Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 240 ก่อนแต่งงานห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน
บทที่ 240 ก่อนแต่งงานห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน
บทที่ 240 ก่อนแต่งงานห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน
ในใจของผู้อาวุโสรู้สึกดีขึ้น
อีกด้านหนึ่ง กู่อวี๋เฉิงพาซูหยินขึ้นไปบนรถของตัวเอง ทั้งสองคนนั่งอยู่บนรถโดยไม่ได้พูดอะไร
ซูหยินมองไปยังเส้นเลือดเขียวช้ำบนหลังมือของกู่อวี๋เฉิงที่เริ่มจะแดงขึ้น อยากจะรู้จริง ๆ ว่าตอนที่เขาต่อยฮัวจิงนั้นใช้แรงไปมากแค่ไหน
นิ้วขาวเรียวบางของเธอค่อย ๆ ไล้ไปตามหลังมือของเขา “คุณเจ็บหรือเปล่า?”
กู่อวี๋เฉิงคว้ามือของเธอเอาไว้ ฝ่ามือใหญ่โอบรอบมือของเธอ “เขาทำอะไรกับคุณ?”
ดวงตาจองซูหยินลังเล แต่ในที่สุดก็พูดออกไป “พูดจาดูถูกและก็มาลวนลาม”
ลวนลาม?
กู่อวี๋เฉิงเงยหน้าขึ้น ซูหยินจึงมองเห็นดวงตาแดงก่ำของเขา
มันทำให้เธอขนลุก
“เขาจูบคุณตรงไหน?”
ซูหยินส่ายหัว
“สัมผัสตัวคุณเหรอ?”
พยักหน้า
“ตรงไหน?”
ซูหยินชี้ไปที่เอวของตัวเอง โดยไม่กล้าชี้สูงขึ้นไป
“คนโง่ ฉันไม่ได้ติดต่อหรือมีเยื่อใยกับเขาเลย แล้วก็ไม่ได้ทรยศหรือนอกใจคุณด้วย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมาหาฉัน”
กู่อวี๋เฉิงตอบกลับด้วยเสียงแหบแห้ง “ผมรู้”
“คุณสู้เขาไม่ได้ แต่คุณมีผมอยู่”
ซูหยินมองดูดวงตาอันเจ็บปวดของเขา เธอหลับตาและจูบเขา ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแล้วผละออกมา
นี่คือจูบแรกหลังจากที่พวกเราคบกัน
กู่อวี๋เฉิงกุมมือของเธอแน่นขึ้น “ซูหยิน คุณไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อพิสูจน์อะไรหรอก ผมเชื่อใจคุณ”
ซูหยินเลิกคิ้วขึ้น “ฉันอยากกินคุณมานานแล้ว แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อไหร่คุณจะยอมเป็นของฉันสักที?”
ไอสีแดงเริ่มก่อตัวขึ้นตรงหูของกู่อวี๋เฉิง แต่ใบหน้าของเขากลับยังคงจริงจังเหมือนเดิม “พอเลย”
“แล้วนี่คุณจะกลับบ้านหรือกลับบริษัท?”
“กลับบ้าน”
ซูหยินกระพริบตา “กลับบ้านของคุณ”
กู่อวี๋เฉิงขมวดคิ้ว “ผมเคยพูดแล้วนะ ก่อนแต่งงานห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน”
“กลับบ้านคุณก็ไม่ใช่ว่าต้องไปทำเรื่องน่าอายอย่างนั้นสักหน่อย ฉันแค่อยากไปบ้านคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ คุณคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย”
“อีกอย่างตอนนี้ฉันกลัวมาก ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”
เธอพูดจนดูน่าสงสาร กู่อวี๋เฉิงก็ใจอ่อนในทันทีและขับรถกลับไปยังบ้านของตัวเอง
พอเปิดประตูออก กู่อวี๋เฉิงหยิบรองเท้าแตะในบ้านสำหรับผู้หญิงคู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้า “เชิญครับ”
ซูหยินจ้องไปยังรองเท้าแตะ “นี่ของใครเนี่ย ทำไมในบ้านของคุณทำไมถึงมีรองเท้าแตะผู้หญิงด้วย?”
