Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 267 ฉันรักคุณมาก
บทที่ 267 ฉันรักคุณมาก
บทที่ 267 ฉันรักคุณมาก
ตอนที่ลู่เฉินเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นร่างของซูโย่วอี๋นอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตผู้ชายขนาดใหญ่ที่ปกปิดร่างกายได้เกือบทั้งหมด สองขาขาวเรียวคุดคู้อยู่ใต้เสื้อ
เธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
ลู่เฉินพุ่งตัวเข้าไป พอเข้าไปใกล้จึงได้ยินชัดขึ้น ทุก ๆ คำคือชื่อของเขา
“ลู่เฉิน…”
น้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง
น้ำตาของเขาไหลออกมาในทันที ลู่เฉินค่อย ๆ ดึงเสื้อผ้าที่คลุมร่างของซูโย่วอี๋ออก
อย่างเบามือและเชื่องช้า
ทั้งลำคอ หน้าอก ทั้งหมดนี้เป็นรอยที่เกิดขึ้นจากการจูบ
จนมันเป็นรอยม่วงช้ำ…
มีแม้กระทั่งรอยฟันลึกที่เป็นวงกลมและมีเลือดซิบออกมา
ลู่เฉินกำมือแน่นจนสั่น
กล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ!
คนที่เขารักถูกคนอื่นทำร้ายถึงขนาดนี้!
ลู่เฉินดึงเสื้อคลุมออกไป เมื่อเขาเห็นว่าชุดชั้นในของซูโย่วอี๋ยังอยู่ ลู่เฉินก็ถอนหายใจออกมา
เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนและจูบลงที่ผมเปียก ๆ ของซูโย่วอี๋ด้วยหัวใจอันยุ่งเหยิง และพูดด้วยน้ำเสียงแตกสลาย “ไม่เป็นไรแล้ว”
ซูโย่วอี๋กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ทำให้เธอรู้สึกตัวขึ้นมา
ร่างอันเลือนรางตรงหน้าของเธอกลายเป็นหน้าของลู่เฉิน “คุณ… นี่ฉันฝันอยู่เหรอ”
“ดีจัง ที่ก่อนตายยังได้เห็นหน้าคุณ”
“ฉันเคยพูดไปแล้วว่าคิดถึงคุณ… แต่ไม่เคยพูดมาก่อนเลยว่ารักคุณ”
สายตาของซูโย่วอี๋เริ่มพร่ามัว มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “พอคิดแล้วเสียดายมากเลย ฉันรักคุณมาก แต่กลับไม่ได้พูดให้คุณฟังด้วยตัวเอง”
ลู่เฉินกลืนน้ำลายลงคอ เขาถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมตัวซูโย่วอี๋พร้อมทั้งอุ้มเธอขึ้นมาและพาเธอออกไป “ไม่เป็นไรนะ”
!
ต่อไปคุณจะต้องพูดให้ผมฟังทั้งวันทั้งคืน!
ผมยังมีสถานที่อีกมากมายที่ยังไม่ได้พาคุณไป
ผมยังไม่ทันได้ขอคุณแต่งงานเลย
พวกเรายังไม่ทันได้คลอดลูกที่หน้าตาเหมือนคุณเลย
มือที่แกว่งไปมาของซูโย่วอี๋ยกขึ้นเพราะอยากสัมผัสใบหน้าของลู่เฉิน แต่ก็ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ในเวลาต่อมามือก็ตกลงไป
อาการของเธอแย่ลงอีกครั้ง
เมื่อเจ้าหน้าที่เหลียงตามมาถึงพร้อมกับตำรวจ ภายในห้องเหลือเพียงผู้ดูแลสองคนกับซวี่เฟิงเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้ดูแลเห็นว่าตำรวจมาแล้วก็ถอนหายใจออกมา “คุณลู่อุ้มผู้หญิงไปแล้ว”
“แค่นั้นเหรอ?”
