Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 254 อยากจูบคุณจัง
บทที่ 254 อยากจูบคุณจัง
บทที่ 254 อยากจูบคุณจัง
เพราะการเซ็นต์สัญญาของซูโย่วอี๋กับเฮอรัลกลายเป็นที่พูดถึง เดิมทีซูโย่วอี๋ต้องการฉลองกับลู่เฉิน แต่โชคไม่ดีที่ลู่เฉินต้องเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ ดังนั้นเธอจึงต้องยกเลิกแผนชั่วคราว
หลังจากพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ซูโย่วอี๋ก็ลุกขึ้นไปทำอาหารเย็น ก่อนข้อความหนึ่งแจ้งเตือนขึ้นในโทรศัพท์ของเธอขณะที่กำลังทานอาหาร
[ธนาคารฉงชิ่ง] เงินจำนวน 50,000,000.00 หยวนจะถูกโอนไปยังบัตรของคุณด้วยหมายเลขลงท้าย 3967 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2021 และยอดคงเหลือจะอยู่ที่ 50,035,564.00 หยวน
ซูโย่วอี๋มือสั่นจนโทรศัพท์ตกลงพื้น
มีเลขศูนย์กี่ตัวน่ะ?
ซูโย่วอี๋หยิบมันขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา นับแล้วนับอีก มันไม่น้อยไปกว่า 50 ล้านอย่างแน่นอน
ในที่สุดเธอก็มีเงินจ่ายค่าแหวนแล้ว เธอหยิบแหวนออกจากกล่องเครื่องประดับและดูซ้ำแล้วซ้ำอีก
เจ้าแหวนเอ๋ย เจ้าแหวน ทำไมแกถึงแพงนัก ฉันทำงานหนักถ่ายทำมาตั้งหลายเดือน เพื่อซื้อสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้อย่างแกน่ะเหรอ
ปิ๊บ!
เงินหายวับไป
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าเธอได้รับอิทธิพลจากลู่เฉินที่มีพร้อมทั้งเงินทองและมีอำนาจ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่กล้าซื้อของ 50 ล้านโดยไม่กระพริบตาอย่างนี้หรอก
หายไปแล้ว
หลังจากจ้องที่ยอดสุทธิบนโทรศัพท์เป็นเวลานาน เธอก็วิดีโอคุยกับลู่เฉิน
“ลู่เฉิน ฉันได้รับเงินค่าจ้างแล้วนะ”
น้ำเสียงของเธอตื่นเต้นและใบหน้าของเธอแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเด็กไม่มีผิด
ดวงตาของลู่เฉินอาบไปด้วยรอยยิ้ม “[คุณมีความสุขไหม?]”
“แน่นอน!”
ซูโหย่วอี๋ตอบว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับเงิน 50 ล้านจากความพยายามของฉันเอง เรื่องแบบนี้ฉันไม่เคยกล้าฝันมาก่อน ต้องขอบคุณท่านประธานนะคะ”
“[อืม เงินเล็กน้อยแค่นี้คุณก็พอใจแล้วเหรอ?]”
“เงินเล็กน้อย?” ซูโย่วอี๋พูดอย่างหมั่นไส้ “ใครจะเปรียบเทียบกับประธานลู่ได้ แต่ไม่มีใครบอกคุณเหรอว่าจงส่องแสงของตัวเองและอย่าดับแสงของคนอื่น”
ฮึ่ม
ลู่เฉินมองไปที่เจ้าแมวน้อมจอมขี้เกียจที่กำลังทำหน้าบึ้งบนคอมพิวเตอร์และลดเสียงลง “[ของ ๆ ผมก็เป็นของคุณ ตราบใดที่คุณอยู่ข้าง ๆ ผมคุณก็จะมีเงินใช้ไม่รู้หมด]”
ซูโย่วอี๋หัวเราะคิกคัก “[คุณเป็นตู้เอทีเอ็มเหรอ?]”