“ผมซื้อมาให้คุณต่างหาก”
ซูหยินมองดูรองเท้าแตะอย่างละเอียด ของใหม่จริง ๆ ด้วยแฮะ แม้แต่ฝุ่นสักนิดบนรองเท้าก็ไม่มี
หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้น “ซื้อมาตอนไหนเหรอ หรือว่าคิดมาตั้งนานแล้วว่าจะให้ฉันมาที่บ้าน”
“แต่สไตล์แบบนี้ฉันไม่ชอบเลย ครั้งต่อไปถ้าคุณจะซื้อของถามฉันด้วยสิ”
“อืม เดี๋ยวผมพาคุณไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้คุณเลือกแบบที่คุณชอบแล้วกัน”
พอเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ซูหยินก็เดินเข้าไปยังห้องรับแขก สไตล์การตกแต่งบ้านของกู่อวี๋เฉิงนั้นเหมือนกับตัวของเขาทุกประการ เหมือนนักธุรกิจชั้นยอดไม่มีผิด
มันเน้นไปทางโทนขาวดำเทา ดูสบายตา
“ฉันขอเข้าไปดูห้องนอนของคุณได้ไหม?”
กู่อวี๋เฉิงพาเธอเข้าไป ห้องนอนยิ่งดูเรียบง่าย เตียงนอน 1เตียง โต๊ะทำงานสักโต๊ะก็ไม่มี ห้องแต่งตัวถูกแยกออกไปเป็นอีกห้อง
ซูหยินมุ่ยปากอยู่สักพักจึงพูดขึ้น “เป็นระเบียบมาก”
กู่อวี๋เฉิงยิ้ม “คุณไม่ชอบสไตล์แบบนี้เหรอ งั้นต่อไปคุณตกแต่งเรือนหอตามสไตล์ที่คุณชอบได้เลยนะ”
เรือนหอ?
ซูหยินชำเลืองมองเขา “คุณนี้ช่างฝันหวานจริง ๆ”
กู่อวี๋เฉิงมองดูเวลา “คุณอยากกินอะไรไหม?”
“คุณจะทำให้กินเหรอ?”
ฝีมือของกู่อวี๋เฉิงถือได้ว่าไม่เลวเลย ซูหยินมองเขาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“อืม ในตู้เย็นยังพอมีผักอยู่บ้าง”
ซูหยินอยากจะช่วยด้วย “งั้นฉันจะทำกับข้าวเป็นเพื่อนคุณเอง”
“ก็ได้”
กู่อวี๋เฉิงทำหน้าที่ดูแลทั้งหมด ซูหยินรับหน้าที่เป็นเด็กหญิงที่คอยเข้ามาวุ่นวาย จนพวกเขาทำกับข้าวเสร็จ 3 อย่างและอาหารประเภทน้ำอีก 1 ถ้วย
ซูหยินอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อได้มองอาหารกลางวันชุดใหญ่บนโต๊ะที่ชวนให้น้ำลายสอ “ทำอาหารก็สนุกดีนะเนี่ย”
“แน่นอน การทำอาหารก็เป็นอีกหนึ่งเวทมนตร์เหมือนกันนะ”
ซูหยินหยิบตะเกียบขึ้นมา “แต่ยังไงฉันก็ชอบกินมากกว่าทำอยู่ดี”
การทำอาหารมันวุ่นวายเกินไป
กู่อวี๋เฉิงช่วยตักข้าวให้เธอ “ต่อไปให้ผมทำกับข้าวก็พอ”
“ล้างจานล่ะ?”
“ผมล้างเอง”
“ถูพื้นล่ะ?”
“ผมถูเอง”
ซูหยินถามเรื่องงานบ้านอีกชุดใหญ่ กู่อวี๋เฉิงเลยถามกลับ “ไม่มีงานบ้านที่คุณชอบทำเลยเหรอ?”
