Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 205 เริ่มต้นชีวิตใหม่
บทที่ 205 เริ่มต้นชีวิตใหม่
บทที่ 205 เริ่มต้นชีวิตใหม่
เนื้อชิ้นเล็ก ๆ ถูกคว้านออกมาและถูกทิ้งลงบนพื้นพร้อมกับคราบเลือดสีดำปนแดง ซูโย่วอี๋รู้สึกเจ็บเจียนตายแต่เธอไม่ร้องออกมา
ต่อมาทหารหร่งตี๋ก็มีความชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาคว้านเนื้อของเธอออกมาห้าหรือหกชิ้นติดต่อกัน
คว้านเป็นชิ้นบาง ๆ
และมันก็เจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายแล้วยังมีความสิ้นหวังจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอไม่รู้ว่าการทรมานจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และไม่รู้ว่าความเจ็บปวดนี้จะคงอยู่อีกนานแค่ไหน
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง และเปลี่ยนมือเพชฌฆาตไปถึงสามครั้ง
ในที่สุด มือซ้ายของซูโย่วอี๋ก็ไม่พบชิ้นเนื้อและเส้นเลือดที่สมบูรณ์อีกต่อไป ภาพที่ออกมาก้ดูน่ากลัว
ใบหน้าของซูโย่วอี๋ซีดเผือด หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เลือดในร่างกายของเธอดูเหมือนจะถูกสูบออกไปหมด เธอหลับตาอย่างอ่อนแรง เผยให้เห็นความเงียบงัน
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ร้องไห้แม้แต่น้อย!
ทหารมองมีดในมือแล้วหันกลับมาถาม “หัวหน้า จะลงโทษต่อหรือไม่ขอรับ”
เมื่อเห็นว่าไม่ได้อะไรจากซูโย่วอี๋ ปากของเธอเม้มแน่นไม่ยอมปริปาก และน้ำเสียงของเขาก็หงุดหงิด “เอาพริกน้ำส้มมา”
เขาไม่เชื่อว่าเกียรติของซูโย่วอี๋ไม่สามารถถูกทำลายได้!
มีคนไม่กลัวตายอยู่บนโลกนี้จริงเหรอ?
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็เข้ามาพร้อมพริกน้ำส้มถ้วยเล็ก “หัวหน้า ผมเอาพริกทั้งหมดมาแล้ว”
คนหร่งตี๋มักจะไม่มีอารยธรรมในการกิน ไม่ประณีตเหมือนชาวต้าเซี่ย และยังมีเครื่องปรุงรสน้อยกว่า
และพริกนี้ก็นำออกมาจากคลังเสบียงของพวกเขา
ผู้นำของพวกเขาโบกมือด้วยความรำคาญเพื่อให้พวกเขาออกไป “เหลือไว้ด้วยล่ะ อย่าใช้หมดทีเดียว”
“หัวหน้าไม่ต้องกังวล ข้าจะเอามาราดทีละถ้วย ๆ”
ซูโย่วอี๋มองไปที่พริกน้ำส้ม พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย และหลับตาลงอย่างยอมแพ้
เมื่อปิดการมองเห็น การได้ยินและการรับรู้จะถูกขยายขึ้น
ซูโย่วอี๋รู้สึกเพียงความเปียกชื้นที่แขนของเธอ ตามด้วยความเจ็บปวดที่ลึกเข้าไปในไขกระดูก
สติสัมปชัญญะของเธอถูกทำลายทันที!
ในความมึนงง ซูโย่วอี๋ดูเหมือนจะเห็นภาพของฮั่วเสวียนและหลี่จื้อที่เคยอยู่ด้วยกัน
บนทุ่งหญ้าเขียวขจี พวกเขาขี่ม้าอย่างบ้าระห่ำ เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ หารือเรื่องการบริหารกองทัพและการปกครองบ้านเมือง พร้อมดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน
มุมปากของซูโย่วอี๋ยกขึ้น
ผู้นำยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ยังหัวเราะได้อยู่อีกเหรอ!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาตบหน้าซูโย่วอี๋และพบว่าเธอไม่ตอบสนอง “หัวหน้า เขาหมดสติไปแล้วขอรับ”
“ปลุกเขาขึ้นมา! อยู่ในคุกใต้ดินแล้วคิดว่าเป็นโรงเตี๊ยมหรืออย่างไร?”
