Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 227 ความจงรักภักดี
บทที่ 227 ความจงรักภักดี
บทที่ 227 ความจงรักภักดี
หลี่จื้อเลือกมาชิ้นหนึ่งจริง ๆ เขาเลือกปิ่นปักผมที่มีพู่สีแดงอันประณีตมาจากกองเครื่องประดับมากมาย
“ท่านแม่ทัพลองดูว่าชิ้นนี้เหมาะสมไหม?”
ฮั่วเสวียนรับปิ่นปักผมมา นางรู้สึกได้ถึงน้ำหนักในมือ
พอเห็นมันแล้วก็รู้สึกเศร้าใจเสียจริง
นางกำปิ่นปักผมที่อยู่ในมือแน่น “ข้าจะมีแม่หญิงในดวงใจได้อย่างไร ข้าจะถือเสียว่าท่านอ๋องมอบของสิ่งนี้ให้ข้าแล้วกัน”
พูดจบนางก็พูดต่อ “ข้าหมายถึงเจ้าทั้งสองมอบให้ข้า” ข้าหมายถึงเจ้าทั้งสองมอบให้ข้า
จากนั้นกู้ชิงเฉิงที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลี่จื้อก็พูดขึ้นเบา ๆ “ข้าว่าท่านแม่ทัพมีคนในใจอยู่แล้วแน่ ๆ เจ้าค่ะ”
หลี่จื้อพูดเข้าข้าง “ข้าก็คิดเช่นนั้น”
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง ทั้งสามคนก็ไม่ได้อยู่ต่อ พวกเขาเร่งออกไปนอกเมืองเพื่อกลับไปยังค่ายทหาร
แต่เมื่อเดินทางไปได้ไม่นาน ได้มีกลุ่มคนห้าคนเข้ามาในเมืองและนำประกาศพระราชกฤษฎีกาลับออกมาอ่านให้ท่านเจ้าเมืองฟัง ซึ่งในนั้นแจ้งว่าให้รีบจับกุมฮั่วเสวียนในทันที และให้นำตัวนางกลับไปยังเมืองหลวง
เมื่อได้รับสั่งเช่นนั้น ท่านเจ้าเมืองก็รู้สึกประหลาดใจมาก “นายท่าน เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
หากแต่ผู้มาเยือนพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “ตระกูลฮั่วมีใจคิดต่อต้านราชสำนักและต้องการที่จะก่อกบฏ สองวันก่อน คนในครอบครัวตระกูลฮั่วถูกคุมขัง มีเพียงฮั่วเสวียนผู้ทรยศที่หลบหนีไป ขอให้ท่านเจ้าเมืองส่งคนไปจับกุมเขาโดยเร็ว”
“เป็นไปไม่ได้” เจ้าเมืองพูดขึ้น “นายท่านโปรดตรวจสอบให้แน่ชัดเถิด ท่านแม่ทัพใหญ่จงรักภักดีต่อราชสำนักถึงเพียงนั้น ไม่มีทางคิดทำแบบนั้นได้”
“หึ เจ้าจะบอกว่าองค์จักรพรรดิสายตาไม่ดีงั้นรึ? ข้าว่าเจ้าคงเป็นเจ้าเมืองมานานจนเบื่อแล้วสิท่า”
เจ้าเมืองรีบหมอบลงกับพื้น “นายท่านใจเย็น ๆ ก่อน ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”
“เช่นนั้นก็รีบจัดการเสีย”
เจ้าเมืองไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงยอมรับพระราชกฤษฎีกามาด้วยใจอันหนักอึ้ง และรีบเลือกทหารที่พร้อมตายออกมา
“รับฟังคำสั่งของข้าให้ดี จงออกไปทางประตูด้านข้าง จงหาทางเข้าพบตัวฮั่วเสวียนให้ได้ และห้ามบอกข่าวนี้กับผู้ใดทั้งสิ้น”
“บอกไปว่าราชสำนักต้องการจับกุมเขาและนำเขากลับไปยังเมืองหลวง แล้วพวกเจ้าให้เขารีบหนีไป”
เมื่อรับคำสั่ง เหล่านายทหารรีบควบม้าออกไปในทันที
จากนั้นท่านเจ้าเมืองก็ได้สั่งการทหาร 10,000 นายในยามดึก ให้นำเหล่ารัฐมนตรีต่าง ๆ ไปยังที่ประจำการของกองทัพ
อีกด้านหนึ่ง ฮั่วเสวียนถูกแม่นมปลุกให้ตื่น “นายน้อย มีคนอยากพบท่านเจ้าค่ะ”
นางหันไปมองยังร่างที่อยู่ด้านหลังของแม่นม คนผู้นั้นสวมเสื้อผ้ามิดชิดและยืนอยู่ที่หน้าประตูกระโจมที่มืดมิด
งานต่าง ๆ ภายในกองทัพถูกส่งมอบให้หลี่จื้อดูแลเป็นหลัก เหตุใดจึงยังต้องมาหานางอีกเล่า?
