Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 217 ชุดแดงดั่งเปลวเพลิง
บทที่ 217 ชุดแดงดั่งเปลวเพลิง
บทที่ 217 ชุดแดงดั่งเปลวเพลิง
เอ๋อหว่าจาตระหนักได้ว่าฮั่วเสวียนไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่านาง จึงค่อย ๆ ยกมือขึ้นเพื่อนำตะเกียบที่คอของนางออก “เข่อลี่น่า ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ”
ฮั่วเสวียนถอยหลังไปสองก้าว มองไปที่คนที่ซ่อนอยู่ในความมืด “เจ้ามีสองทางเลือก ทางหนึ่งคือทำให้ข้าสลบแล้ววางข้าลงบนเตียง หรืออีกทางหนึ่งคือใช้โอกาสนี้ไปเสนอหัวหน้าของเจ้า”
สายตาของเขาฉายความสับสนชัดแม้จะอยู่ในความมืด จากนั้นเขาก็ทำให้ฮั่วเสวียนหมดสติและหนีไป และมอบนางให้เอ๋อหว่าจา
เขาวิ่งออกไปที่นอกกระโจม
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ฮั่วเสวียนก็ฟื้นขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เอ๋อหว่าจากำลังใช้ผ้าเช็ดไปที่ใบหน้าของนาง สาวใช้ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนางลืมตาขึ้น “ท่านตื่นแล้วหรือ”
“ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ฮั่วเสวียนลุกขึ้นและหมุนคอเบา ๆ แต่ความเจ็บปวดที่หลังคอของนางยังคงมีอยู่
หึ
มือหนักเสียจริง!
เอ๋อหว่าจาใส่ผ้าผืนเล็กลงในอ่างทองแดง จากนั้นก็รินน้ำหนึ่งแก้วแล้วยื่นไปที่ปากของฮั่วเสวียน เหมือนกับว่านางกำลังดูแลเด็กไม่ผิดเพี้ยน
ฮั่วเสวียนขมวดคิ้ว “ข้าทำเอง”
นางไม่ใช่หญิงที่หยิบจับอะไรไม่เป็นเสียหน่อย
เอ๋อหว่าจากล่าวว่า “ครั้งแรกที่ข้าน้อยผู้นี้เห็นบาดแผลบนร่างกายของท่าน มีทั้งบาดแผลเล็กใหญ่ ทั้งใหม่และเก่า รวมถึงมือหนาและหยาบกร้านของท่านด้วย”
“ข้าน้อยรู้ว่าท่านไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาและต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด ดังนั้นข้าจึงต้องการปฏิบัติต่อท่านให้ดีขึ้น ดีกว่านี้เจ้าค่ะ”
ฮั่วเสวียนจ้องมองนาง “ผู้นำของเจ้าปกป้องข้าอย่างกับอะไรดี เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเป็นสายลับหรือ”
เอ๋อหว่าจารู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องตลก นางปิดปากและหัวเราะคิกคักอยู่ครู่หนึ่ง “เหตุใดท่านผู้นำถึงปกป้องท่าน ข้าก็ไม่เคยเห็นผู้นำปฏิบัติต่อหญิงอื่นเช่นนี้มาก่อนเจ้าคะ แต่ข้ารู้ว่าท่านโชคดีมาก”
โชคดี?
ฮั่วเสวียนหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
นางกับอูซือม่านอยู่คนละขั้วกันตั้งแต่แรก ถ้าอยากจะขอพรจริง ๆ ก็คงจะเป็นพรให้วันที่จะสามารถตัดหัวของอีกฝ่ายด้วยมือของนางเองมาถึงเร็ว ๆ
“เข่อลี่น่า ผู้เฝ้าระวังเพิ่งกลับมาหลังจากที่ได้ไปพบกับท่านผู้นำ และได้คำตอบว่าหลังจากนี้ท่านสามารถเข้าออกกระโจมได้ตามใจชอบ”
ฮั่วเสวียนเลิกคิ้ว เขาเห็นด้วยจริง ๆ หรือ?
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะกินยาอะไรผิดไป แต่มันก็เป็นประโยชน์ต่อนาง
เอ๋อหว่าจาเห็นฮั่วเสวียนประหลาดใจก็เอ่ยขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าท่านผู้นำปฏิบัติต่อท่านผิดแปลกจากคนทั่วไป ท่านเชื่อข้าหรือยังเจ้าคะ”
ฮั่วเสวียนเงียบ บางทีเอ๋อหว่าจาอาจไม่ใช่คนที่อูซือม่านส่งมาเฝ้าระวังนางก็เป็นได้
แต่เป็น… การล้างสมองนางเสียมากกว่า!
