Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 23 เสร็จเรียบร้อย
บทที่ 23 เสร็จเรียบร้อย
บทที่ 23 เสร็จเรียบร้อย
เฉินซีซีกินข้าวต่อไม่ลง หลังจากทำหน้าไม่พอใจใส่ฉูรั่วฮวน เธอก็รีบลุกขึ้นและตามซูโย่วอี๋ออกไป
“พี่สาว รอฉันด้วย”
ซูโย่วอี๋ไม่พูดอะไรแต่เดินไปที่หอพักเงียบ ๆ เมื่อเฉินซีซีมาถึง เด็กสาวก็เดาได้ว่าอารมณ์ของพี่สาวต้องไม่ดีแน่จึงปลอบเธอ “พี่สาว พวกนั้นล้วนเป็นคนไม่ดี อย่าไปฟังสิ่งที่พวกเธอพูดเลย นั่นจะทำให้พี่อารมณ์เสียเปล่า ๆ”
“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงเดิมพันเรื่องการลดน้ำหนักในการสัมภาษณ์ มันก็อย่างที่พวกเธอพูด พี่ทำเพื่อดึงดูดความสนใจของประธานลู่หรือเปล่า?”
ซูโย่วอี๋ทั้งเหนื่อยและหิว ไม่อยากโกหกต่อหน้าเฉินซีซี เธอจึงตอบออกไปว่า “ในตอนนั้น ฉันร้องเพลงพัวพันไม่ได้จริง ๆ และมันก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้ฉันผ่านเข้ารอบได้แล้ว”
เฉินซีซีไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูด ในความคิดของเธอ พี่สาวสามารถร้องเพลงได้แม้ว่าจะหลับตาอยู่อย่างแน่นอน…
ที่หอพักมีอุปกรณ์ทำครัวทุกชนิดซึ่งสะดวกมาก
ซูโย่วอี๋ทำกะหล่ำปลีต้ม ไข่ต้ม และปลาเล็ก ๆ กินอย่างรวดเร็ว ทำความสะอาดทันทีหลังทานเสร็จ
ทั้งหมดเป็นเพียงการปรุงอาหารและรับประทานอาหารอย่างเงียบ ๆ ผู้ชมบางคนที่เข้ามาในการถ่ายทอดสดที่โรงอาหารต่างก็สนทนากันบนช่องแสดงความคิดเห็น
[ยัยอ้วยนี่ชอบอยู่คนเดียวจริง ๆ เธอคงไม่ชอบให้คนเอาเปรียบ]
[เมื่อกี้นี้เธอทำอาหารกินเองเหรอ]
[คุณไม่เห็นหรือว่าผักและเนื้อถูกโรยด้วยเกลือเมื่อครู่นี้ ดูไม่น่าอร่อยเลย แต่เธอไม่ได้ขมวดคิ้วสักนิด ดู ๆ แล้วเธอคงคุ้นเคยกับมันมาก]
[วิธีการทำอาหารก็เชี่ยวชาญมากเช่นกัน]
[ชาวเน็ตนี่เรียบง่ายจริง ๆ]
[พวกเซียนคีย์บอร์ดหายไปไหนหมด]
เพื่อที่จะได้อยู่กับซูโย่วอี๋ เฉินซีซีจึงนั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้กลับไปที่ห้องพัก ซึ่งทำให้สุนัขจิ้งจอกมีความสุขมาก
มันลอยไปที่โซฟาเพื่อนอนดูโทรทัศน์ และเปิดใช้งานฟังก์ชันซ่อนตัว ซึ่งจะมีใครเห็นนอกจากซู่จู่
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่หน้าบาร์ และทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นของว่างทุกชนิดในตู้ด้านข้างซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
มันเป็นอาหารขยะทั้งหมดที่เธอเคยชอบ
คงไม่เป็นอะไรในเวลาปกติ เวลาที่เธอรู้สึกหดหู่และอยากกิน
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองสุนัขจิ้งจอกที่จดจ่ออยู่กับละครโทรทัศน์ มันไม่สังเกตเห็นเธอในขณะนี้
เธอไม่สามารถระงับความอยากของเธอได้
เนื่องจากกลัวถูกเห็น ซูโย่วอี๋จึงหยิบแก้วน้ำในมือของเธอ แสร้งทำเป็นเดินไปรอบ ๆ แล้วเปิดตู้เบา ๆ เอามันฝรั่งทอดถุงหนึ่งถุงไปซ่อนไว้ด้านหลัง จากนั้นค่อย ๆ เดินอ้อมไปที่ประตู
ออกจากหอพัก
เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเดินมากขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เธออ้วนขึ้นและเดินช้าเหมือนแมลงวัน
การเดินในวันนี้ ทำให้ซูโย่วอี๋มีความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมโดยรอบของหอพัก มีป่าเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้าไม่ไกลจากหอพัก
เธอหยิบถุงมันฝรั่งทอดที่ซ่อนไว้ออกมา
ฮ่า ๆ ฉันเป็นอัจฉริยะจริง ๆ
ชาวเน็ตในจอต่างงงงวยเป็นอย่างมาก
[เธอทำแบบนั้นทำไมกัน?]