เจ้าหน้าที่เหลียงไม่อยากจะเชื่อ จากที่เข้ารู้จักลู่เฉินมา เรื่องพวกนี้แบบจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
จากการที่เขาเตือนสติไม่ให้ลู่เฉินใจร้อน
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะจากไปง่าย ๆ แบบนี้
เจ้าหน้าที่เหลียงมองไปยังซวี่เฟิงผู้ที่ตัวปวกเปียกจนดูเหมือนมนุษย์โคลน “รอยแผลบนร่างกายของเขาคืออะไรกัน พวกคุณทำร้ายเขาหรอ?”
ผู้ดูแลรีบโบกมือปัดความรับผิดชอบ “ไม่ใช่ ตอนที่พวกเรามาถึงเขาก็มีรอยฟกช้ำนอนคร่ำครวญอยู่ที่พื้นแล้ว ส่วนคุณผู้หญิงคนนั้นนอนหมดสติอยู่ที่พื้น ดูแล้วไม่น่าจะเป็นฝีมือเธอ”
“ในห้องไม่มีคนอื่นเลยเหรอ?”
ผู้ดูแลทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่มีแน่นอน”
เพราะเห็นว่าหญิงสาวเปลือยกาย ผู้ดูแลจึงไม่ได้อยู่ในนั้นด้วย และได้คุมตัวเขาเอาไว้ในห้องนั่งเล่น
ตำรวจปิดล้อมที่เกิดเหตุและเริ่มค้นหาหลักฐานภายในบ้าน
และพวกเขาก็พบกล้องอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหน้าที่เหลียง คุณลองดูนี่สิ”
เจ้าหน้าที่เหลียงรับมา เขาดูไปเพียงนิดเดียวก็ปิดมันลง
“เอากลับไปด้วย พวกคุณยังไม่ต้องดู”
ไม่รู้ว่าวิดีโอนี้ถ่ายติดอะไรมาบ้าง แต่ยิ่งคนดูน้อย มันก็ยิ่งเป็นผลดีกับซูโย่วอี๋
ผู้ดูแลยืนอยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พลุกพล่าน “คุณตำรวจ พวกเราไปได้หรือยัง?”
“ยังไม่ได้ รบกวนคุณสองคนตามพวกเราไปให้การที่สถานนีตำรวจด้วย หลังจากนั้นจะมีคนมาส่งพวกคุณกลับบ้าน”
ผู้ดูแลทำได้เพียงเดินตามตำรวจออกไป และถูกเจ้าหน้าที่เหลียงเรียกเอาไว้ “ห้ามเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปพูดกับคนอื่น จำเอาไว้ด้วย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
รอจนกระทั่งในที่เกิดเหตุเหลือเพียงเขาคนเดียว ก็มีตำรวจคนหนึ่งเข้ามา “เจ้าหน้าที่เหลียงครับ จากการตรวจสอบเบื้องต้น คนร้ายใช้ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศไปเยอะมาก ตอนนี้เขาจึงรู้สึกทรมาน ให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลก่อนตามขั้นตอนหรือเปล่าครับ?”
สายตาของเจ้าหน้าที่เหลียงเต็มไปด้วยความเฉยเมย
“ไม่ต้อง คน ๆ นี้ก็เป็นแค่ขยะ จะมีชีวิตอยู่ถึงวันไหนก็บอกไม่ได้ พวกเราไม่จำเป็นต้องไปสนใจ”
เรื่องที่ผู้ต้องสงสัยเป็นใคร เจ้าหน้าที่เหลียงก็ไม่ได้บอกใคร
แต่ทุกคนในที่นี้รู้กันดี
หลังค้นหาหลักฐานเสร็จ ซวี่เฟิงถูกควบคุมตัวไปที่สถานนีตำรวจ
“เอาไปขังไว้กับอวิ๋นเหมี่ยว”
ตำรวจลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้เขากำลังทรมานมาก…”
ผู้ชายวิกลจริตที่กำลังทรมาน ดูก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น
“พวกเขาเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ?”