“[แน่นอน ถ้าคุณต้องการถอนเงิน มันก็มีไม่จำกัด คุณสามารถถอนได้ตามที่คุณต้องการเลยนะ]”
“ลืมมันไปเถอะ ตอนนี้เรายังไม่จดทะเบียน ถ้าเราเลิกกันในอนาคต แล้วคุณขอเงินคืน ฉันไม่ต้องแบกรับหนี้ก้อนโตเหรอ?”
ลู่เฉินทำอะไรไม่ถูก “[คุณคิดอะไรอยู่ทั้งวัน ผมเป็นคนไร้ค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?]”
เลิกกันแล้วเอาเงินคืนเนี่ยนะ
ซูโย่วอี๋กลอกตาของเธออย่างเฉยเมย “ลู่เฉิน ถ้าคุณไม่รักฉันแล้วจริง ๆ คุณไม่ต้องถามด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงเลิกกัน!”
ลู่เฉิน “…”
การมีความรักนี่มันต้องใช้ทักษะขั้นสูงจริง ๆ
“[เจ้าแมวจอมขี้เกียจ ผมซื้อของขวัญจากต่างประเทศให้คุณด้วย ยินดีด้วยกับการเซ็นสัญญากับเฮอรัลของคุณนะ]”
“หือ? ของอะไรคะ เอาให้ฉันดูหน่อย”
ซู่โหย่วอี๋สลัดอาการงอนเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อกี้ทิ้งไปทันที
“[ความลับ! นี่เป็นเซอร์ไพรส์]”
ซู่โหย่วอี๋ทำหน้าบึ้ง “ดูสิ คุณบอกว่าคุณซื้อของขวัญมาให้แท้ ๆ มันไม่ใช่เซอร์ไพรส์แล้ว เอาให้ฉันดูเร็ว ๆ เถอะ คุณจะได้เอาไปคืนถ้าฉันไม่ชอบ”
ลู่เฉินเพียงยกยิ้มจาง ๆ แต่ก็ไม่ยอมให้ดู
“นายท่าน ให้ฉันดูหน่อยนะคะ”
“แค่ดูนิดหน่อยเอง”
เสียงของซูโย่วอี๋นั้นเหมือนกับหน้าตาของเธอที่ดูเย็นชา แต่เมื่อเธอทำตัวเหมือนเด็กโดยไม่รู้ตัว เธอกลับบอบบางและนุ่มนิ่ม มีเสน่ห์อย่างคาดไม่ถึง
ความคิดของลู่เฉินถูกดึงย้อนกลับไปในคืนนั้นทันที ใบหน้าของคนที่อยู่ข้างใต้เขาดูราวกับดอกท้อ และริมฝีปากสีแดงสดก็เปล่งประกายฉ่ำวาวจากการจูบ
เขากลืนน้ำลายลงคอ และดวงตาก็ค่อย ๆ เหม่อลอย
เมื่อเขาพูดอีกครั้ง เสียงของเขาก็แหบแห้งเล็กน้อย “[เจ้าแมวน้อยจอมขี้เกียจ]”
“[ผมคิดถึงคุณ]”
ซู่โหย่วอี๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติและพูดอย่างเขินอายว่า “ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
“ลู่เฉิน ฉันอยากจูบคุณจัง”
ลู่เฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง การทำแบบนี้ดูจะ… ไม่เป็นตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า
แต่เมื่อมองไปที่เจ้าแมวน้อมจอมขี้เกียจที่ดูคาดหวัง เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ลู่เฉินมองไปรอบ ๆ อย่างอึดอัด และรู้สึกโล่งใจหลังจากแน่ใจว่าผู้ช่วยกำลังทำงานอยู่ข้างนอก
ใบหน้าที่แข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัดไม่แสดงอารมณ์ แต่เขายังคงกดริมฝีปากไปที่กล้องคอมพิวเตอร์
จุ๊บ
ซูโย่วอี๋หัวเราะลั่นอยู่อีกด้านหนึ่ง “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ลู่เฉิน ฉันล้อคุณเล่น คุณน่ารักจัง”
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้ช่วยยืนอยู่ที่ฉากกั้นนิ่งไป ขณะถือเอกสารไว้ในมือ
เมื่อเห็นลู่เฉินมองมาที่เขา เขาก็ละล่ำละลัก “ปะ… ประธานลู่… บนเอกสาร… ดูเหมือนว่าจุดที่มี… มีปัญหา ผมอยากจะขอให้คุณยืนยัน”
ผู้ช่วยอยากจะตบตัวเองสักสองฉาด อีกฝ่ายแค่อยากจะจูบแฟนสาวไม่ใช่เหรอ?