ฮั่วเสวียนไม่อยากคุยเรื่องนี้ให้มากความจึงลุกขึ้น “ข้าจะออกไปเดินเล่น”
หลังจากพูดจบ นางก็เดินออกจากกระโจมด้วยตัวเอง หากแต่เอ๋อหว่าจารีบหยิบเสื้อคลุมข้าง ๆ และตามนางออกไปทันที “เข่อลี่น่า ช้าก่อน”
เพราะอากาศเริ่มเย็นลง ท่านผู้นำเลยส่งเสื้อผ้านี้มาให้
ทันทีที่ฮั่วเสวียนปรากฏตัวที่ทางออก นางก็ดึงดูดความสนใจของหญิงสาวรอบ ๆ ทุกคนที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานต่างหยุดการเคลื่อนไหวและหันมองมาที่นาง
ทั้งความอยากรู้อยากเห็น แปลกใจ ประหลาดใจ อิจฉา ชอบ รังเกียจ…
ทุกอารมณ์ผสมปนเปกันไปหมด
“นี่คือหญิงที่ท่านผู้นำพากลับมา นางชื่อฮั่วอะไรสักอย่าง”
“เรื่องที่เจ้าได้ยินมานั้นเก่าแล้ว ท่านผู้นำตั้งชื่อให้นางใหม่ว่า เข่อลี่น่า”
คนที่ถามคำถามอึ้งไปสองวินาทีก่อนจะพูดว่า “นางสมควรได้รับชื่อนี้หรือ”
ทันทีที่พูดจบ นางก็ถูกใครบางคนจับจ้องมา โดยมีคนเตือนว่า “หยุดพูด แม่นางหุยเค่อตง เจ้าเอาแต่หาเรื่องนางตลอด เจ้าเองก็มาอยู่ที่นี่นานแล้ว เหตุใดเจ้ายังได้อยู่ในตำแหน่งเดิมอีกเล่า”
สายตาของทุกคนซุบซิบกัน พวกเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ฮั่วเสวียนและหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ
“ถ้าเป็นข้า ข้าคงอยู่แต่ในกระโจม ไม่ออกมาให้ใครเห็นหน้าแล้วเอาแต่ขลุกอยู่กับท่านผู้นำ แบบนี้แม่นางหุยเค่อตงยังจะกล้าทำอะไรข้าหรือไม่?”
เมื่อนางขึ้นเป็นภรรยา แม่นางหุยเค่อตงก็จะมีตำแหน่งที่ต่ำกว่านางเป็นแน่
“แต่ก็ว่าเช่นนั้นไม่ได้ หากนางบำเรออย่างหุยเค่อตงมีสถานะสูง แล้วเข่อลี่น่าผู้นี้มีอะไรอีกนอกจากความโปรดปรานที่ได้รับจากท่านผู้นำ? ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วนางจะได้เป็นภรรยาของเขาหรือ”
ในทางตรงกันข้าม มีข่าวลือว่าพ่อของแม่นางหุยเค่อตงกำลังจะมาที่กระโจมใหญ่ เพื่อให้ผู้นำแต่งงานกับบุตรสาวของเขา!
ฮั่วเสวียนยืนเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่งและพบว่าการจ้องมองนั้นแข็งกร้าวเป็นพิเศษ
นางจึงทอดสายตามองย้อนกลับไป นางเห็นหญิงสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีที่ดูบอบบางอยู่ในชุดสีแดงดั่งเปลวเพลิง มีเครื่องประดับกระดิ่งที่หน้าอก ข้อมือ และข้อเท้า ผมสีดำของนางถูกถักเป็นเปีย แต่ทว่าผมเปียของนางแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป
มีด้ายไหมสีแดงบิดเกลียวอยู่ตรงกลางพร้อมกระดิ่งห้อยที่ชายเสื้อ
ขณะนี้ นางกำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปากของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ฮั่วเสวียนไม่อยากเก็บมาใส่ใจ นางจึงหันหลังกลับทันทีเพื่อจากไป
“หยุดนะ!” แต่แล้วก็มีเสียงเล็ก ๆ ส่งเสียงดังขึ้น
ฮั่วเสวียนเพิกเฉยต่อเสียงนั้น หากแต่หุยเค่อตงวิ่งเหยาะ ๆ มาทั้งที่สวมกระโปรงยาวแล้วคว้าแขนของฮั่วเสวียนเอาไว้
เห็นเช่นนั้นเอ๋อหว่าจาก็กรีดร้อง “แม่นางหุยเค่อตง ได้โปรดปล่อยเถิดเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บที่มือของเข่อลี่น่ายังไม่หายดี”
หุยเค่อตงเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “นางดูดีมาก”
