Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 218 เจ้ามาหาข้าแล้ว
บทที่ 218 เจ้ามาหาข้าแล้ว
บทที่ 218 เจ้ามาหาข้าแล้ว
เมื่อได้ยินว่าทั้งสองได้พูดคุยถึงการต่อรอง เอ๋อหว่าจาก็กระวนกระวายเหมือนมดบนหม้อไฟ
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวฮั่วเสวียนได้อีกต่อไป นางจึงรวบรวมความกล้าเดินไปที่ด้านหน้าของหุยเค่อตง “แม่นาง เข่อลี่น่าได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าท่านจะแข่งขันเรื่องวรยุทธ์กับนางแล้วได้รับชัยชนะ… แต่มันก็ไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริงเจ้าค่ะ”
หลังจากพูดเช่นนี้ เอ๋อหว่าจาก็หลับตาลงอย่างยอมจำนน นางจินตนาการไว้ว่าอาจมีฝ่ามือของอีกฝ่ายปะทะเข้าที่ใบหน้าของนางเป็นแน่ แต่ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เมื่อนางลืมตาขึ้นจึงได้รู้ว่าหุยเค่อตงไม่ได้มองมาที่นางเลย แต่มองตรงไปที่ฮั่วเสวียน “ถ้าข้าชนะ ข้าต้องชนะด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อไม่ให้ตกเป็นขี้ปากของคนอื่นได้”
“ถ้าอาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี อย่างนั้นเราจะแข่งขันกันในวันอื่น”
ฮั่วเสวียนยืดกล้ามเนื้อเล็กน้อย “ไม่จำเป็น วันนี้แหละ”
หลังจากนางพักฟื้นไม่กี่วัน ฮั่วเสวียนก็รู้สึกว่านางดีขึ้นมากแล้ว!
หุยเค่อตงหรี่ตามองนาง “เจ้าพูดเองนะ ทุกคนก็ได้ยิน ข้าไม่ได้เอาเปรียบนาง ถ้าพ่ายแพ้ก็อย่ามาสร้างปัญหาให้ข้าแล้วกัน”
ผู้ชมต่างก็ตื่นเต้นและรอดูการแข่งขันระหว่างคนทั้งสอง เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ต่างส่งเสียงโห่ร้อง
“พวกข้าทั้งหมดได้ยินแล้ว”
“ใช่ รีบแข่งเถิด”
ทันใดนั้นกลุ่มคนก็เดินไปที่สนามประลอง
เมื่อคนเลี้ยงม้าเห็นหุยเค่อตง ก็ก้มศีรษะด้วยความเคารพทันที “แม่นาง”
“นำม้าเหงื่อโลหิตตัวนั้นมาให้ข้า”
“แม่นาง ม้าตัวนั้นอารมณ์รุนแรงและยังไม่ถูกฝึกให้เชื่อง หากท่านยืนกรานที่จะขี่ ท่านอาจได้รับบาดเจ็บ”
หุยเค่อตงคิด ไม่สำคัญว่านางจะขี้ม้าเป็นหรือไม่ แต่การแข่งขันนี้สำคัญกับนางมาก ถ้านางเลือกม้าป่าและแพ้การแข่งขันมันก็จะไม่คุ้ม
นางโบกมืออย่างไม่สนใจ “งั้นเอาจูเฟิงแล้วกัน”
จูเฟิงคือม้าที่นางขี่มาตั้งแต่เด็ก!
คิดไม่ถึงว่าเมื่อคนเลี้ยงม้าเปิดคอก ม้าเหงื่อโลหิตก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและวิ่งเข้าหาฝูงชนราวกับว่าไม่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้ามัน!
ทำให้ผู้คนแยกย้ายทันที
หากแต่ฮั่วเสวียนกลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น!
มองตรงไปที่ม้าที่กำลังควบ!
