Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 234 ปวดใจ
บทที่ 234 ปวดใจ
บทที่ 234 ปวดใจ
“โย่วอี๋”
ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้ซูโย่วอี๋ทำอะไรไม่ถูก เธอไม่อยากให้ใครมาขัดจังหวะในช่วงเวลาแบบนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนไม่สนใจ
เธอดูตื่นเต้นมากที่ได้พบคนรู้จักที่นี่
“นี่ประธานลู่หรือเปล่าคะ?”
ดวงตาของเสิ้งเซี่ยเป็นประกายสดใส
“ประธานลู่หล่อกว่าในนิตยสารมากเลยนะคะ”
ทั้งสูงยาวเข่าดี
พอเห็นเขา เธอก็เข้าใจความสุขของซูโย่วอี๋ขึ้นมาทันที
แม้ผู้ชายคนนี้จะไม่มีเงิน ก็คงมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนมาติดพันเขาแน่
แต่นี่เขามีเงินไง!
ทำไมซูโย่วอี๋โชคดีแบบนี้กันนะ เธอเคยหย่าร้างมาแล้ว แต่ก็ยังคว้าผู้ชายแบบนี้ได้
เธอรู้สึกอิจฉามาก “โย่วอี๋ ฉันมีถ่ายโฆษณาที่สตูดิโอใกล้กับเทียนฉีพอดี ฉันขอติดรถไปด้วยได้ไหม มันไม่ง่ายเลยที่จะนั่งแท็กซี่ในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้”
“ไม่รบกวนคุณใช่ไหมคะ ประธานลู่”
สุดท้ายเธอก็แสดงรอยยิ้มที่ยินดีแต่แฝงไปด้วยความประหม่า
ลู่เฉินขมวดคิ้ว
เธอกล้าเข้าหาเขาและพูดตรงไปตรงมาแบบนี้ นี่เขาดูเข้าถึงได้ง่ายงั้นเหรอ?
ก่อนที่เขาจะพูด ซูโย่วอี๋ได้ปฏิเสธอย่างระมัดระวังแล้ว “พวกเราไม่ได้ผ่านทางนั้น”
แต่เสิ้งเซี่ยไม่เชื่อ เธอเดินไปหาลู่เฉินสองก้าว “ประธานลู่ คุณไม่เข้าบริษัทแล้วเหรอคะ หรือว่าคุณไม่อยากให้ฉันติดรถไปด้วย?”
ซูโย่วอี๋ “…”
ทำไมต้องมองลู่เฉินด้วยสายตาแบบนั้นด้วย?
ซูโย่วอี๋เอาตัวเองเข้าไปแนบชิดกับลู่เฉินมากขึ้น และลู่เฉินก็ลูบมือเธออยางปลอบโยน
แล้วเขาก็หันไปพูดกับเสิ้งเซี่ยว่า “ผมจำได้ว่าคุณสนิทสนมกับประธานหลง ให้ผมช่วยโทรหาเขาให้มารับคุณไหม?
ประธานหลงเป็นผู้อุปถัมภ์คนปัจจุบันของเสิ้งเซี่ย เขาเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของบริษัทสื่อแห่งหนึ่ง
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของเสิ้งเซี่ยเต้นไม่เป็นจังหวะ ประธานหลงจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เธอจึงถอยหลังไปสองก้าวทันที “ไม่เป็นไรค่ะ จู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันต้องซื้อของบางอย่าง งั้นฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว เชิญตามสบายค่ะ”
จากนั้นซูโย่วอี๋ก็เข้าไปในรถของลู่เฉิน
ลู่เฉินเห็นว่าเธอเงียบไปหลังจากขับรถไปได้ระยะหนึ่ง “คุณโกรธเหรอ”
ซูโย่วอี๋ส่ายหัว โกรธที่ไหนกันล่ะ เธอหึงมากกว่า
เธอนั่งจิกเบาะรถจนเบาะหนังหลุดติดมือออกมาแล้วเนี่ย!
พอเห็นอย่างนั้น เสียงหัวเราะของลู่เฉินดังขึ้น “เจ้าแมวน้อยจอมขี้เกียจ นี่คุณหึงผมเหรอ”
ซูโย่วอี๋เหลือบมองเขา “คุณมีผู้หญิงเข้าหาแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
สิ่งที่เสิ้งเซี่ยทำทำให้เธอรู้สึกกังวล
แต่ลู่เฉินมีสีหน้าจริงจังทันที “เปล่า”
“เป็นไปไม่ได้!”
