนี้เลย”
ฝ่ามือเรียวของลู่เฉินลูบลงบนศีรษะของเธอเบา ๆ “ไม่ต้องแล้ว”
“คุณต่างหากคืออาหารของผม”
เหมือนท้องฟ้ากำลังหมุนวน
ลู่เฉินอุ้มเธอขึ้นมาและเดินไปยังห้องนอน
ซูโย่วอี๋เงยหน้ามองที่สันกรามของเขา “ลู่เฉิน อย่าล้อเล่นสิ คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“ผมอยากกินแค่คุณ”
จะกลืนกินเธอทั้งตัว
กินจนหมดเกลี้ยง
ซูโย่วอี๋หน้าร้อนผ่าว แต่แกล้งทำหน้านิ่ง “คุณมีแรงเหรอ?”
ดวงตาสีเข้มของลู่เฉินมองลงไปยังคนตัวเล็กนุ่มนิ่มที่ดูน่ากินในอ้อมแขนของเขา “คุณลองดูสิ”
ในคืนนั้น ลู่เฉินดุร้ายมากไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหน มันหนักหน่วงจนในหัวของซูโย่วอี๋มีเพียงประโยคเดียวที่ลอยไปมา
เหมือนคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันได้ไม่นาน!
คนโบราณไม่เคยหลอกฉันเลยจริง ๆ!
เช้าวันถัดมา ตอนที่เหมยเหมยโทรศัพท์มาหาซูโย่วอี๋ เธอกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
ลู่เฉินถือโทรศัพท์ไปห้องนั่งเล่นและรับสาย “ฮัลโหล”
เหมยเหมยนิ่งค้างไปครู่หนึ่งและตอบกลับท่านประธานว่าเธอเอง แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ [ประธานลู่ ฉันมารับพี่ซูไปสนามบินค่ะ]
“บินตอนกี่โมงล่ะ?”
[เก้าโมงครึ่งค่ะ]
ตอนนี้แปดโมง ถ้าจะไปที่นั้นต้องใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที ลู่เฉินคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ไปรอผมที่โรงจอดรถ ผมไปส่งพวกคุณเอง”
หลังวางสายไป ลู่เฉินกลับไปยังห้องนอนและลูบแก้มแดง ๆ ของซูโย่วอี๋เบา ๆ
“เจ้าแมวจอมขี้เกียจ ตื่นได้แล้ว”
ซูโย่วอี๋ง่วงจนไม่ยอมลืมตาขึ้นมา เอาแต่พึมพำขึ้น “ขอนอนต่ออีกนิด”
ซูโย่วอี๋พูดพลางหันตัวกลับไป ผ้าห่มเลื่อนลงไปจนทำให้เห็นรอยช้ำที่หน้าอก ลูกกระเดือกของลู่เฉินขยับ เขาพูดขึ้นอย่างยับยั้งชั่งใจ
“งั้นผมใส่เสื้อผ้าให้คุณเอง”
เขาหยิบชุดวอร์มออกมาจากห้องเสื้อผ้าและช่วยใส่ชุดให้ซูโย่วอี๋
ผิวใสเหมือนหิมะ เอวบาง ขายาว
ลู่เฉินหลับตาลงรีบใส่ชุดให้เธออย่างรวดเร็วและอุ้มเธอขึ้น พร้อมใส่แว่นกันแดดกับหมวกให้ด้วย
ซูโย่วอี๋ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกพาไปไหน
เมื่อลงมาถึงโรงจอดรถ ลู่เฉินก็เห็นเหมยเหมยยืนถือกระเป๋าเดินทางอยู่หน้ารถ พอเห็นลู่เฉินกำลังอุ้มซูโย่วอี๋อยู่ เธอก็มึนงงเล็กน้อย
“ประธานลู่?”
แต่ใบหน้าลู่เฉินกลับนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก “ให้เธอนอนพักอีกหน่อย คุณไปเปิดประตู”
เขาพาซูโย่วอี๋ไปนอนที่เบาะหลังและปรับตำแหน่งเบาะลงไปต่ำสุด หลังจากนั้นก็ช่วยเธอถอดหมวกกับแว่นตากันแดดออก เพื่อให้เธอนอนสบายมากยิ่งขึ้น
“ระหว่างขับรถคุณระวังหน่อยนะ”
เหมยเหมยรีบพยักหน้า “วางใจได้เลยค่ะ”
แต่ในใจของหญิงสาวกลับกำลังร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
พระเจ้า เขาคือประธานลู่ผู้เย็นชาไร้ความรู้สึกจริงหรือเปล่า?
คนที่ด่าคนอื่นอย่างไม่สนใจใครและไร้ความปราณี คนที่ทำให้ทั้งบริษัทต้องตื่นตระหนกอย่างเขา?
ตอนนี้กลับกลายเป็นแฟนหนุ่มที่คอยดูแลปรนนิบัติแฟนของตัวเองเป็นอย่างดีเนี่ยนะ
อบอุ่นจังเลย
เธออิจฉาแล้วนะ
ถึงสนามบิน ลู่เฉินก็ให้เหมยเหมยเข้าไปจัดการเรื่องเช็คอินก่อน ส่วนตัวเองก็ไปซื้ออาหารเช้า เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาแล้วจึงได้เรียกซูโย่วอี๋ให้ตื่น
“โย่วอี๋ ถ้ายังนอนอยู่จะไม่ทันเครื่องบินแล้วนะ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในหู ซูโย่วอี๋ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เธอมองเห็นภาพในรถและนิ่งค้างไป “ฉันมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
ไม่ใช่ว่าเธอนอนอยู่บนเตียงที่บ้านของตัวเองเหรอ?