มิเช่นนั้นนางคงไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดเช่นนี้
แต่นางยังคงไม่ปล่อยมือที่รั้งฮั่วเสวียนไว้ “ข้าเรียกเจ้า เหตุใดเจ้าจึงวิ่งหนี”
น้ำเสียงของฮั่วเสวียนนั้นเบาบาง “ข้าไม่ได้วิ่ง เจ้าต่างหากที่วิ่ง หุยเค่อตง”
“เจ้ารู้จักชื่อข้าได้อย่างไร”
“ข้าเดา”
หุยเค่อตงมุ่ยปาก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ฉลาดทีเดียว”
ฮั่วเสวียนอดหัวเราะไม่ได้ หญิงสาวผู้นี้ของอูซือม่านยังเด็กเกินไป
เมื่อนางคิดได้ดังนี้ นางจึงไม่อยากจะถือสาท่าทีที่หยิ่งยโสของเด็กสาว
“เจ้าหัวเราะอะไร? ได้ยินพวกเขาพูดว่าท่านพี่อูต้องการขอเจ้าเป็นภรรยา? ข้าแนะนำให้เจ้าล้มเลิกความคิดนั้นเสีย ท่านพี่อูเป็นของข้า หากเจ้ากล้าแย่งพี่อูไปจากข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
ฮั่วเสวียนกางมืออย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง”
คำพูดทั้งหลายที่หุยเค่อตงเตรียมมาก็ต้องติดอยู่ในลำคอของนาง นางไม่อยากจะเชื่อเลย “เจ้ารับปากแล้วหรือ”
“ข้ารับปาก ปล่อยข้าได้หรือยัง”
หุยเค่อตงขมวดคิ้วและคิดหนัก ทันใดนั้นก็ตะโกนว่า “เข่อลี่น่า เจ้ากล้าดียังไงที่หลอกลวงข้า เจ้าใช้วิธีนี้เพื่อลดความระมัดระวังของข้าใช่ไหม เจ้ามันเจ้าเล่ห์เกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพี่อูจะถูกเจ้าหลอกลวงเอาได้!”
? ? ?
ก่อนที่ฮั่วเสวียนจะตอบ หุยเค่อตงก็ดึงแส้หนังขนาดเล็กที่นางถืออยู่ออกมาด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว “เข่อลี่น่า กฎในหร่งตี๋ของเราแตกต่างจากต้าเซี่ยของเจ้า การชนะใจชายที่ชอบขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง เจ้ากล้าหรือไม่ กล้าแข่งกับข้าหรือไม่”
เอ๋อหว่าจาทำท่าจะขยับปาก กฎดังกล่าวมีขึ้นเมื่อใดกัน
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มต้องเพียรพยายามเพื่อได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก
แต่นางก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเค่อตง
นางเพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฮั่วเสวียนและกระซิบว่า “เข่อลี่น่า อย่าไปฟังนาง ไม่มีกฎแบบนั้นในหร่งตี๋ ตราบใดที่ท่านผู้นำชอบท่าน และท่านคือภรรยา ก็จะไม่มีใครพรากท่านไปได้”
ฮั่วเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แข่งอะไร”
หุยเค่อตงยกแส้ในมือขึ้น “ขี่ม้า”
ชาวหร่งตี๋เก่งเรื่องขี่ม้าและยิงธนู ไม่ว่าชายหนุ่ม หญิงสาว หรือเด็กก็สามารถขี่ม้าได้ จนชาวต้าเซี่ยมีคำพูดติดตลกว่าพวกเขาหัดขี่ม้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์
“ตกลง ข้าจะแข่งกับเจ้า แต่ข้าไม่สนใจอูซือม่าน ดังนั้นข้าจึงต้องการแลกกับสิ่งอื่น”
“เจ้าต้องการอะไร?”
“ข้ายังไม่ได้คิด แต่ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องทำสิ่งหนึ่งให้ข้า และข้าจะบอกเจ้าหลังจากที่ข้าคิดเสร็จแล้ว”
หุยเค่อตงลังเล “ได้ แต่เรื่องนี้จะต้องไม่เป็นอันตรายต่อท่านพี่อูและหร่งตี๋ มิฉะนั้น นอกจากข้าจะไม่เห็นด้วยกับเจ้าเท่านั้น แต่ข้าจะหั่นเจ้าเป็นชิ้น ๆ ด้วย”