ซูโย่วอี๋มั่นใจมาก “เมื่อกี้เธอแทบจะโผเข้ากอดคุณอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่สนใจพวกเธอหรอก”
พวกเธอ?
!
! !
! ! !
แสดงว่ามีผู้หญิงมาเกาะแกะเขามากมายสินะ
ซูโย่วอี๋มองลู่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลู่เฉิน คุณก็รูปร่างหน้าตาดี เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้หญิงมาชอบคุณ แต่ฉันจะบอกไว้ก่อนนะ ระหว่างที่เราคบกัน คุณห้ามนอกใจฉัน ถ้าไม่รักไม่ชอบกันแล้ว ก็พูดออกมาตรง ๆ”
แต่ถ้าเขานอกใจในระหว่างที่คบกัน เธอจะไม่มีวันให้อภัยเลย
ลู่เฉินชำเลืองมองเธอและบอกให้รถจอดเข้าข้างทาง
“ความสงสัยของคุณไม่มีสาเหตุเลยนะ”
ความคิดที่เตลิดไปไกลของซูโย่วอี๋พลันดับลง
“ฉันก็แค่พูดไว้ก่อน”
ลู่เฉินไม่ยอมรับ “คุณกำลังหาทางออกให้ตัวเอง พูดอีกอย่างคือคุณไม่มั่นใจในตัวผม”
“ถ้าผมทำอะไรผิดไป ให้คุณบอกผมได้ตลอด ผมพร้อมจะแก้ไข”
ซูโย่วอี๋รู้สึกผิด สถานการณ์แบบนี้มันน่าอึดอัดชะมัด
ตอนแรกเธอเป็นคนที่สอบสวนลู่เฉินอยู่แท้ ๆ แต่ทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ถึงกลายเป็นเขาที่เป็นคนสอบสวนเธอล่ะ?
แน่นอนว่าเธอสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว
เธอทำได้แต่พูดเรื่องไร้สาระเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น
“ก็คุณไม่ตรงไปตรงมากับฉัน แถมคุณยังไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวคุณให้ฉันฟังเลยด้วย”
“เมื่อก่อนคุณเคยมีความรักไหม คุณมีแฟนมาแล้วกี่คน ฉันไม่เคยรู้เลย”
ก่อนหน้านี้ซูโย่วอี๋เคยค้นหาอินเทอร์เน็ต และเห็นว่าลู่เฉินไม่เคยประกาศเปิดตัวแฟนของเขาอย่างเป็นทางการสักครั้ง
เธอเป็นคนแรก
ซูโย่วอี๋พูดแบบนี้เพื่อทำให้บรรยากาศสงบลง แต่เธอไม่ได้คาดหวังคำตอบจากลู่เฉิน
“ตอนอยู่ต่างประเทศผมเคยมีแฟนหนึ่งคน”
?
ซูโย่วอี๋ตกตะลึง
“คุณว่าอะไรนะ?”
ลู่เฉินหันไปด้านข้างและมองตรงไปในดวงตา “เมื่อก่อนผมคิดว่าเรื่องบางเรื่องผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกคุณ แต่กลางดึกเมื่อคืนนี้ที่คุณโทรหาผม และพูดประโยคนั้นออกมา ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณคือคนที่ใช่”
“ความสัมพันธ์ของเราควรจะเติบโตไปมากกว่านี้”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด “ลู่เฉิน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ผมเคยมีแฟนมาแล้วหนึ่งคน”
เมื่อได้ยินประโยคนี้อีกครั้ง ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเศร้า
เธอสูดจมูกของเธอทันที
เธอไม่ได้คิดว่าการที่เคยมีแฟนมาก่อนมันจะเป็นเรื่องที่มีมลทิน เพราะเธอเองก็เคยมีสามีมาก่อน
เมื่อเธอคิดว่าครั้งหนึ่งลู่เฉินเคยกอดผู้หญิงคนอื่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน รวมถึงสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นแบบนั้น มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจ
จากนั้นเธอก็จับหน้าอกของเธอและร้องไห้
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
ลู่เฉินเห็นอย่างนั้นก็ตื่นตระหนก “โย่วอี๋ คุณเป็นอะไรไป”
ซู่โย่วอี๋มองเขาด้วยสายตาเว้าวอน เธอร้องไห้อย่างหนักแบบกลั้นไม่อยู่
“คุณเจ็บตรงไหนไหม ไปโรงพยาบาลกัน ไม่ต้องกลัว”
กลัวบ้าอะไร!