เจ้าหน้าที่เหลียงนิ่งไป “บอกเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไว้ ให้หมาไปกัดกันเอง”
…
ฮัวจิงที่กำลังกินข้าวอยู่กับอวิ๋นจิ้งหว่านถูกเรียกตัวมา
ช่วงนี้อวิ๋นจิ้งหว่านพึ่งเข้ารับการบำบัดทางจิต เมื่อรวมกับการอยู่ด้วยกันกับฮัวจิง เรื่องการแท้งลูกที่ทำให้เธอเจ็บปวดนั้นก็พร่ามัวไปจนหมดแล้ว
ฮัวจิงหยิบเสื้อคลุมเตรียมจะออกจากประตูไป อวิ๋นจิ้งหว่านก็รีบตามมา “อาฮัว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฮัวจิงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อรอให้เธอเข้ามาใกล้ ๆ เขาลูบหัวของเธอเบา ๆ “คุณกลับไปกินข้าวก่อนนะ พอดีลู่เฉินโทรศัพท์มาหาผม ดูท่าน่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”
โรงพยาบาลเป๋าไป่ผูกขาดเทคโนโลยีชั้นนำทางการแพทย์ในประเทศจีน สุขภาพของผู้นำในสมาคมสิบอันดับแรกได้รับการดูแลอย่างดีจากรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป๋าไป่
นอกจากตระกูลลู่ ก็มีฮัวจิงที่รับผิดชอบหน้าที่นี้โดยตรง
สายตาของอวิ๋นจิ้งหว่านดูไม่เต็มใจ “คุณยังไม่ได้กินบะหมี่อายุยืนเลย วันนี้วันเกิดคุณนะ”
ฮัวจิงตกตะลึง ถึงว่าทำไมจิ้งหว่านถึงรอเขากลับบ้านมากินข้าวขนาดนี้
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ความในใจของคุณ ผมรับเอาไว้แล้ว”
และเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
อวิ๋นจิ้งหว่านก้มหน้าลงและกลับไปนั่งในห้องอาหารเงียบ ๆ พลางมองดูอาหารบนโต๊ะที่เธอไม่อยากกินอะไรแล้ว
“คุณนาย ให้อุ่นอาหารไหมคะ?”
“เก็บไปเลย”
สาวรับใช้โน้มน้าวขึ้น “คุณนาย ถึงคุณชายจะงานยุ่ง แต่ก็ยังคิดถึงคุณตลอด เมื่อครู่นี้คุณเอาแต่มองดูคุณชายกินข้าว ตัวเองยังไม่ได้กินเลย ถ้าคุณชายรู้เข้าจะต้องเสียใจแน่ ๆ ค่ะ”
อวิ๋นจิ้งหว่านเงยหน้าขึ้น “เธอคิดว่าเขาคิดถึงฉันเหรอ?”
สายใช้รู้สึกว่าคำถามนี้อธิบายไม่ได้ “แน่นอนสิคะ คุณชายดีกับคุณนายมากเลย”
วันที่ได้ยินว่าคุณนายแท้งลูก คนรับใช้ของตระกูลฮัวก็ถูกเปลี่ยนทั้งหมด ซึ่งสาวใช้คนนี้ก็เป็นคนที่รับเข้ามาใหม่
จึงไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ได้ยินแค่ว่าเพราะพวกคนรับใช้ไม่ให้เกียรติคุณนาย คุณชายก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนคนรับใช้ทั้งหมด
ผู้ชายแบบนี้ดีมากเลย
หาได้ยากมาก ๆ
ส่วนอวิ๋นจิ้งหว่านที่ไม่รู้ว่าถูกคำพูดนั้นทำให้หวั่นไหวหรืออะไร เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินข้าวอย่างช้า ๆ
สาวใช้ยิ้ม “ต้องแบบนี้สิคะ คุณนาย ฉันรู้ว่าพอคุณเสียลูกไปก็รู้สึกทรมานใจมาก แต่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว ใครก็เปลี่ยนกลับมาไม่ได้ สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้คือการรีบมีลูกอีกคนกับคุณชายนะคะ”
“ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้?”
