Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 228 รับนางกลับบ้าน
บทที่ 228 รับนางกลับบ้าน
บทที่ 228 รับนางกลับบ้าน
ด้วยเหตุที่กองกำลังตระกูลฮั่วถูกปิดล้อมไว้ที่ค่ายทหาร เหล่ากองทัพที่คอยดูแลบ้านเมืองจึงต่างพากันไล่ล่าฮั่วเสวียนไปทั่วทั้งดินแดน
หากแต่ตอนนั้นฮั่วเสวียนได้บุกไปถึงดินแดนอันห่างไกลอย่างหร่งตี๋แล้ว และเข้าใกล้ค่ายประจำการของหร่งตี๋มากขึ้นเรื่อย ๆ
นางขี่ม้าไปตามลำพัง ไร้สิ่งกีดขวาง
มือซ้ายถือกระบี่ มือขวาถือมีด กวาดล้างทุกสิ่งที่เข้ามาขวางทาง
หลังจากที่สังหารทหารที่เฝ้าประตูไปหลายคน ผู้ที่ได้รับคำสั่งการมาถึงช้าไปเสียแล้ว
และก็มิใช่อูซือม่าน แต่เป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราคนหนึ่ง “ผู้ใดกันที่บุกมาถึงที่นี่ กล้าดียังไงถึงได้บุกมายังค่ายหร่งตี๋?”
ฮั่วเสวียนหมุนตัวลงจากม้า ก่อนจะยกกระบี่ขึ้นฟ้า
“ข้าคือแม่ทัพฮั่วเสวียนจากต้าเซี่ย หร่งตี๋ในวันนี้อยู่ใต้การดูและของเจ้ารึ? อูซือม่านอยู่ที่ใดกัน?”
ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง “อูซือม่านหายตัวไปเยี่ยงหมาหลงทาง ข้าตัวเข่อเล่อ ผู้นำในตอนนี้ แล้วนี่เจ้าคือฮั่วเสวียนงั้นหรือ?”
“ช่างเถิด ข้าจะถือว่าเจ้าคือฮั่วเสวียน เจ้าเพียงคนเดียวต้องการท้าทายค่ายทหารหร่งตี๋ของข้างั้นหรือ ใจกล้าเกินไปแล้ว”
ใบหน้าของฮั่วเสวียนเย็นชามาก “ได้หรือไม่ได้ ลองดูถึงจะรู้”
“ใจกล้านักนะ จัดการกับมันเสีย!”
ด้วยคำสั่งของชายวัยกลางคน เหล่ายอดฝีมือแห่งหร่งตี๋จำนวนมากเริ่มเตรียมการเพื่อผลัดกันเข้าสู้ โดยไม่เปิดโอกาสให้ฮั่วเสวียนได้หายใจเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้ทักษะการต่อสู้ของฮั่วเสวียนจะสูงส่งมากเพียงใด นางก็เริ่มจะรับมือทหารจำนวนมากไม่ไหว หากแต่นางก็สู้อย่างไม่คิดชีวิต จนทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัว
“ท่านผู้นำ เหมือนว่าฮั่วเสวียนผู้นี้ได้เตรียมใจรับความตายเอาไว้แล้วขอรับ”
ชายวัยกลางคนเฝ้าดูการต่อสู้อันดุเดือดอยู่ไม่ไกล “ไม่มีปัญหา ต่อให้เขาจะกล้าหาญมากเพียงใด ก็มีเพียงตัวคนเดียว หากถูกจับได้ก็คงไม่ยอมให้ตัวเองถูกเหยียบย่ำหรอก”
“ท่านผู้นำเคยพบกับฮั่วเสวียนมาก่อนหรือขอรับ?”