ทำไมต้องมาพูดติดอ่างอย่างนี้ด้วย น่าอายชะมัด
หลังจากคิดอย่างนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองสงบมากแล้ว แต่ใครจะไปสงบสติอารมณ์ได้เมื่อเห็นประธานลู่ผู้สง่างามและจริงจังทำพฤติกรรมที่ไร้สาระแบบนี้
ไปถามดูเลยว่าใครจะทำได้!
มือของลู่เฉินที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่น แต่ใบหน้าของเขากลับสงบนิ่ง “โย่วอี๋ ผมมีบางอย่างต้องจัดการ ผมจะวางสายก่อน”
เมื่อเขามองไปที่ผู้ช่วยอีกครั้ง ดวงตาคมเหมือนมีดนับพันที่ทิ่มแทงอีกฝ่าย “คุณเคาะประตูไม่เป็นเหรอ?”
“ครับ… ผมขอโทษครับคุณลู่ คราวหน้าผมจะใส่ใจให้มากกว่านี้”
“คุณได้อ่านเอกสารนี้หรือยัง?”
ลู่เฉินปฏิเสธอย่างเย็นชา “เราจะคุยกันพรุ่งนี้”
ผู้ช่วยคนนั้นวิ่งเร็วออกไปราวกับกระต่ายตื่นตูมและถูกลู่เฉินเรียกไว้ “ห้ามพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้กับใคร”
“ครับ ไม่ต้องห่วง”
แต่หลังจากที่ผู้ช่วยออกไป ลู่เฉินก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่อย่างชัดเจนจากในห้อง
การอดกลั้นนี่มันชวนอึดอัดจริง ๆ
ลู่เฉินรู้สึกว่าเขาไม่มีสมาธิในการทำงาน ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
แต่ซูโย่วอี๋ได้ส่งข้อความวีแชทให้เขา
[ประธานลู่ที่รัก ช่วยส่งหมายเลขโทรศัพท์ของฮันเจ๋อเหยียนให้ฉันหน่อยสิ ฉันต้องคืนเงินเขา รักคุณนะ]
ลู่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง
[ใช้บัญชีบริษัทในนามเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์เลย คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินค่าแหวนหรอก]
[ได้ยังไงกัน? ถ้ามีคนใจดีพอจะขายแหวนให้ฉัน ทั้งด้านเหตุผลและความรู้สึก ฉันควรขอบคุณเขา ดังนั้นอย่าลืมส่งมาให้ฉันนะคะ? จุ๊บ]
ลู่เฉินกดหมายเลขโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
ซูโย่วอี๋มองดูเวลาด้วยความพอใจ นี่เพิ่งจะแปดโมงเย็น เธอจึงโทรหาฮันเจ๋อเหยียนทันที
ใช้เวลานานกว่าที่อีกฝ่ายจะรับสาย “[สวัสดี]”
“โอ้ สวัสดีค่ะคุณฮัน ฉันซู่โย่วอี๋ ขอโทษที่รบกวนนะคะ เงินเดือนของฉันออกแล้ว ฉันจะโอนเงินค่าแหวนให้กับคุณยังไงคะ?”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ พรุ่งนี้สะดวกมาที่บ้านตระกูลฮันไหมครับ?”
บ้านตระกูลฮัน?
ซู่โหย่วอี๋มึนงง ทำไมไม่ให้เธอไปที่บริษัท แต่ไปที่บ้านตระกูลฮัน?