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งกลางวันและกลางคืน ซูโย่วอี๋ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมเป็นเวลาสี่วันในคุกใต้ดิน
จนกระทั่งเฟ่ยชินทั่วฟาดเข้าไปที่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งบนหน้าอกของซูโย่วอี๋ด้วยแส้ เสื้อผ้าเปิดออกเผยให้เห็นผ้าสีขาวที่ห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา
เฟ่ยชินทั่วก้าวไปข้างหน้าและสัมผัสมัน มันนุ่มหยุ่นเมื่อสัมผัส!
ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เผยความตกใจออกมา
ฮั่วเสวียน เทพแห่งสงครามผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าเซี่ยผู้โ่งดัง แท้จริงแล้วเป็นหญิง!
เฟ่ยชินทั่วมองไปที่ซูโย่วอี๋ด้วยสายตาที่สับสนมาก นอกเหนือจากความเกลียดชังที่เป็นศัตรูระหว่างกองทัพทั้งสองแล้ว ยังมีแววตาแห่งความชื่นชมและความสงสารที่อธิบายไม่ได้
แม้ว่าซูโย่วอี๋จะน่าสงสารเหมือนขอทานข้างถนน แต่ในสายตาของเฟ่ยชินทั่วนางก็ยังสวยกว่าสาวงามอันดับหนึ่งของหร่งตี๋เสียอีก
ซูโย่วอี๋มองไปที่เฟ่ยชินทั่วด้วยสายตาเย็นชา “เอามือของเจ้าออกไป ไม่เช่นนั้น วันหน้าข้าจะตัดมือของเจ้าไปให้หมากิน!”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใด เฟ่ยชินทั่วเอามือออกอย่างเชื่อฟังและหันไปมองทหารหร่งตี๋ “จากนี้ไป จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ลงโทษเขาอีกต่อไป หากข้าได้รับแจ้งว่ามีคนฝ่าฝืนคำสั่งของข้า ผู้นั้นจะถูกจัดการตามกฎหมายทหาร!”
ตาของเขาจับจ้องไปที่ทหารทุกนาย!
แต่คนเหล่านั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่ง
เฟ่ยชินทั่วมองไปที่ซูโย่วอี๋ ก่อนที่จะนำทุกคนออกจากห้องขัง
และคุกใต้ดินก็ได้กลับมาสงบอีกครั้ง
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองที่ช่องรับแสง ในที่สุดการทรมานก็สิ้นสุดลง
เธออยากจะแตะฝ่ามือแล้วกดปุ่มออกจากเกม แต่พบว่าเธอถูกมัดไว้ มือซ้ายและขวาของเธอไม่สามารถเอื้อมถึงกันได้เลย
ได้เวลาบาร์บีคิวแล้ว!