หุยเค่อตงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงนางออกไป แต่ทว่านางก็ยังยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว “นี่ คงดีเหมือนกันถ้าเจ้าถูกม้าชนตาย”
แต่เมื่อม้าสีแดงเพลิงกำลังจะชนเข้ากับหญิงสาว แต่แล้วมันก็รีบหยุดฝีเท้าแล้วลดศีรษะลง
ฮั่วเสวียนลูบคอม้าตัวนี้อย่างรักใคร่
นางลูบคอม้าเบา ๆ และสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป “เฟยอิง เจ้ามาหาข้าแล้ว”
เฟยอิงร้องเสียงดังและยังคงใช้ลิ้นเลียใบหน้าของฮั่วเสวียน
ฮั่วเสวียนเกลียดความรู้สึกเปียกและเหนียวเหนอะหนะเป็นอย่างมาก แต่หลังจากอดกลั้นไว้ครู่หนึ่ง นางก็ถอยหลังไปสองก้าว ทว่าเฟยอิงก็ต้องการเข้าใกล้มากขึ้น และนางก็ได้หยุดมัน “พอแล้ว เฟยอิง”
ประโยคแผ่วเบาทำให้เฟยอิงเชื่อฟังและหยุดเดินไปข้างหน้า
ฮั่วเสวียนหันกลับมาเพียงเพื่อเห็นตาของหุยเค่อตงที่เบิกกว้าง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮั่วเสวียนฝึกม้าที่ดุร้ายตัวนี้ให้เชื่องได้อย่างง่ายดาย
“ข้าเลือกแล้ว”
หุยเค่อตงมีสติสัมปชัญญะชี้ไปที่เฟยอิง “นี่คือม้าของเจ้าหรือ”
“ใช่”
หุยเค่อตงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “เจ้ายังมีม้าดี ๆ แบบนี้อีกหรือไม่!”
เดิมทีนางวางแผนที่จะฝึกม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้และใช้มันเป็นพาหนะสำหรับตัวเอง แต่นางไม่คาดคิดว่ามันมีเจ้าของแล้ว
จากนั้นคนเลี้ยงม้าพาจูเฟิงมา หุยเค่อตงชำเลืองมองมัน ดูเหมือนว่าไม่ค่อยพอใจ แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
ฮั่วเสวียนเลิกคิ้ว “แม่นางยังอยากทำการประลองอยู่หรือไม่? ถ้าไม่ ข้าจะได้ไป”
“แข่ง! แต่ถ้าข้าชนะ ข้าต้องได้ม้าของเจ้า!”
“ไม่ได้” ฮั่วเสวียนปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด
หุยเค่อตงจ้องมองนางอย่างใกล้ชิด “เจ้ากลัวหรือ”
“กลัวรึ?”
ฮั่วเสวียนหัวเราะ “ข้ามีหลักการ ไม่ว่าข้าจะแน่ใจหรือไม่ก็ตาม ข้าจะไม่นำสิ่งที่ข้าหวงแหนและใส่ใจมาเดิมพัน”
การไม่ใส่ใจคือการรักษาจิตใจให้เป็นปกติ และเมื่อไม่มีคลื่นในใจเราก็จะสามารถอยู่ยงคงกระพันได้
หุยเค่อตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าหมายความว่าเจ้าไม่สนใจท่านพี่อูงั้นหรือ”
“ถ้าข้าพูดไป เจ้าจะเชื่อหรือไม่”
หุยเค่อตอบกลับทันที “ข้าไม่เชื่อ”
หลังจากพูดจบ นางก็คว้าบังเหียนและขึ้นหลังม้า เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส “ไปขี่ที่สนามยิงธนู”
ฮั่วเสวียนเอามือของนางไพล่หลังแล้วเตะเท้าออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบโต้ นางก็ขึ้นนั่งบนหลังม้าอย่างมั่นคงแล้ว
มันทั้งเรียบง่าย สง่างาม รวมอยู่ในคน ๆ เดียว!
และตลอดกระบวนการ นางไม่ได้ใช้มือเลย!