[ขโมยถุงมันฝรั่งทอดแล้ววิ่งหนี? ขนมนี้มีไว้สำหรับพวกเธอไม่ใช่เหรอ?]
[ดูสิว่าเธอตะกละแค่ไหน เหมือนกับกำลังขโมยมันฝรั่งทอดอยู่เลย]
[ถ้าไม่บอกว่าเป็นมันฝรั่ง ฉันคงคิดว่าเธอขโมยของมีค่าไป]
[หายไปไหนแล้ว]
[ฉันเห็นเธอเดินไปทางป่า หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแล้ว]
[ยัยอ้วน ฉันยอมรับว่าฉันสนใจในตัวเธอจริง ๆ]
ด้วยหัวใจที่เต้นแรงของซูโย่วอี๋ เธอรอจนกระทั่งลมหายใจของเธอสงบแล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง จากนั้นเปิดมันฝรั่งทอดออก หลังจากแน่ใจแล้วว่าสุนัขจิ้งจอกไม่ได้ตามมา
รสแตงกวาที่เธอชอบมาก…
เธอหยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมาและใส่เข้าไปในปากของเธอและเคี้ยวสองครั้ง
หลังจากรอสองสามวินาทีมันฝรั่งในปากก็หมดไป
โอ้พระเจ้า
ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร หากสุนัขจิ้งจอกมาเห็นเข้า เธอคงไม่รอดพ้นจากการบทลงโทษได้
ซูโย่วอี๋กินมันฝรั่งทอดอย่างสบายใจและถอนหายใจอย่างพึงพอใจทุกครั้งที่เธอกิน
เธอมีความสุขมากราวกับนั่งชมดอกไม่ในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ
…
ภายใต้แสงจันทร์ในป่า ลู่เฉินกำลังมองหญิงอ้วนที่กำลังกินมันฝรั่งทอดอย่างเอร็ดอร่อย
ทุกคนคิดว่าประธานลู่คงออกจากเกาะไปแล้ว อันที่จริง เขาเพิ่งกลับไปที่บ้านพักบนยอดเขา เนื่องจากลู่เฉินต้องการพักร้อนเพราะเขายุ่งกับงานมาระยะหนึ่งแล้ว เขาเลยถือโอกาสนี้พักผ่อน
แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากนี้
ผู้หญิงอ้วนคนนั้นถึงกับเต้นอย่างมีความสุขเมื่อได้กินมันฝรั่ง ทั้งโบกมือขึ้นฟ้า และบิดบั้นท้าย
เขามองมันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าเธอความสุขของการกินมันฝรั่งทอดขนาดนี้เลยเหรอ
ลู่เฉินอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เธออยู่ ส่วนซูโย่วอี๋ก็คอยระแวดระวังสุนัขจิ้งจอกอยู่ ไม่สนใจลู่เฉินในชุดสูทสีดำแม้แต่นิดเดียว
ลู่เฉินไม่มีความตั้งใจที่จะรบกวนเวลาแห่งความสุขของคนอื่น เขาวางแผนที่จะรอจนกว่าเธอจะจากไป
…
ผ่านไปสักพัก เฉินซีซีก็หันกลับมา แต่ก็ไม่เห็นซูโย่วอี๋แล้ว เธอเลยคิดว่าจะกลับห้องพักก่อน จึงปิดโทรทัศน์และขึ้นไปชั้นบน
สุนัขจิ้งจอกมองโทรทัศน์ด้วยความรู้สึกค้างคา แม้ว่าเฉินซีซีกระต่ายขาวตัวน้อยจะไม่ค่อยชอบดูโทรทัศน์มากนัก แต่สุดท้ายก็เลือกดูมันทั้งวัน เพราะยังไงการมีมันก็ยังดีกว่าไม่มี
แต่เจ้าจิ้งจอกเรียกได้ว่าแทบจะเสพติด มันวางแผนให้ซู่จู่เปิดโทรทัศน์ทุกวันเพื่อให้มันดู
หลังจากลอยอยู่ในอากาศเป็นวงกลมหลายรอบ มันก็ไม่เจอซูโย่วอี๋ซักที มันจึงพบความผิดปกติ
[เริ่มหาตำแหน่งของซู่จู่]
ตึ๊ง!