“ประธานฮัน สะดวกให้ไปที่บ้านเหรอคะ?”
ฮันเจ๋อเหยียนตระหนักถึงความหุนหันของเขา “[คุณซูไม่ต้องกังวลครับ พ่อแม่ของผมจะมีงานเลี้ยงกับแขกในวันพรุ่งนี้ และคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ๋อหยาง ดังนั้นผมจึงอยากเชิญคุณด้วยน่ะ]”
“[ถ้าคุณกังวล คุณสามารถถามเจ๋อหยางได้เลยนะครับ]”
ซูโย่วอี๋รู้สึกเสมอว่าการไปบ้านคนอื่นนั้นไม่ดี แต่ฮันเจ๋อเหยียนพูดมาขนาดนี้แล้ว มันคงไม่สุภาพถ้าเธอไม่ไป
อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เพิ่งช่วยเหลือเธอมาไม่นานนี้
“ได้ค่ะ กี่โมงคะ?”
“[หกโมงเย็นครับ]”
“ฉันจะไปถึงตรงเวลาค่ะ”
เนื่องจากเธอกำลังจะไปที่บ้านของฮันเจ๋อเหยียน ซูโย่วอี๋จึงไม่ไปที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น แต่ฝึกซ้อม [ความสง่างาม] ที่บ้าน
ท่าทาง 180 ท่าเหลือแค่ท่าสุดท้าย ซูโย่วอี๋ต้องการทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดและเข้าทดสอบ เธอไม่ลืมว่าหลังจากผ่านการประเมิน [ความสง่างาม] แล้ว รางวัลคือการเข้าสู่ดินแดนลับอีกครั้งหนึ่ง
เวลาประมาณบ่ายสามโมง ซูโย่วอี๋เสร็จสิ้นการฝึกและออกจากพื้นที่โฮโลแกรม หลังจากพักผ่อนได้ไม่นาน เธอก็เก็บของและไปที่บ้านของฮันเจ๋อเหยียน
เจ้าจิ้งจอกเน่าลอยอยู่ในอากาศ มันตามซูโย่วอี๋ไปรอบ ๆ [คุณไม่ได้พูดว่าต้องเตรียมบางอย่างเมื่อไปทานอาหารเย็นที่บ้านคนอื่นหรอกเหรอ?]
“ฉันรู้ ฉันคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว”
เจ้าจิ้งจอกเน่างุนงง [คุณไม่ได้ออกไปไหนและก็ไม่เห็นคุณซื้ออะไรด้วย]
ซูโย่วอี๋เดินตรงไปที่ตู้ไวน์ของลู่เฉิน ผนังทั้งห้องเต็มไปด้วยไวน์ทุกชนิด ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว
แบรนด์ส่วนใหญ่เป็นภาษาต่างประเทศ ซูโย่วอี๋อ่านไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เธอรู้ว่าต้องเป็นไวน์ชั้นดี
“ขอยืมหน่อยนะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบขวดที่ดูดีจากตู้ไวน์ หยิบมันลงในถุงของขวัญ และพยักหน้าขณะถือมัน “ดูดีมาก”
สุนัขจิ้งจอกเน่าใส่รูปถ่ายของไวน์ลงในระบบ ระบบแสดงราคาของไวน์ทันที
[แหล่งกำเนิด : ฝรั่งเศส]
[ปี : 1993]
[ราคา 47,800 หยวน]
เจ้าจิ้งจอกเน่าไม่มีอะไรทำจึงตรวจสอบไวน์ส่วนใหญ่บนกำแพงทั้งหมด และพบว่าพวกมันราคาไม่ถูกเลย
ขวดที่ซูโย่วอี๋เลือกนั้นนับว่าถูกแล้วด้วยซ้ำ
มันเลิกคิ้ว [ซู่จู่ นี่คือสมบัติของลู่เฉินนะ เขาจะโกรธหรือเปล่าถ้าคุณเอามันไป?]