ซูโย่วอี๋แทบอยากจะตบหัวเขา “ฉันปวดใจ”
ปวดใจ?
ลู่เฉินยิ่งเครียดกว่าเดิม การปวดที่หัวใจมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยนะ
เขาไม่รอช้ารีบขับรถไปที่โรงพยาบาลเป๋าไป่ทันที
ตอนนี้ซูโย่วอี๋จมอยู่ในความโศกเศร้าของ ‘ความรักที่แตกสลาย’ และกว่าเธอจะรู้ตัว ลู่เฉินก็พาเธอมาถึงประตูโรงพยาบาลแล้ว
“คุณกำลังทำอะไร?”
ลู่เฉินยังคงสงบ “ไม่ต้องกังวล เรากำลังจะไปพบแพทย์”
จากนั้นซูโย่วอี๋ก็รู้ว่าลู่เฉินเข้าใจอะไรผิดไปแน่ ๆ
เธอพูดอย่างอ้ำอึ้ง
“ประธานลู่ คุณเสียสติไปแล้วเหรอ”
“ก็คุณบอกว่าปวดหัวใจไม่ใช่เหรอ?”
ซูโย่วอี๋ ‘เห้อ แต๊งกิ้ว[1]*นะ’
ขอบคุณจริง ๆ
ฉันอยากจะขอบคุณกับความเอาใจใส่นี้จริง ๆ
“ไม่เจ็บแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
เหนื่อยจัง
จากนั้นลู่เฉินก็เปิดประตูรถให้เธอ “คุณอย่าปล่อยเอาไว้ดีกว่า ยังไงก็ต้องไปตรวจร่างกาย”
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเตรียมนัดหมาย
แต่ซูโย่วอี๋คว้าโทรศัพท์เอาไว้และรู้สึกละอายใจ “ลู่เฉิน คุณหยุดทำแบบนี้ได้ไหม ฉันแค่ยอมรับไม่ได้ว่าคุณเคยมีแฟนมาก่อน”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “คุณร้องไห้เพราะเรื่องนี้เหรอ”
จากนั้นซูโย่วอี๋เข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ “ฉันขับเอง ถอยไปเลย”
ลู่เฉินยืนอยู่ตรงนั้นและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยอมเธอในที่สุด
แต่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
เมื่อมาถึงเป่ยสืออี้ผิน
ซูโย่วอี๋ก็เดินตรงไปที่ห้องของซูหยินที่ชั้น 17 ไม่ใช่ชั้น 16 ของลู่เฉิน
เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ
หลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จ เธอก็ล็อคประตูห้องนอนแล้วเข้านอน
ตอนนี้ลู่เฉินกำลังสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจความไม่มีเหตุผลของผู้หญิงอย่างถ่องแท้
แต่เขาก็ยังไม่กล้ากลับออกไป เพราะกังวลว่าซูโย่วอี๋จะโกรธยิ่งกว่านี้หากเธอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใคร
ดังนั้นประธานลู่ที่อยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนังจึงสวมผ้ากันเปื้อนและทำโจ๊กหนึ่งหม้อ
ระหว่างรอ เขาก็โทรหากู่อวี๋เฉิง
ซึ่งกู่อวี๋เฉิงคิดว่าลู่เฉินคงมีธุระอะไรเร่งด่วน เขาจึงตั้งใจฟังมาก
“การทีผู้ชายเคยมีแฟนมาก่อน ผู้หญิงเขาถือสามากเลยเหรอ?”
กู่อวี๋เฉิงอึ้งไปสักพัก
“[ก็…]”
“ก็อะไร”
“[ก็น่าจะคิดอยู่มั้ง]”
กู่อวี๋เฉิงไม่แน่ใจ
ลู่เฉินพูดกับตัวเองว่า “ลืมไปเลยว่าคุณไม่เคยมีความรัก แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง”
ทันใดนั้นกู่อวี๋เองก็โกรธ “[ผมมีแล้ว]”
“เมื่อไหร่?”
“[สองวันที่ผ่านมา]”
ลู่เฉินส่งเสียงตอบรับและวางสายไป
[1] 拴q (shuān q) แปลว่า ขอบใจ (แบบประชด) เป็นศัพท์ทางอินเทอร์เน็ตของจีน
อ่านต่อ