เขาส่ายหน้า “ไม่”
ก่อนหน้านี้เกิดกบฏจากหลายเผ่าในหร่งตี๋ ทำให้อูซือม่านถูกขับไล่ออกไป และตัวเข่อเล่อผู้นี้ก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ หากแต่อูซือม่านครอบครองอำนาจในหร่งตี๋มาช้านาน นอกจากเขาและผู้นำที่อยู่ใต้บัญชาแล้วนั้น คนของเผ่าอื่น ๆ ก็ไม่เคยพบเจอกับฮั่วเสวียนมาก่อนเลย
แต่ชายวัยกลางคนก็มิได้สนใจ “ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร รอให้จับได้และส่งกลับไปยังต้าเซี่ย เพื่อจะได้รู้ตัวตนจริง ๆ ก็ย่อมได้”
“เช่นนั้นก็ต้องจับเป็นหรือขอรับ?”
“จับเป็นหรือตายก็ได้ทั้งนั้น”
ขณะนี้ พลังในร่างกายของฮั่วเสวียนค่อย ๆ อ่อนแอลง บนร่างกายเริ่มปรากฏรอยแผลเล็กใหญ่ แต่แผลที่สาหัสที่สุดคือรอยแทงจากมีดตรงหน้าอกด้านขวา หากลึกลงไปอีกนิดเดียวก็คงทำให้นางถึงแก่ความตาย
ชุดคลุมของฮั่วเสวียนมีเลือดสีแดงเปอะเปื้อนเต็มไปหมด และมันค่อย ๆ หยดลงตามมุมของเสื้อผ้า
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว
หากแต่ใบหน้าของฮั่วเสวียนกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้น
และเมื่อนางพร้อมที่จะปลิดชีพตัวเอง อยู่ ๆ ก็มีคน ๆ หนึ่งพุ่งเข้ามากอดนางเอาไว้ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหมือนกัดฟันเอาไว้แน่น “ฮั่วเสวียน ข้าเคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ให้เจ้าตาย ให้เจ้ารอข้าก่อน”
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที “อูซือม่าน เจ้ากล้าบุกมาที่นี่คนเดียวอย่างนั้นรึ!”
เหล่าทหารแห่งหร่งตี๋ที่เห็นอดีตท่านผู้นำ ก็ค่อย ๆ หยุดการโจมตี
แต่อูซือม่านกลับพูดเยาะเย้ยขึ้น “ตัวเข่อเล่อ เจ้ากลัวหรือไง?”
ฮั่วเสวียนมองไปยังอูซือม่านด้วยสายตาพร่ามัว ทั้งที่เขาเป็นศัตรูของนางแท้ ๆ แต่นางกลับไม่สามารถลงมือกับอีกฝ่ายได้ ทั้งยังยอมให้อูซือม่านกอดตัวเองไว้ในอ้อมแขนอีก
“วันนี้ข้ามีธุระต้องทำ วันหน้าค่อยมาตามเอาชีวิตเจ้า”
พูดจบเขาก็พาฮั่วเสวียนออกไปเพื่อขึ้นม้าและหลบหนี
หากแต่ชายวัยกลางคนไม่ปล่อยทั้งสองไปง่าย ๆ “รีบไล่ตามพวกมันไป ห้ามให้เขาหนีไปได้”
อูซือม่านเป็นเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงหัวใจตัวเข่อเล่อมาตลอด!
และเป็นหนามที่ไม่สามารถดึงออกไปได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไรก็ตาม
อีกด้านหนึ่ง เมื่อหนีมาได้สักพัก อูซือม่านก็กลับไปยังที่ซ่อนตัวของเขา มีเฟ่ยชินทั่ว เหล่านายพล และทหารคนอื่น ๆ กำลังพักผ่อนกันอยู่
เมื่อเห็นว่าอูซือม่านพาคนกลับมาด้วย พวกเขาจึงรีบลุกขึ้นเพื่อตรวจสอบดู
หากแต่เฟ่ยชินทั่วมองแวบเดียวก็เบิกตากว้าง ฮั่วเสวียนงั้นรึ?
เหตุใดนางถึงกลับมากับท่านผู้นำได้?
