Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 219 แล้วแต่เจ้า
บทที่ 219 แล้วแต่เจ้า
บทที่ 219 แล้วแต่เจ้า
ณ กระโจมของท่านผู้นำ
ทันทีที่อูซือม่านพึ่งจะนั่งลง เฟ่ยชินทั่วก็เดินเข้ามา
อูซือม่านหันกลับไปมอง “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่? วันนี้ต้องไปกำกับดูแลเหล่าทหารให้ขี่ม้ายิงธนูไม่ใช่หรือ?”
“ฮั่วเสวียนและหุยเค่อตงกำลังเตรียมการเพื่อแข่งขันขี่ม้ายิงธนู ข้าน้อยจึงพาเหล่าทหารออกมาแล้ว เพราะตอนนี้ในนั้นมีหญิงสาวอยู่ไม่น้อย การแข่งขันในครั้งนี้ดูไม่ใช่เรื่องเล็กเลยขอรับ”
อูซือม่านที่กำลังถอดชุดเกราะออกก็หยุดมือลง ในสายตามีความโกรธฉายแววขึ้นมา
อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้นแล้วยังจะทำตัววุ่นวายอีก ดูแล้วคงจะเจ็บน้อยไปสิท่า!
ทันใดนั้นเขาก็รีบพุ่งตัวออกจากกระโจมไปในทันที
เมื่ออูซือม่านมาถึง ทั่วทั้งสนามขี่ม้ายิงธนูก็ถูกเหล่าทหารล้อมรอบจนแน่นขนัดไปหมด การฝึกทหารดูน่าเบื่อไปเลย เหล่าทหารก็ใช้โอกาสนี้เป็นเวลาผ่อนคลาย
เหล่าทหารพากันกอดคอกันและวางเดิมพันอย่างครึกครื้น
“ข้าขอเดิมพันข้างแม่หญิงที่มาจากต้าเซี่ย”
“เช่นนั้นเจ้าก็เอาเงินมาให้ข้าเสียสิ”
ทหารที่ดูท่าทางตระหนี่หยิบแผ่นทองแดงออกมา
“ฮ่า ๆ เจ้านี่ช่างขี้เหนียวเสียจริง แค่แผ่นทองแดงชิ้นเดียว ทำตัววุ่นวายอยู่ตั้งนาน”
เฟ่ยชินทั่วมองดูใบหน้าเคร่งขรึมของท่านผู้นำอูและตะโกนขึ้น “เจ้าพวกลูกหมา ห้ามเล่นการพนันในกองทัพ นี่พวกเจ้าหูหนวกหรือไง?”
เหล่าทหารหันหน้ากลับมามองก็เห็นหัวหน้าใหญ่อยู่ด้วย จึงทำให้พวกเขาตกใจจนเกือบฉี่ราดและต่างพากันดันตัวให้ลุกขึ้นยืน “ทะ… ท่านผู้นำอู”
อูซือม่านยังคงนิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นไม่ไกล เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เขาเดินตรงไปยังสนามขี่ม้า ขณะที่เดินไปด้วยเขาก็ปลดกระเป๋าเงินออกมาจากเอว พร้อมทั้งโยนกลับไปด้านหลังดัง ‘เพล้ง’ จนถุงเงินนั้นตกลงตรงหน้าเหล่าทหาร
ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ข้าเดิมพันข้างฮั่วเสวียน”
แต่เสียงของผู้คนดังมากจนเจ้ามือได้ยินไม่ชัด เขาจึงเหลือบมองไปยังคนข้าง ๆ “ท่านผู้นำอูเดิมพันข้างผู้ใดนะ?”
เฟ่ยชินทั่วตบลงเพื่อให้เขาได้สติ “เข่อลี่น่า”
เจ้ามือรีบจัดการในทันที
ยังมีเหล่าทหารที่อยากลงเดิมพันตามอยู่อีก แต่ก็ถูกเจ้ามือปฏิเสธทั้งหมด “การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว หยุดรับเงินเดิมพัน”
ในสนามขี่ม้ายิงธนู
ภาพการต่อสู้ที่คาดเดาเอาไว้กลับไม่เกิดขึ้น
หุยเค่อตงรีบควบม้าออกไปก่อน ทิ้งฮั่วเสวียนให้อยู่ด้านหลังไกล ๆ นางคอยระวังการโจมตีจากฮั่วเสวียนอยู่ตลอด แต่พอหันหน้ากลับไปฮั่วเสวียนก็ยังคงอยู่ที่เดิม
โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหน
หุยเค่อตงบังคับม้าด้วยบังเหียน “เข่อลี่น่า เจ้าทำบ้าอันใดกัน?”
ฮั่วเสวียนยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย “ข้าให้เจ้ายิงก่อน”
“เจ้าแน่ใจหรือ? ถ้าอย่างนั้นตอนที่เจ้ายิง ข้าคงไม่อาจรออยู่ที่เดิมได้หรอกนะ”
หุยเค่อตงยกคันธนูและหยิบลูกธนูขึ้นมาขณะควบม้าและยิงธนูออกไปทั้งหมดห้าลูกโดยไม่รอคำตอบกลับ
มีสี่ลูกได้สิบแต้ม หนึ่งลูกได้เก้าแต้ม
คะแนนที่ได้คือสี่สิบเก้าแต้ม ซึ่งมันเกือบจะสมบูรณ์แบบ
ทำให้เหล่าหญิงสาวและเหล่าทหารพากันโห่ร้อง “แม่นางเก่งมาก!”