มีเรื่องอะไรกัน ฮั่วเสวียนรีบตื่นขึ้นมา “เจ้าเข้ามาได้”
หลังจากที่ทหารเข้ามาในกระโจม เขาก็ไม่ยอมเอ่ยปาก
“แม่นม ท่านออกไปก่อน”
รอจนกระทั่งในกระโจมเหลือเพียงสองคน ทหารนายนั้นจึงประสานมือทั้งสองข้างเพื่อทำความเคารพ “ท่านแม่ทัพ ท่านเจ้าเมืองให้ข้ามาบอกท่านว่าราชสำนักต้องการจับกุมตัวท่าน ขอให้ท่านรีบหนีไปขอรับ”
ฮั่วเสวียนเย็นวาบไปทั้งตัว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากโกหกข้า เจ้าจะเจอกับสิ่งใด?”
ทหารมอบคำสั่งจากเจ้าเมืองให้นาง “ข้าน้อยแค่ได้รับคำสั่งมาขอรับ ขอท่านแม่ทัพตัดสินใจเอาเองเถิด”
ฮั่วเสวียนนั่งลงบนเตียงและอ่านสถานการณ์เงียบ ๆ
“ตระกูลฮั่วยังอยู่ไหม?”
“ข้าน้อยได้ยินมาว่าตระกูลฮั่วถูกจับเข้าคุกหมดแล้ว และตอนนี้ท่านเจ้าเมืองกำลังนำคนของราชสำนักและทหารอีกหมื่นนายเร่งมาที่นี่ มีเวลาให้ท่านอีกไม่มากแล้ว”
เสียงของฮั่วเสวียนแหบแห้ง “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปเสียเถิด”
ทหารนายนั้นรีบหายไปจากกระโจมทันที
แม่นมได้ยินเสียงจึงเข้ามาดูด้วยความไม่วางใจ “นายน้อย คนเมื่อครู่นี้มาด้วยเหตุอันใดกันเจ้าคะ?”