เขายังไม่ทันได้ถามอะไร กระบี่ในมือของฮั่วเสวียนค่อย ๆ ปาดลงไปบนคอของอูซือม่านอย่างช้า ๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้ แล้วมาสู้กับข้าเสีย”
หากแต่อูซือม่านกลับดูไม่มีความสุข “เจ้าบาดเจ็บ รีบทำแผลก่อน หากเจ้าหายดีแล้ว ถ้าอยากจะสู้ก็ค่อยมาสู้กัน”
“ข้าบอกว่าเดี๋ยวนี้” ฮั่วเสวียนกดมือให้แรงขึ้น จนคมกระบี่เฉือนเข้าไปในเนื้อ เลือดสีแดงสดไหลออกมาในทันที
ทหารหร่งตี๋ต่างพากันชักดาบออกมา หากแต่เฟ่ยชินทั่วรีบตะโกนขึ้น “เข่อลี่น่า เจ้าจะทำอันใด!”
ฮั่วเสวียนทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขา
พร้อมทั้งยกดาบไปยังอูซือม่าน “มาสู้กับข้า หากเจ้าชนะ ข้าจะยอมยกหัวใจให้เจ้า”
สายตาของอูซือม่านวูบไหว “ข้ายังมีเวลาทำให้เจ้าชอบข้าอยู่”
“แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าแค่ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว”
หัวใจของอูซือม่านเต้นแรง สัญชาตญาณของเขาบอกว่านี่คือคำหลอกลวง แต่เขากลับไม่อาจต้านทานการล่อลวงในครั้งนี้ได้
หากชนะ ฮั่วเสวียนก็จะเป็นของเขา!
อูซือม่านชักดาบออกมา “เข้ามา”
ฮั่วเสวียนยกกระบี่ฟันไปยังเบื้องหน้าของอูซือม่าน เขาหลบไปไหนไม่ได้ จึงวาดดาบขึ้น
ในใจของชายหนุ่มรู้ดีว่าฮั่วเสวียนกำลังบาดเจ็บ จึงไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด
แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือฮั่วเสวียนมิได้ต่อต้านการโจมตีของเขาแม้แต่น้อย แต่กลับรับคมดาบอย่างไม่ขยับเขยื้อน!
ดาบเล่มคมแทงเข้าที่หน้าอกของนาง จนเลือดไหลออกมาจากปากของฮั่วเสวียน
“ฮั่วเสวียน!”
อูซือม่านรู้สึกเจ็บปวด มือที่ถือดาบสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เจ้าคิดจะทำอันใดกัน?”
ฮั่วเสวียนยิ้ม หยดเลือดทำให้ใบหน้าของนางดูแปลกไป
“อูซือม่าน ในที่สุดข้าก็ตายด้วยน้ำมือของเจ้าแล้ว”
ร่างของนางค่อย ๆ ล้มลง แต่อูซือม่านกอดนางเอาไว้ด้วยดวงตารื้นน้ำตา
“ทำไมกัน?”
ฮั่วเสวียนมองดูพระอาทิตย์ที่ตกดินไปแล้ว เหลือไว้เพียงรัศมีสีเหลืองบนขอบฟ้า
เป็นครั้งแรกที่นางพบว่าพระอาทิตย์ตกนั้นงดงามมากจริง ๆ
“อูซือม่าน ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอเจ้า”
อูซือม่านรีบยกมือขึ้นเพื่อช่วยห้ามเลือดให้นาง แต่กลับพบว่าทำเช่นไรก็ไม่เป็นผล
“เจ้าอย่าพึ่งพูด มีเรื่องอันใดเอาไว้ค่อยคุยกัน”
ฮั่วเสวียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “หลังจากที่ข้าตาย ให้ตัดหัวของข้าออก และส่งไปยังต้าเซี่ย บอกพวกเขาว่า… ข้าไล่ตามสังหารเจ้า แต่กลับถูกเจ้าฆ่าตาย”
ในที่สุดอูซือม่านก็ไม่สามารถระงับความโศกเศร้าในใจได้ เขาจูบลงที่หน้าผากของฮั่วเสวียน “ข้าไม่รับปาก หมอ! รีบไปเรียกหมอมา”
ฮั่วเสวียนรู้สึกว่าชีวิตของนางกำลังริบหรี่ลงเรื่อย ๆ
นางคลำหาบางสิ่งจากกลางอกของตัวเอง ก่อนจะดึงปิ่นปักผมสีแดงออกมา สติของนางพร่ามัว
‘เพล้ง!’