“ไม่มี!” น้ำเสียงของเธอแน่วแน่
“มีแฟนที่ขยันทำงานหนักอย่างคุณ คงไม่มีงานอะไรให้ฉันต้องทำอะไรเลย”
กู่อวี๋เฉิงหน้าแดงอีกแล้ว
ซูหยินเลยขยับเข้าไปใกล้ “คุณคิดอะไรน่ะ”
“เปล่า”
ซูหยินยิ้ม เรื่องที่ฮัวจิงทำให้เธอรู้สึกกลัวและรู้สึกถึงความอัปยศและความเกลียดชังจางหายไปราวกับเมฆ
กู่อวี๋เฉิงเป็นเหมือนยารักษาของเธอ
…
หลังงานแถลงข่าวจบลง ซูโย่วอี๋ก็ไม่เห็นกู่อวี๋เฉิงกับซูหยินเลย เธอจึงคิดไปว่าพวกเขาคงจะกลับกันไปแล้ว เธอเลยกลับไปบริษัทพร้อมกับเหมยเหมย
ตอนนี้ชื่อเสียงของซูโย่วอี๋ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พอทุกคนในบริษัทได้ดูละครรักในฝัน เหมือนกับว่าคนส่วนใหญ่นั้นได้กลายเป็นแฟนคลับของเธอหมดแล้ว พอเห็นว่าเธอมาถึง บรรยากาศในบริษัทก็เหมือนการนัดพบเจอแฟนคลับ
เพราะทุกคนต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
มันไม่ง่ายเลยกว่าซูโย่วอี๋จะหลบออกมาได้และไปยังห้องทำงานของสุ่ยเวย
“พี่เวย ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
สุ่ยเวยรีบหยุดการทำงานทุกอย่างของเธอและลุกขึ้นเพื่อรินน้ำชาให้ซูโย่วอี๋ “การเข้าสู่วงการการแสดงครั้งแรกของคุณประสบความสำเร็จมาก ถือได้ว่าเป็นที่นิยมเลย หลายวันมานี้มีละครหลายเรื่องติดต่อมาขอจองตัวคุณ”
“ฉันเลือกละครมา 2-3 เรื่องที่ดูไม่เลว คุณลองเลือกดูและรีบให้คำตอบฉันล่ะ”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า
“อ้อ อีกเรื่อง มีสินค้าจำนวนมากติดต่อคุณมาด้วย นี่รายละเอียด”
มีแบรนด์สินค้ามากเกินไป ทำให้รายละเอียดนั้นถูกตั้งไว้หนาเตอะ
ซูโย่วอี๋รับมาเปิดดู มีทั้งแบรนด์เครื่องประดับ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องดื่ม ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน…
มีทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ แต่โดยรวมแล้วต่างก็เป็นที่รู้จักไม่น้อยเลย
เปิดมาจนถึงหน้าสุดท้าย มือของซูโย่วอี๋หยุดลงที่บริษัทน้ำหอมแห่งหนึ่ง
หากเป็นแค่บริษัทน้ำหอมธรรมดา ๆ ก็คงไม่มีอะไร แต่บริษัทน้ำหอมนี้เป็นแบรนด์หรูจากต่างประเทศ โด่งดังมากกว่าบริษัท Dora ที่เคยปฏิเสธซูโย่วอี๋ไปเสียอีก!
อดีตแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์นี้ล้วนแต่เป็นคนดังจากต่างประเทศทั้งหมด
“พี่เวย ทำไมบริษัท heral ถึงมาติดต่อฉันล่ะ?”
อีกทั้งยังส่งสัญญามาด้วย ไม่ได้เป็นเพียงคำเชิญเพื่อให้ไปสัมภาษณ์ เหมือนกับว่าขอเพียงแค่ซูโย่วอี๋พยักหน้า เธอก็จะสามารถเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์นี้ได้เลย
โดยไม่ต้องสงสัย
สุ่ยเวยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ฉันเคยติดต่อกับสำนักงานใหญ่ของบริษัท heral มาก่อน พวกเขาบอกว่ามองเห็นศักยภาพของคุณ อีกทั้งภาพลักษณ์ของคุณก็เข้ากันได้ดีกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย”
ซูโย่วอี๋พยักหน้าอย่างครุ่นคิด “โฆษณาน้ำหอมน่าจะไม่มีอะไรมาก สามารถเซ็นต์สัญญาได้”
แน่นอนว่าการโฆษณาให้แบรนด์หรูเช่นนี้มันจะเพิ่มความนิยมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ซูโย่วอี๋เป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นเธอก็รับงานโฆษณาไปอีก 2 ตัว ซูโย่วอี๋จึงได้ขึ้นไปหาลู่เฉินที่ชั้นบน ครั้งที่แล้วที่มาเธอไม่พบกับเลขาที่ดูอายุน้อยคนนั้นแล้ว แต่กลายเป็นเลขาผู้ชายแทน
เขารีบลุกขึ้นยืน “คุณซู มาหาประธานลู่เหรอครับ?”
“อืม”
“คุณมาพอดีเลยครับ ประธานลู่พึ่งจะประชุมเสร็จ ตอนนี้กำลังพักอยู่ที่ห้องทำงาน ผมพาคุณเข้าไปเองครับ”
หลังจากที่เลขาผู้ชายพาซูโย่วอี๋เข้าไปแล้วนั้นเขาก็ถอยออกมา และยังใส่ใจปิดประตูให้อีกด้วย
ดูเป็นมืออาชีพมาก