สาวใช้ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเริ่มรู้สึกผิด “คุณนาย ร่างกายของคุณก็ดีขึ้นมามากแล้วนะคะ ก็ควรจะทำอะไร… แบบที่สามีภรรยาเขาทำกัน แต่นี่แยกห้องกันอยู่จะสามารถมีลูกได้ยังไงกัน?”
สาวใช้พูดจบก็ใบหน้าเห่อร้อน
“คำพูดพวกนี้ไม่ควรให้ฉันเป็นคนพูดอยู่คนเดียว แต่ฉันเห็นว่าคุณเป็นห่วงคุณชายมาก จึงไม่ควรมีเรื่องขัดแย้งกับคุณชายเพราะปมในอดีตนะคะ”
“วันเวลาควรจะต้องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จริงไหมคะ?”
อวิ๋นจิ้งหว่านอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสาวใช้ เธอคนนี้ไม่มีทางรู้เรื่องของฮัวจิงและซูหยิน แต่ก็เดาถูกว่าเธอแค้นฮัวจิงมาก
นั่นทำให้คำพูดของสาวใช้สัมผัสไปถึงหัวใจของอวิ๋นจิ้งหว่าน
สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงโอบกอดความหวังในความรักครั้งนี้เอาไว้ เธออยากใช้ชีวิตที่เหลือกับเขา
ผ่านไปสักพัก อวิ๋นจิ้งหว่านพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ “เธอนี่เข้าใจพูดจริง ๆ นะ”
โรงพยาบาลเป๋าไป่
ซูโย่วอี๋ถูกส่งตัวไปยังห้องฉุกเฉิน
ลู่เฉินกำลังเฝ้าอยู่ในห้องผ่าตัดโดยสวมชุดปลอดเชื้อเอาไว้
ตอนที่ฮัวจิงมาถึง รองผู้อำนวยการก็ตามมาติด ๆ “ผู้อำนวยการฮัว ประธานลู่อยากจะเข้าไปด้วย พวกเรารั้งไว้ไม่ได้เลยครับ”
“คนบาดเจ็บคือใคร?”
“น่าจะเป็นแฟนสาวของเขา คนที่เป็นนักแสดงน่ะครับ”
ฝีเท้าของฮัวจิงหยุดลงในทันที “ซูโย่วอี๋เหรอ?”
รองผู้อำนวยการไม่กล้ารับประกัน แต่ตอนที่ลู่เฉินส่งตัวคนเจ็บมา ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมองมาก
ราวกับว่าถ้าหากช่วยเธอเอาไว้ไม่ได้ ใครก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย
ไม่มีใครกล้าถามว่าผู้หญิงชื่ออะไร พอตรวจเสร็จก็รีบเข็นเธอเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที
“เป็นอะไรมา?”
รองผู้อำนวยการพยายามรักษาความลับเอาไว้ เขาลดเสียงต่ำลงและพูดที่ข้างหูของฮัวจิง “ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ไม่รู้ว่ากินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน แต่น่าจะไม่น้อยเลย เธอเลยหลับไปไม่ได้สติแบบนี้”
หลังจากเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว ฮัวจิงออกไปรอนอกห้องผ่าตัด
ไม่นานไฟของห้องผ่าตัดก็ดับลง
ซูโย่วอี๋ถูกเข็นออกมาโดยมีลู่เฉินกุ้มมือของเธอแน่น
เขาตามไปในทุกขั้นตอน
ฮัวจิงเดินตามมา “ประธานลู่”
ลู่เฉินไม่ได้หันกลับมามอง “ผมขอไปส่งเธอก่อน”
หัวหน้าศัลยแพทย์เดินออกมาพร้อมกับถอดหน้ากากอนามัยออก “ผู้อำนวยการฮัว ถ้าผู้หญิงคนนี้ถูกส่งตัวมาช้าไปอีกไม่กี่ชั่วโมง ไตของเธอคงแย่แน่ ๆ ต่อให้ช่วยเอาไว้ได้ การทำงานของอวัยวะยังคงบกพร่องอย่างรุนแรง และยังส่งผลต่อภาวะการมีลูกอีกด้วย”
ฮัวจิงขมวดคิ้ว “ไม่มีวิธีอะไรเลยเหรอ?”
ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงร่างกายของซูโย่วอี๋ เพียงแต่ว่าไม่ควรเอาคำพูดแบบนี้ไปพูดกับลู่เฉิน ทั้งหมดก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าโรงพยาบาลเป๋าไป่ไม่เป็นมืออาชีพต่างหาก
“ห้องปฏิบัติการวิจัยไม่ได้กำลังวิจัยยาตัวใหม่อยู่เหรอ?”
“การทานยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศมากเกินไปส่งผลเสียต่อร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยาตัวใหม่ในห้องปฏิบัติการวิจัยมุ่งเน้นการสร้างเซลล์ที่ตายไปแล้วให้เกิดใหม่ แต่ก็มีข้อจำกัด”
ไม่รู้ว่าแพทย์กำลังคิดอะไร “ผู้อำนวยการฮัว คุณยังจำเรื่องของคุณเฉินได้อยู่ไหม?”
ฮัวจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เฉินซีซี?”
“ใช่ ตอนนั้นคุณเฉินบาดเจ็บที่คอ ศัลยแพทย์อย่างผมเป็นผู้ดูแล ตามการวินิจฉัยหลังการผ่าตัด เสียงของคุณเฉินไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แค่จะพูดตามปกติธรรมดาก็ทำไม่ได้”
แต่วันที่เฉินซีซีออกจากโรงพยาบาล อยู่ดี ๆ คอก็ดีขึ้นมา
แพทย์ที่เข้าร่วมได้ทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับเคสของเฉินซีซีและส่งมา แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่รู้ถึงสาเหตุ
ผ่านไปนานวันเข้า เขาก็ยอมแพ้ไป
ฮัวจิงขมวดคิ้ว “วันนั้นใครเข้าไปเยี่ยมเฉินซีซี?”
“ลู่เฉิน”
น้ำเสียงของแพทย์หนักแน่นมาก “ผู้อำนวยการฮัว เฉินป๋อเฉียงรักลูกสาวของเขาเท่าชีวิต ถ้ามีวิธีที่สามารถรักษาคุณเฉินให้หายได้ ตระกูลเฉินไม่มีทางปกปิดความลับแน่นอน หากเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณเฉินไม่ใช่ปาฏิหารย์ ประธานลู่จะต้องปิดบังความลับเรื่องการรักษาเสียงของเฉินซีซีเอาไว้แน่นอน”
ทุกอย่างเงียบไปครู่หนึ่ง
ฮัวจิงเปิดปากพูดขึ้นมาเบา ๆ “คุณจะพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผู้อำนวยการฮัว พวกเราจำเป็นจะต้องพูดความจริงเรื่องอาการของคุณซู ในเวลาที่จำเป็นต้องพยายามพูดถึงแง่ที่เลวร้ายที่สุดครับ”
ถ้าเป็นแบบนี้ ลู่เฉินต้องไม่อยู่เฉยแน่
ฮัวจิงส่ายหัว “คุณพลาดคำถามที่สำคัญมาก ๆ ไป ด้วยตำแหน่งของลู่เฉิน ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดเลยด้วยซ้ำ”
เพื่อวิจัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ และยาตัวใหม่ โรงพยาบาลเป๋าไป่แอบทำสิ่งที่น่าสงสัยมากมาย
แต่ลู่กรุ๊ปก็เป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ตระกูลฮัวไม่มีวันทำให้สั่นคลอนได้
“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องที่คุณพูด แต่จะต้องมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องแน่”
เขากำลังจะพูดอะไรต่อแต่ก็มีพยาบาลเดินเข้ามา “ผู้อำนวยการฮัว ประธานลู่เชิญคุณให้ไปพบค่ะ”