[ค้นหาตำแหน่งปัจจุบันของซูโย่วอี๋]
ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการหาตำแหน่ง และตอนนี้สุนัขจิ้งจอกก็อยากรู้จริง ๆ ว่าซู่จู่กำลังทำอะไรอยู่
[หน้าจอภาพซู่จู่ตามเวลาจริง]
สุนัขจิ้งจอกจึงเห็นภาพนี้
ในป่าที่มืดมิด ซูโย่วอี๋กำลังกินมันฝรั่งทอดกรอบถุงหนึ่ง
สุนัขจิ้งจอกเห็นอย่างนั้นก็ไม่โกรธแต่กลับยิ้มออกมาแทน
มีสุภาษิตที่ว่า ‘มีทางไปสวรรค์ไม่ไป ทางไปนรกไม่มีก็ยังพังเข้าไป’
มันไม่ได้ลงโทษซู่จู่มานานแล้ว และมือก็คันอยู่หน่อย ๆ
เมื่อมองไปที่ถุงขนม ซูโย่วอี๋ก็เลียปากของเธอ น่าเสียดาย ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะเอามาสองถุง
ลืมไปได้เลยว่าพรุ่งนี้จะได้กินอีก
[ซู่จู่ละเมิดภารกิจการลดน้ำหนักและขโมยมันฝรั่งทอดโดยไม่ได้รับอนุญาต การลงโทษแบบสุ่มเลือก: ไฟฟ้าช็อต ระดับ: ต่ำ เวลาลงโทษ: หนึ่งนาที]
จิตใจของซูโย่วอี๋ว่างเปล่าเมื่อเสียงเย็นดังขึ้น
เหลือแค่สี่คำ [เริ่มการลงทัณฑ์!]
วินาทีต่อมา ซูโย่วอี๋ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ หลังจากหายใจอยู่ไม่กี่ครั้ง เธอก็ยืนไม่มั่นคงและล้มลงกับพื้นแล้วเริ่มชักกระตุก
ร่างกายถูกชักเกร็งขึ้นและลง
“เน่า… เน่า… ไอ้… หมา… จิ้ง…”
เหมือนเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
สถานการณตรงหน้า ทำให้ลู่เฉินที่มองอยู่ตกใจเป็นอย่างมาก และลุกขึ้นยืนและวิ่งไปข้างหน้าทันที
ขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขอความช่วยเหลือ “ติดต่อแพทย์ให้ไปที่ป่าบนยอดเขาทันที”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ซูโย่วอี๋ยังคงนอนอยู่ในกองใบไม้และกระตุกไม่หยุด ลู่เฉินมองดูอาการของหญิงสาวและคิดว่ามันคงเป็นอาการของโรคลมบ้าหมู นอกจากนี้ ปากของซูโย่วอี๋ยังคงพะงาบ ๆ
ลู่เฉินกังวลว่าเธอจะกัดลิ้นตัวเอง เขาย่อตัวลง เปิดปากของซูโย่วอี๋ แล้วหยิบไม้ขึ้นมายัดเข้าไปในปากของเธอ
กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
ซูโย่วอี๋แค่ตกใจและเธอไม่ได้หมดสติ แต่เมื่อลู่เฉินบีบปากของเธอออก ซูโย่วอี๋ก็ปิดปากอย่างแรง แต่การลงโทษนั้นทรงพลังมากจนเธอทำได้เพียงเฝ้าดูแท่งไม้ที่อยู่ในปากของเธอ