ซูโย่วอี๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ฉันน่าจะสำคัญกว่าไวน์แดงหนึ่งขวดนะ”
เธอพูดอย่างนั้น แต่ก็ยังหยิบโทรศัพท์เพื่อขออนุญาตลู่เฉิน
ประธานลู่ที่รัก [คุณสามารถทำตามใจได้เลย]
หลังจากอ่านข้อความนี้แล้ว ซูโย่วอี๋จึงได้ออกไปพร้อมไวน์แดงอย่างโล่งอก
รถตู้จอดอยู่ในโรงรถแล้ว ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะเดินเข้าไป เหมยเหมยก็เปิดประตูแล้วร้องเรียก “คุณซู ทางนี้ค่ะ”
ซูโย่วอี๋เข้าไปในรถอย่างคุ้นชิน “เหมยเหมย นี่ไม่ใช่ธุระอย่างเป็นทางการอะไร ฉันไปที่นั่นคนเดียวได้ ไม่ต้องรบกวนเธอหรอก”
“ผิดแล้วค่ะ ไม่ว่าคุณจะออกไปทำเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องธุรกิจ ตราบใดที่คุณปรากฏตัวต่อหน้าคนภายนอก มันก็มีผลกับภาพลักษณ์ของคุณ”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังไม่เชี่ยวชาญในการติดต่อกับนักข่าวและสถานการณ์คับขัน ฉันสามารถช่วยคุณได้ นี่คือสิ่งที่ประธานลู่มักจะบอกฉันก่อนออกเดินทางน่ะ”
ซูโย่วอี๋ยิ้มอย่างจนใจ “เอาล่ะ ถ้าฉันมีประสบการณ์มากขึ้น ทุกคนสามารถผ่อนคลายได้สินะ”
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “จะต้องมีวันนั้นค่ะ”
คฤหาสน์ของตระกูลฮันตั้งอยู่ในภูเขาเป๋ยจวิน
ภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดที่สุดในเมืองหลวง มันตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางความเร่งรีบและวุ่นวาย แต่สภาพแวดล้อมบนภูเขานั้นเงียบสงบ
ที่ดินของปักกิ่งมีราคาแพงมาก ภูเขาเป๋ยจวินไม่ได้ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่ถูกสงวนไว้เป็นที่อยู่อาศัย
อาจกล่าวได้ว่าคฤหาสน์นี้มีราคาแพงมาก ซึ่งผู้ที่อาศัยมักร่ำรวยหรือมีอิทธิพล
รถตู้ขับไปตามถนนบนภูเขาอย่างช้า ๆ และไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านพักเดี่ยว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก้าวไปข้างหน้า “คุณมาหาใครครับ?”
ซูโย่วอี๋ลดกระจกลง “สวัสดีค่ะ เราได้รับเชิญจากคุณฮันเจ๋อเหยียนให้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลฮันค่ะ”
“งานเลี้ยง?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโบกมือ “คุณผู้หญิง คุณจำผิดหรือเปล่าครับ? วันนี้ครอบครัวของเราไม่มีงานเลี้ยง”
ไม่มีเหรอ?
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว เป็นไปไม่ได้ เธอแน่ใจว่าฮันเจ๋อเหยียนพูดว่าเป็นวันนี้นี่
เมื่อเห็นว่านี่เป็นรถตู้ราคาแพง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไม่สงสัยว่าซูโย่วอี๋โกหก เขาค่อนข้างกระตือรือร้น “ครอบครัวฮันมีงานเลี้ยงคืนนี้ แต่มันเป็นแค่งานเลี้ยงครอบครัว เท่าที่ผมรู้คือไม่มีแขกนะครับ”
“คุณผู้หญิง คุณต้องการให้ผมไปสอบถามให้หรือเปล่าครับ?”
บางทีบุคคลนี้อาจได้รับเชิญจากตระกูลฮันจริง ๆ
เหมยเหมยงง “ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงของครอบครัว ประธานฮันเชิญคุณมาทำไมกัน?”
ซูโย่วอี๋ส่ายหัวของเธอ “ถามให้ฉันด้วยนะคะ”