ทันใดนั้นปิ่นปักผมหลุดไปจากมือจนตกแตกออกเป็นสองท่อน
ดวงตาของฮั่วเสวียนค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ
มุมปากของนางยิ้มขึ้น ราวกับว่ากำลังนอนหลับฝันดี
อูซือม่านตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เพราะกลัวจะรบกวนหญิงงามในอ้อมแขน
จากนั้นเฟ่ยชินทั่วก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้นำอู ฮั่วเสวียนนาง…”
“นางยังไม่ตาย”
อูซือม่านมองลงต่ำ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาช้า ๆ
ฮั่วเสวียนที่กล้าหาญและเก่งกาจในการต่อสู้จะตายได้อย่างไร?
หรือเพราะนางถูกเขาฆ่าด้วยมือของเขาเอง?
อูซือม่านกระชับมือทั้งสองข้างให้แน่นขึ้น ร่างของทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้น
ร่างกายนางยังคงอุ่นอยู่
นางไม่มีกลิ่นแป้งเหมือนของหญิงสาวทั่ว ๆ ไป แต่กลับมีกลิ่นจาง ๆ ของสมุนไพร
ตั้งแต่ฟ้ามืดจนฟ้าสว่าง อูซือม่านยังคงอยู่ในท่านั้น แต่ตัวของฮั่วเสวียนเย็นลงเสียแล้ว
ไม่ว่าอูซือม่านจะพยายามช่วยให้มือและเท้าของนางอบอุ่นเพียงใด คนในอ้อมแขนกลับไม่ขยับเขยื้อน ไม่ยิ้ม และไม่อาจเปิดปากพูดได้อีกแล้ว
เฟ่ยชินทั่วทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว “ท่านผู้นำอู ตัวเข่อเล่อตามมาถึงใกล้ ๆ นี้แล้วขอรับ พวกเราจำต้องย้ายที่แล้ว”
ดวงตาอันมืดมนของอูซือม่านยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ เขาอุ้มฮั่วเสวียนไปซ่อนไว้ในถ้ำ
“เสวียน ข้าขอเวลาสามวัน ข้าจะมารับเจ้ากลับบ้านแน่นอน เจ้าเคยบอกว่าหากข้าชนะ หัวใจของเจ้าจะติดตามข้าไป”
เขามองดูนางด้วยความอาลัยอยู่สักพัก จากนั้นอูซือม่านก็หมุนตัวกลับพร้อมกับนำเหล่าทหารจากไป
เสียงเกือกม้าดังขึ้น ทำให้รู้ว่าทหารที่ตัวเข่อเล่อส่งมาให้ไล่ตามเขาได้มาถึงแล้ว
เดิมทีตัวเข่อเล่อคิดว่านี่เป็นเพียงการไล่ล่าอันง่ายดาย แต่ไม่คิดมาก่อนว่าทหารทั้งหมดของอูซือม่านได้แอบสุ่มโจมตีอยู่ก่อนแล้ว
เหล่าทหารที่อยู่รอดและเคยสาบานว่าจะติดตามอูซือม่านไปจนตัวตายได้เข้าโจมตีค่ายหร่งตี๋ และได้สังหารตัวเข่อเล่อในทันทีเพื่อยึดอำนาจคืน
เดิมทีแผนการนี้จะเริ่มดำเนินการหลังจากผ่านไปอีกครึ่งเดือน แต่อูซือม่านได้เร่งเวลากระชั้นขึ้นมา
เฟ่ยชินทั่วมองไปยังค่ายทหารที่กระจัดกระจายหลังจากการสู้รบอันขมขื่น “ท่านผู้นำอู ท่านจะทำเช่นไรต่อไปขอรับ?”
ฮั่วเสวียนตายแล้ว หากสังหารตัวเข่อเล่อแล้วพวกเขาจะทำเช่นไรต่อ
หากแต่ตอนนี้ดวงตาเฉี่ยวคมของอูซือม่านเจือปนไปด้วยความโศกเศร้า
เสวียนของเขาต้องนอนหนาวหลบซ่อนตัวอย่างเดียวดายในถ้ำ เขาจะต้องไปรับนางกลับบ้าน