หากแต่ดวงตาของฮั่วเสวียนสดใสอย่างน่าประหลาด มันสดใสเสียยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
“เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนั้น?” แม่นมรู้สึกไม่สบายใจ
ฮั่วเสวียนค่อย ๆ ลุกขึ้นโซเซมาจากเตียง อีกนิดก็เกือบจะล้มลงไปกับพื้น
แม่นมรีบเข้าไปพยุง หากแต่ฮั่วเสวียนโบกมือขึ้น “ไม่เป็นไร”
หลังจากทรงตัวได้ นางก็สวมกอดเข้าหาแม่นม หัวซบลงไปที่ไหล่ของหญิงชรา “แม่นม นานแค่ไหนแล้วนะที่ข้ามิได้กอดท่านเช่นนี้”
แม่นมรู้สึกเขินอาย “หลังจากที่นายน้อยอายุเจ็ดปี นายน้อยก็ไม่ยอมให้ข้ากอดอีกเลยเจ้าค่ะ และยังบอกว่าตัวเองโตแล้วเสียด้วย”
ฮั่วเสวียนตอบกลับเบา ๆ
“อ้อมกอดของแม่นมช่างอบอุ่นเสียจริง ข้าอยากจะกอดท่านแบบนี้ไปตลอดเลย”
แต่ฮั่วเสวียนรู้ดีว่านางไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว
นางคิดว่าถึงราชสำนักสงสัยในตระกูลฮั่ว แต่คงจะไม่รีบสังหารใครทิ้ง นางไม่คิดเลยว่าจักรพรรดิจะไม่ยอมรับตระกูลฮั่วไวถึงเพียงนี้
แม้นางคิดที่จะยอมสละกำลังทหารเพื่อปกป้องตัวเอง
แต่คงจะไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว
ตระกูลแห่งจักรพรรดิต้องการให้นางตาย มีเพียงการตายของนางเท่านั้นที่จะทำให้ตระกูลหลี่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างสงบสุข
มันช่างน่าขันที่นางใช้เวลาทั้งชีวิตในการเป็นทหาร แต่สุดท้ายก็ต้องจบทุกอย่างลงในที่แห่งนี้
“นายน้อย วันนี้ท่านดูแปลกไปนะเจ้าคะ”
สิ้นเสียงแม่นม ฮั่วเสวียนก็คลายอ้อมกอดออกจากหญิงชรา “ท่านรีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
แม่นมเห็นใบหน้าปกติของฮั่วเสวียนจึงได้ยอมกลับไป
จากนั้นฮั่วเสวียนเปลี่ยนเป็นชุดสีดำสนิท นางนำปิ่นปักผมที่หลี่จื้อให้ใส่เข้าไปในเสื้อตรงหน้าอก และขี่เฟยอิงมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของหร่งตี๋
ต่อให้ตาย นางก็ต้องตายอย่างจงรักภักดี!
ขณะนี้ทหารเข้ามาล้อมรอบค่ายเอาไว้ แต่กลับไม่มีการโจมตีใด ๆ พวกเขารอจนหลี่จื้อและเหล่าผู้ช่วยออกมาจึงพูดขึ้น
“โม่อ๋อง” ความเย่อหยิ่งของรัฐมนตรีได้หายไป เขาทำความเคารพให้หลี่จื้อ
หลังจากนั้นก็แสดงกฤษฎีกา ส่วนหลี่จื้อนำเหล่าทหารคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพียงกัน
รอจนอ่านกฤษฎีกาจบ ชุยดาบเดียวเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ “พวกท่านเป็นบ้าหรืออย่างไร หากท่านแม่ทัพมีใจคิดก่อกบฏจริง ข้าขอเอาหัวของตัวเองให้พวกเจ้าไปเตะเล่นได้เลย”
รัฐมนตรียิ้ม “ท่านชุย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าความจงรักภักดีของเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อตระกูลฮั่วหรือฮั่วเสวียน แต่มีไว้เพื่อองค์จักรพรรดิ!”
“องค์จักรพรรดิรึ? จักรพรรดิสามารถใส่ร้ายผู้ภักดีได้ตามต้องการอย่างนั้นหรือ? หากพวกเจ้าต้องการจับกุมท่านแม่ทัพ เช่นนั้นก็ผ่านข้าไปให้ได้ก่อนเถอะ”
รัฐมนตรีถูกยั่วยุตอนหน้าทหารมากมาย เขารู้สึกเสียหน้า “ใครก็ได้ จับเขาไปเดี๋ยวนี้”
ชุยดาบเดียวได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับการฟาดฟัน
หากแต่หลี่จื้อรั้งเขาเอาไว้ “อย่ารีบร้อน”
เขาเดินเข้าไปสองก้าวและมองไปยังรัฐมนตรี “ท่านผู้ช่วยชุยใช้ชีวิตเป็นตายเคียงข้างท่านแม่ทัพมาหลายปี ยอมมีความรู้สึกผูกพันธ์ต่อกัน หากเขาพูดสิ่งใดไม่ดีไป ขอให้ท่านจงอภัย”
ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
“หากท่านเฉินจะมาจับฮั่วเสวียน ก็ไม่จำเป็นต้องระดมผู้คนมามากมายขนาดนี้หรอก หรือว่าท่านไม่เชื่อใจข้ากัน?”