“อืม ผมอุ้มคุณลงมา”
ให้หัวของซูโย่วอี๋ยังไม่ตื่นดี แต่พอได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตัวเองต้องกลับไปถ่ายละคร “ลู่เฉิน เหมยเหมยล่ะ?”
“เธอเข้าไปก่อนแล้ว”
ซูโย่วอี๋สางผมของตัวเองสองสามที มองตัวเองผ่านกระจกมองหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คน และสวมแว่นกันแดดพร้อมกับหน้ากากอนามัย “งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ”
ลู่เฉินส่งถุงใบเล็ก ๆ ให้กับเธอ “ไม่ต้องรีบ กินข้าวเช้าก่อน”
ไม่พูดถึงก็ดีอยู่แล้ว แต่พอพูดอย่างนี้ก็หิวขึ้นมาเลย
ยังพอมีเวลาอยู่ ซูโย่วอี๋รับมาดู เธอเห็นว่าข้างในคือแซนด์วิชกับนม
“แล้วคุณกินแล้วหรือยัง?”
ลู่เฉินมองเธอด้วยสีหน้าอบอุ่น “กินแล้ว”
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ลู่เฉินก็มาส่งเธอยังที่ตรวจตั๋ว ซึ่งเหมยเหมยกำลังรออยู่ตรงนั้น
ซูโย่วอี๋หยิบตั๋วและเดินไปสองก้าว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาและกลับตัวเข้าสวมกอดลู่เฉิน
“เหมือนฉันทิ้งคุณไปไม่ได้เลย”
เธอพูดอย่างเศร้า ๆ
มุมปากของลู่เฉินยกขึ้นและเอื้อมมือไปลูบหลังของเธอ
รอจนซูโย่วอี๋ควบคุมอารมณ์ได้และเตรียมพร้อมสำหรับการกล่าวลาจริง ๆ
ทันใดนั้นลู่เฉินก็พูดขึ้น “ซูโย่วอี๋”
เธอเงยหน้ามองเขา
ลู่เฉินเชยหน้าของเธอด้วยมือข้างเดียวและจูบลงบนหน้าผาก
เพียงสัมผัสเดียวก่อนจากลา
ทั้งสองคนต่างก็สวมหน้ากากอนามัยอยู่ จูบนี้จึงไม่มีความหมายเหมือนกับการจูบกันจริง ๆ
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันช่างโรแมนติกจริง ๆ
ผู้คนที่มองมาก็ส่งเสียงอุทานออกมา “ว้าว โรแมนติกจัง”
เหมยเหมยอยากจะปิดตาของตัวเอง ประธานลู่ คนของคุณจะบ้าตายอยู่แล้วคุณรู้บ้างมั้ย
คุณไม่ใช่คนที่บ้างานอีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเอาไว้
“ผมจะรอคุณกลับมานะ”
ซูโย่วอี๋สูดลมหายใจเข้าอย่างไม่เต็มใจ “อืม อย่าลืมดูละครที่ฉันเล่นด้วยนะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศดังขึ้นเรียกผู้โดยสารในรอบเก้าโมงครึ่งให้เตรียมตัว
“ฉันไปจริง ๆ แล้วนะ”
ลู่เฉินโบกมือให้เธอ ครั้งนี้ซูโย่วอี๋ทำใจยอมจากไป
พอเดินไปเรื่อย ๆ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เธอตรวจสอบดูอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็เจอปัญหา
!
โอ้ย เธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน!
…
กว่าจะมาถึงอำเภอหลิงจือก็บ่ายสามกว่าแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในโรงแรม ซูโย่วอี๋เลยติดต่อหาฮันเจ๋อหยาง
คิดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้กำลังถ่ายละครอยู่พอดี
[กลับมาแล้วเหรอ?]
ทันทีที่ซูโย่วอี๋ได้ยินเสียงของเขาก็ยิ้มขึ้นมา “อืม พวกคุณอยู่ไหน ต้องให้ฉันไปหาตอนนี้เลยไหม?”
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเข้าถ่ายทำกันไปถึงไหนแล้ว
[รอก่อน ฉันถามผู้กำกับสวีก่อน]
ในสายโทรศัพท์มีเสียงไม่ค่อยชัดเจนดังขึ้น
ผ่านไปสักพักฮันเจ๋อหยางจึงพูดต่อ [วันนี้เธอไม่มีถ่าย ถ้าคืนนี้ถ่ายเสร็จไวผู้กำกับสวีจะกลับไปอธิบายฉากต่อไปให้เธอฟัง แต่ถ้าดึกแล้วก็เป็นพรุ่งนี้เช้าแทน]
ซูโย่วอี๋พักผ่อนไม่เพียงพอจึงอยากนอนพักมาก “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะรุ่นพี่ฮัน”