หุยเค่อตงเก็บคันธนูและขี่ม้ากลับไปยังจุดเริ่มต้น พร้อมทั้งมองฮั่วเสวียนด้วยความภาคภูมิใจ “ตาเจ้าแล้ว”
ฮั่วเสวียนพยักหน้าก่อนจะก้มลมจูบลงบนหัวของเฟยอิง “พวกเราไปกันเถิด”
พอพูดจบ เฟยอิงก็พุ่งตัวออกไปราวกับลูกธนูที่พุ่งออกไปจากคันธนู
ทิ้งไว้เพียงภาพติดตา
“บ้าน่า! เร็วมากเลย!”
“สมแล้วที่เป็นม้าเหงื่อโลหิต”
“โอ้สวรรค์ เข่อลี่น่าไม่ต้องจับสายบังเหียนเลยด้วยซ้ำ นางนั่งอย่างมั่นคงได้อย่างไรกัน”
“หากตกลงมา เกรงว่ากระดูกได้หักเป็นแน่”
คนนอกก็แค่มองผ่าน ๆ แต่มีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ถึงแก่นแท้
ผู้ที่มีประสบการณ์รู้ว่าฮั่วเสวียนเอนตัวไปข้างหน้าอยู่ตลอด แม้จะไม่จับบังเหียน แต่ทักษะการทรงตัวอันมั่นคงนั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งมาก
อูซือม่านพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ก็แค่ทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ”
แต่สายตากลับจับจ้องไปยังฮั่วเสวียนอยู่ตลอด
ฮั่วเสวียนใช้ขาหนีบส่วนท้องของม้าเอาไว้ และตั้งใจทำให้ช้าลงเพื่อที่นางจะได้เริ่มยิง!
นางตั้งท่ายิงธนูให้สุดอย่างง่ายดายด้วยท่าทางสบาย ๆ
ปึก!
ลูกธนูลูกแรกพุ่งตรงไปยังเป้าหมายและปักลงที่ตรงกลางสิบแต้มพอดี
“ว้าว”
“เข่อลี่น่าเก่งกาจเพียวนี้เชียวหรือ?”
ใช่ ฮั่วเสวียนไม่ได้ยิงไปที่เป้าเท่านั้น แต่นางยิงไปยังเป้าที่หุยเค่อตงยิงไปก่อนหน้านี้ด้วย
ลูกธนูนั้นปักลงตรงกลางจนทำให้ลูกธนูของหุยเค่อตงตกลงบนพื้นและหักออกเป็นสองท่อน!
หุยเค่อตงตามมาด้วยความโกรธ “เข่อลี่น่า นี่เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่?”
ฮั่วเสวียนไม่ตอบและดึงเอาธนูลูกที่สองออกมา
พร้อมทั้งง้างลูกธนูออก
หากแต่ตอนนั้นหุยเค่อตงเหวี่ยงแส้ออกมาใส่นาง ซึ่งฮั่วเสวียนก็เอนหลังลงไปจนนอนราบไปกับหลังม้า หายใจเข้าออกเพียงไม่กี่ครั้งก็ปล่อยธนูลูกที่สองออกไป
สิบแต้ม!
ระหว่างที่ม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วพร้อมกับการโจมตีอันรวดเร็วของหุยเค่อตง ฮั่วเสวียนเอนตัวไปมาและหลบจากการโจมตีทั้งหมดได้ อีกทั้งยังสามารถยิงธนูทั้งห้าลูกได้สำเร็จ
ทำให้ธนูทั้งหมดของหุยเค่อตงตกลงทั้งหมด!
โดยไม่พลาดเป้าเลยแม้แต่น้อย!
ผู้คนพากันตะโกนร้อง “เข่อลี่น่า”
“เข่อลี่น่า ข้าชอบเจ้า”
“ข้าก็ด้วย”
หญิงสาวบางคนถึงกับหยิบถุงเครื่องหอมออกมาและโยนไปยังสนามขี่ม้า ฮั่วเสวียนหันกลับมามองพร้อมกับรอยยิ้ม
ราวกับทุกสิ่งในโลกสูญเสียสีสันไปจนหมด
อูซือม่านรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนมีบางสิ่งกำลังจะระเบิดออกมา
เขาคว้าเสื้อคลุมในมือของเอ๋อหว่าจามาพร้อมกับกระโดดออกไปและนั่งลงบนที่นั่งม้าของฮั่วเสวียน ก่อนจะสวมเสื้อคลุมไปบนร่างของนาง
“ฮั่วเสวียน บาดแผลของเจ้าหายเร็วเกินไปใช่หรือไม่?”
ใบหน้ายิ้มแย้มของฮั่วเสวียนจางหายไปและส่วนลึกในดวงตาก็เผยให้เห็นถึงความห่างเหิน “อูซือม่าน เอามือเจ้าออกไป”
นี่เขากล้าดียังไงมาโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนราวกับหญิงสาวเช่นนี้!
อูซือม่านใช้มือทั้งสองข้างกอดฮั่วเสวียนแน่นมากขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “เจ้าในตอนนี้สู้ข้าไม่ได้หรอก”
“เอาให้ตายกันไปข้างก็ยังไหว”
อูซือม่านพูดไม่ออก
ตอนแรกเขาคิดว่าการที่สตรีฝึกฝนวรยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
เพราะถ้าต้องสู้กันจริง ๆ อย่างไรก็สู้บุรุษไม่ไหว
และยังดูขายหน้าด้วย
อูซือม่านดึงมือกลับและมองไปยังหุยเค่อตง “ถ้ายังทำตัววุ่นวายอีกก็กลับไปยังเผ่าซีซีของเจ้าเสีย”
หุยเค่อตงมองดูทั้งสองคนที่อยู่บนม้าตัวเดียวกัน ก่อนจะร้องไห้ออกมาจนน้ำตาไหลลงบนชุดสีแดงของนาง
“ข้าแพ้แล้ว ท่านพี่อูเป็นของเจ้า ข้าจะไม่แย่งเขามาจากเจ้าอีกแล้ว”
หลังจากพูดจบ หุยเค่อตงก็ออกจากสนามไปด้วยความขุ่นเคือง
อูซือม่านมีท่าทีมึนงง “ฮั่วเสวียน เจ้าแข่งกับหุยเค่อตงเพื่อข้างั้นหรือ?”
ฮั่วเสวียน “…”
สมองของเจ้าคงไม่ได้เสียสติไปใช่หรือไม่
นางบังคับเฟยอิง ในขณะเดียวกันนั้นก็ศอกไปยังคนที่อยู่ด้านหลัง
ซึ่งอูซือม่านหลบไปไหนไม่ได้จึงต้องลงจากม้าและก้าวถอยออกมาสองสามก้าวจึงสามารถทรงตัวได้
จากนั้นฮั่วเสวียนก็ควบม้าออกไป
วันต่อมา อูซือม่านยุ่งมาก เขาจึงเลื่อนงานแต่งงานมาก่อนกำหนด
แต่เขาก็รู้ดีว่าในใจของฮั่วเสวียนยังคงไม่ยอมรับในตัวเขา
แต่ยิ่งใกล้วันแต่งงานเท่าใด ใจเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด และเขามักจะรู้สึกว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
อาการบาดเจ็บของฮั่วเสวียนไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไรอีก เพียงแต่ว่ายังไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ แต่นางศึกษาหนังสือโบราณของหร่งตี๋จนพบว่าพิษของกุ๋ยอิ่นสามารถรักษาได้
ทุกสิ่งล้วนก่อกำเนิดและยับยั้งซึ่งกันและกัน การถอนพิษไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่มันคือการใช้หญ้าพิษกุ๋ยอิ่น เมื่อกินรากของหญ้าพิษจะสามารถถอนพิษของกุ๋ยอิ่นได้เกินครึ่ง
อีกทั้งหญ้าพิษนี้ถูกซ่อนอยู่ในกระโจมของอูซือม่าน
ทันใดนั้นภาพแผนการก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในหัว
เพียงแต่ว่านางไม่สามารถรีบร้อนได้
จนในที่สุดก็ถึงคืนวันก่อนแต่งงาน ทั่วทั้งกระโจมแขวนโคมไฟมังกรเต็มไปหมด
อูซือม่านสั่งการให้สาวรับใช้ส่งชุดแต่งงานสีแดงมาให้ ฮั่วเสวียนแกะผ้าไหมสีแดงออกและพบว่าในนั้นไม่ใช่เสื้อผ้าที่หญิงสาวหร่งตี๋จะใส่ในวันแต่งงาน แต่เป็นชุดแบบของต้าเซี่ย!
นอกจากนี้ อูซือม่านยังส่งกล่องมาให้อีกสิบกว่าใบ พอเปิดดูข้างในก็พบว่าเต็มไปด้วยเครื่องประดับเงินและทอง
ฮั่วเสวียนถามขึ้นด้วยท่าทาง ๆ “นี่หมายความว่าอย่างไร?”
อูซือม่านยกยิ้มที่พบเห็นได้ยาก “สตรีแห่งต้าเซี่ยอย่างพวกเจ้าให้ความสำคัญกับพิธีและขั้นตอนในการแต่งงานมาก เรื่องอื่นข้าคงทำให้ไม่ได้ แต่เรื่องสินสอดข้าให้ได้”
“เจ้าลองดูสิว่าชอบชุดแต่งงานหรือไม่?”
ฮั่วเสวียนที่กำลังนั่งอยู่ก็รู้สึกขี้เกียจแม้แต่จะมองดู “แล้วแต่เจ้า”
อูซือม่านรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ใจที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและความปั่นป่วนเมื่อครู่เหมือนถูกน้ำเย็น ๆ เทราดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทั้งที่เขาเลือกชุดแต่งงานและสินสอดพวกนี้อยู่นานมาก…