หลี่จื้อผู้เป็นองค์ชายรัชทายาทกลับไม่เคยได้ยินข่าวคราวมาก่อน ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิเริ่มสงสัยในตัวเขาแล้ว
จากนั้นรัฐมนตรีรีบพูดขึ้น “ องค์จักรพรรดิเพ่งเล็งการจับกุมฮั่วเสวียนเป็นพิเศษ ข้าเพียงแค่ทำตามสิ่งที่จักรพรรดิมอบหมาย”
“ท่านอ๋อง ฮั่วเสวียนอยู่ไหนหรือขอรับ?”
หากแต่เหล่าผู้คนต่างมองหน้ากัน ฮั่วเสวียนไม่อยู่!
พอรู้เช่นนั้นรัฐมนตรีจึงมีท่าทีที่จริงจังขึ้น “ท่านเจ้าเมืองได้นำคนล้อมค่ายทหารนี้ไว้หมดแล้ว คนที่เหลือก็กำลังเข้าไปหา ต่อให้ต้องขุดดินไปถึงสามฉื่อ ก็ต้องหาตัวฮั่วเสวียนให้พบ”
แม้ชุยดาบเดียวจะโกรธมาก แต่กลับไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม มิฉะนั้นอาจจะถูกลงโทษฐานเป็นกบฏ และเขาเองก็คงจะหนีไม่พ้นจากคุก
ส่วนหลี่จื้อยืนเอามือไพล่หลัง มองดูทหารที่วิ่งวุ่นรอบกระโจมอยู่นิ่ง ๆ
ไม่นานนักเหล่าทหารก็กลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยของฮั่วเสวียนเลยแม้แต่น้อย
คนสนิทเข้ามากระซิบที่ข้างหูของท่านรัฐมนตรี “ข้าไปดูที่คอกม้ามา แต่ไม่พบม้าเหงื่อโลหิตของฮั่วเสวียนเลยขอรับ เขาอาจจะขี่ม้าหนีไปแล้ว”
ท่านรัฐมนตรีมีสีหน้าโกรธจัด ก่อนจะตบลงไปที่หน้าของท่านเจ้าเมืองอย่างแรง พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด “สารภาพมา เจ้าใช่ไหมที่บอกความลับนี้!”
ท่านเจ้าเมืองหมอบลงกับพื้น “ข้าไม่กล้าทำเรื่องทรยศเช่นนั้นหรอกขอรับ”
หลี่จื้อถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก ฮั่วเสวียนมีความกล้าหาญ ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับ ก็น่าจะมีชีวิตอยู่
จากนั้นท่านรัฐมนตรีแสร้งทำเป็นขอคำแนะนำ “ท่านอ๋อง เช่นนั้นตอนนี้เราควรจัดการเช่นไรดี?”
“ส่งคนออกตามหา เขาน่าจะยังหนีไปได้ไม่ไกล ท่านเฉินเดินทางมาไกล คงจะเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนเสียก่อนเถิด”
เฉินจิ้นจงสั่งการให้คนของเขาออกไล่ตามไปทั้งสามทิศ และเหล่าทหารของกองทัพตระกูลฮั่วก็ได้อาสาขอออกไปตามหาด้วย
หากแต่ถูกท่านรัฐมนตรีขัดขวางเอาไว้ “ขอให้ทุกคนไม่ขยับไปไหนจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องไม่ชัดเจนว่าพวกเจ้าจะไปจับกุมหรือจะปล่อยเขาไปกันแน่”