“จิ้งจอกเน่าช่วยด้วย”
เมื่อจิ้งจอกเน่าได้ยินเสียงเรียกของซูโย่วอี๋ เขาก็รีบจบเกมให้ทันที
ซูโย่วอี๋เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของฉากโดยรอบและกลับไปยังมิติของเธอ จากนั้นความเจ็บปวดก็หายไเป็นปลิดทิ้งในทันที
เธอล้มลงกับพื้นด้วยความรู้สึกอ่อนแรง แม้แต่ดวงตาของเธอก็ไม่ชัดเจนเหมือนเมื่อก่อน แต่มีอาการชาและหมองคล้ำเล็กน้อย
[ซู่จู่ คุณสบายดีไหม]
จิ้งจอกเน่าไม่กล้าดูฉากที่ซูโย่วอี๋ถูกทรมานด้วยซ้ำ
ซูโย่วอี๋พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฉันสบายดี แค่ต้องใช้เวลา”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซูโย่วอี๋ก็ลุกขึ้น แต่เมื่อเธอวางมือลงบนพื้น ก็พบว่ามือของเธอไร้เรี่ยวแรงและเกือบจะไม่สามารถพยุงตัวเองขึ้นได้
เธอรู้สึกว่ามือและแขนของเธอไร้ประโยชน์โดยไม่รู้ตัว
ทั้งที่ร่างกายตอนนี้แข็งแรงดีและไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ตอนนี้ปัญหาคือสภาพจิตใจของซูโย่วอี๋
จิ้งจอกเน่ารู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย [ซู่จู่ คุณต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า]
ซูโย่วอี๋ยืนขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ไม่ต้องการ”
แล้วออกจากพื้นที่ระบบ
ซูโย่วอี๋ลืมตาขึ้นในรถ เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่เหมยเหมยมาปลุกเธอพอดี “คุณซู คุณตื่นหรือยัง”
“อืม”
“ผู้กำกับสวีให้คนมาตามค่ะ บอกว่ากองพร้อมแล้ว ทุกคนกำลังรอคุณอยู่”
“อืม”
ซูโย่วอี๋มองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง และบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่คุกใต้ดินที่มีการทรมานอีกต่อไป
เหมยเหมยประคองเธอขึ้น ซูโย่วอี๋ก็จับเธอเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณ”
เพราะเธอคอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยดูแลตัวเองอย่างดี
เหมยเหมยรู้สึกว่าจิตใจของซูโย่วอี๋ย่ำแย่ลง “คุณซู มันเป็นแค่ละคร อย่าเก็บไปคิดมากเลยนะ”
ซูโย่วอี๋เม้มริมฝีปาก มันคงเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับเธอ
หลังจากมาถึงกองถ่ายได้ไม่นาน ผู้กำกับสวีเห็นว่าสภาพจิตใจของซูโย่วอี๋ไม่ค่อยดีเลยเอ่ยปากถาม “เป็นอะไรไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรามาเริ่มถ่ายกันเลยไหมคะ”
เธอมั่นใจว่าสามารถแสดงบทบาทออกมาให้ถูกใจเขาได้
สวีโหมวเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าซูโย่วอี๋จะพูดเพียงคำเดียวเบา ๆ แต่เขารู้สึกว่าซูโย่วอี๋ได้สวมบทบาทตัวละครแล้ว!
สถานการณ์ดี ๆ แบบนี้จะไม่รีบคว้าไว้ได้อย่างไร สวีโหมวหยิบโทรโข่งขึ้นมาทันที “ทีมงานเข้าประจำที่!”
“สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!”
สวีโหมวจ้องมองที่ซูโย่วอี๋อย่างใกล้ชิดในกล้อง เขาจับทุกการแสดงที่ถ่ายทอดผ่านดวงตาของเธอ และการแสดงนั้นก็ยิ่งเข้าถึงบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซูโย่วอี๋ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
เหงื่อเย็น เส้นเลือดปูด ตาแดง และตัวสั่นจนทนไม่ได้ระหว่างถูกทรมาน!
ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือแววตาของเธอที่เปลี่ยนไป จากเฉยเมย เจ็บปวด มึนงง ไปจนถึงตาย…
ทุกคนในกองถ่ายสามารถเห็นความสิ้นหวังและความเจ็บปวดของเธอได้
ทีมงานที่อยู่ใกล้ ๆ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้
หลังจากได้รับคำเตือนจากผู้กำกับสวี พวกเขาก็พยายามห้ามใจตัวเอง
ในการแสดงนี้ ซูโย่วอี๋ยังได้เพิ่มความเข้าใจของเธอลงไปเอง และไม่ได้แสดงตามคำอธิบายในนิยาย
ในนิยายฮั่วเสวียนไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง และซูโย่วอี๋ก็ไม่เคยร้องไห้เช่นกัน
แต่ดวงตาของเธอก็เปียกชื้น
เธอแสดงความเจ็บปวดออกมาผ่านดวงตา!
ในที่สุดความเจ็บปวดทางร่างกายก็แสดงให้เห็นด้านที่เปราะบางของเธอ
แต่มันทำให้ตัวละครของฮั่วเสวียนสมบูรณ์แบบและมีเสน่ห์มากขึ้น!