จนผู้ชมรอบข้างต่างอุทานว่า “ดูดีมาก สวรรค์ อยู่ ๆ ข้าก็คิดว่าเข่อลี่น่าดูดีกว่าท่านผู้นำเสียอีก”
“ดูเป็นชายมาก”
“ดูให้ดี แม้ว่าเข่อลี่น่าจะมีรูปร่างที่งดงาม แต่นางก็ไม่ได้อ่อนแอ แถมยังมีจิตวิญญาณของวีรบุรุษของชายหนุ่ม”
“บอกว่านางเป็นชายข้าก็เชื่อ”
แม้ฮั่วเสวียนสวมเสื้อผ้าของบุรุษ แต่อูซือม่านก็ได้ประกาศตัวตนของนางแล้วว่าเป็นหญิง นอกจากรูปลักษณ์ที่สวยงามแล้ว ทุกคนไม่เคยสงสัยว่านางไม่ใช่สตรี
หุยเค่อตงรู้สึกทึ่งกับท่าทางขึ้นม้าของฮั่วเสวียน แต่นางปฏิเสธที่จะยอมรับอย่างหัวชนฝาว่า “ทำตัวโดดเด่นให้มันได้อะไรขึ้นมา”
ทันใดนั้นนางก็นำหน้าออกไปก่อน และฮั่วเสวียนก็ตามไปอย่างไม่เร่งรีบ
หลังจากนั้น กลุ่มของหญิงสาวที่อึกทึกครึกโครมก็ตามทั้งสองไป
มีหญิงสาวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในสนามยิงธนู จนทหารของหร่งตี๋ต่างก็เงยหน้ามองไปรอบ ๆ
หุยเค่อตงตวัดแส้อย่างแรง ทำให้เกิดเสียงแตก
“ทหารทั้งหมดออกจากสนามขี่ม้าเดี๋ยวนี้ ข้าขอใช้สถานที่นี้เป็นการชั่วคราว”
เหล่าทหารรู้สึกงุนงงและมองไปที่นายพลเฟ่ยชินทั่ว
เฟ่ยชินทั่วก้าวไปข้างหน้า “หุยเค่อตง หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว”
หุยเค่อตงเป็นหญิงสาวที่อยู่ภายใต้นามของอูซือม่าน แต่ทั้งคู่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน และท่านผู้นำก็ปฏิบัติกับนางเหมือนน้องสาวแท้ ๆ
“ท่านพี่เฟ่ย ข้าต้องการแข่งม้ากับเข่อลี่น่า”
เฟ่ยชินทั่วมองทั้งสองด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ไร้สาระ”
แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถสู้กับฮั่วเสวียนได้ นับประสาอะไรกับหุยเค่อตง
“เจ้าไม่มีทางชนะได้”
ได้ยินเช่นนั้น ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงเกิดขึ้นในใจของหุยเค่อตง “ท่านกล้าดีอย่างไรดูถูกข้าเพียงนี้ การแข่งขันครั้งนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำ หากท่านไม่อนุญาต ข้ารออยู่ที่นี่จนมืดค่ำก็ย่อมได้”
เฟ่ยชินทั่วรู้สึกปวดหัว
“ถอยออกไป” ฮั่วเสวียนพูดเบา ๆ
เฟ่ยชินทั่วมองนางอยู่สักพักและนำทหารกลับไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
และตอนนี้หุยเค่อตงก็โกรธจัด “ท่านพี่เฟ่ย กลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้ เข่อลี่น่านางเป็นใครกัน ทำไมท่านถึงฟังสิ่งที่นางพูด แต่พอข้าพูดท่านกลับกล่าวหาว่าข้าไร้สาระ!”
นางโกรธจนน้ำตาไหลออกมา
ฮั่วเสวียนหันหน้าเข้าหาแม่นางตรงหน้าที่กำลังรู้สึกเศร้าเสียใจ แล้วถอนหายใจ “ไม่ต้องร้อง”
หุยเค่อตงทำหน้ามุ่ย “กล้าดีอย่างไรมาสั่งข้า”
ฮั่วเสวียนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกลางว่า “เมื่อเจ้าพ่ายแพ้ เจ้าค่อยเสียน้ำตา”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังไปทั่ว
“เข่อลี่น่าผู้นี้น่าสนใจมาก”
“น้อยคนนักที่จะทำให้แม่นางหุยเค่อตงต้องเจ็บปวดใจ ครั้งนี้นางได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อจริง ๆ”
“ไม่ แม่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของเข่อลี่น่าตั้งแต่แรก”
หุยเค่อตงได้ฟังการสนทนาดังนั้นก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ นางหยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตาของเอง และพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า “เริ่มกันเลย ฝั่งตรงข้ามมีเป้าสิบแห่ง เราแต่ละคนมีลูกศรห้าดอก ผู้ใดได้คะแนนสูงสุดถือเป็นผู้ชนะ”
ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ?
ฮั่วเสวียนคิดว่าการแข่งขันจะยากกว่านี้เสียอีก
เป็นเรื่องยากที่หุยเค่อตงจะฉลาดพอที่จะเห็นใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามของฮั่วเสวียน “ไม่ใช่การยืนยิงอยู่กับที่ แต่เป็นการวิ่งแล้วยิง แล้วม้าทั้งสองอาจจะมีการปะทะกันก็ได้”
การปะทะ?
นี่คิดจะลอบกัดกันงั้นเหรอ
ใช้น้ำเสียงสูงขนาดนั้น
แต่ฮั่วเสวียนก็ลูบหัวเฟยอิงโดยไม่สนใจอีกฝ่าย “ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”