Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 268 เปลี่ยนชื่อ
บทที่ 268 เปลี่ยนชื่อ
บทที่ 268 เปลี่ยนชื่อ
ตอนนี้ซูโย่วอี๋พักอยู่ในวอร์ดระดับสูงสุดของโรงพยาบาล มีห้องพักส่วนตัว อุปกรณ์ส่วนตัว คนดูแลส่วนตัว และมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด
ส่วนลู่เฉินไม่ได้นัดเจอฮัวจิงที่ห้องนั่งเล่น แต่กลับยืนอยู่หน้าประตูตรงทางเดินของห้องพักคนไข้
ในฤดูหนาวแบบนี้ เสื้อของเขาบางมากเกินไป และยังมีคราบเลือดเหมือนดอกบ๊วยเปื้อนอยู่ที่หน้าอก
แต่สีหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“ประธานลู่”
ลู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้อำนวยการฮัว นอกจากการวินิจฉัยของแพทย์แล้ว ผมอยากฟังความคิดเห็นของคุณ”
“ต้องขอโทษด้วยครับประธานลู่”
“ตอนนี้คุณซูทำได้แค่ค่อย ๆ พักฟื้นเท่านั้นครับ ส่วนการที่ร่างกายจะกลับมาทำงานเป็นปกตินั้น… ยากมาก”
น้ำเสียงของเขาดูหวาดเกรง
แต่ดวงตาของลู่เฉินเย็นชาจนน่าขนลุก “ที่ต่างประเทศล่ะ?”
“ประธานลู่ ระดับการรักษาของโรงพยาบาลเป๋าไป่ก็เทียบได้แม้ในระดับสากล ถึงพวกเราจะไม่กล้าบอกว่าเราเก่งที่สุด แต่ได้มีความร่วมมือด้านการวิจัยทางวิชาการไร้พรมแดนที่ทันสมัยระดับนานาชาติ จะสามารถรักษาได้หรือไม่ ก็ได้มีการประเมินผลอย่างละเอียดแล้วครับ”
“แต่แน่นอนว่าคุณสามารถส่งคุณซูไปรักษาที่ต่างประเทศได้”
พอได้ยินคำพูดสุดท้าย ใบหน้าของลู่เฉินนั้นก็เรียบนิ่ง
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินจะเดินจากไป ฮัวจิงพูดขึ้นมาอย่างลำบากใจ “ประธานลู่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าคุณน่าจะอยากรู้”
“ว่ามา”
“ภาวะเจริญพันธุ์ของคุณซูอาจจะได้รับผลกระทบ…”
ยังไม่ทันพูดจบ ลู่เฉินพูดขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า “อะไรคืออาจจะ?”
“ผู้อำนวยการฮัว โรงพยาบาลเป๋าไป่เป็นความภาคภูมิใจในการเป็นผู้นำด้านการรักษาพยาบาลภายในประเทศ คุณเป็นถึงผู้อำนวยการ ทั้งคำพูดและการกระทำก็ควรเข้มงวดให้มากกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ? ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ จะทำให้คลุมเครือไปเพื่ออะไร?”
ฮัวจิงไม่คิดว่าลู่เฉินจะโกรธมากขนาดนี้ “ประธานลู่ ขอโทษด้วยครับ ผมแค่แจ้งให้ครอบครัวทราบถึงความเสี่ยงทั้งหมดของผู้ป่วย ถ้าเผลอไปทำให้คุณรู้สึกไม่ดีขึ้นมาก็ยกโทษให้ผมด้วย”
ลู่เฉินระงับความโกรธที่ท่วมท้นอยู่ในใจของเขา เขาแทบจะปิดตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
คนต่ำช้าแบบนั้นกล้าทำร้ายให้โย่วอี๋ถึงขนาดนี้!
เขากลับไปยังห้องพักผู้ป่วย และเห็นว่าพยาบาลกำลังเช็ดตัวให้กับซูโย่วอี๋ ลู่เฉินจึงเดินเข้าไป “ผมทำเอง”
เขาหยิบผ้าขนหนูมาจากมือของพยาบาล
“พวกคุณออกไปให้หมด”
“ประธานลู่ ถ้าเช็ดตัวคุณซูเสร็จ ยังต้องให้ยาอีกค่ะ ให้ฉันทำเองดีกว่านะคะ”
“ออกไป!”
พยาบาลตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมตัวไม่ได้ แล้วรีบออกไปจากห้องพักผู้ป่วยทันที
ลู่เฉินนำผ้าขนหนูจุ่มลงไปในน้ำร้อน แช่ลงไปและบิดให้แห้ง พับเป็นสองทบเพื่อทำให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และค่อย ๆ แตะลงที่คิ้วของซูโย่วอี๋อย่างอ่อนโยน
แต่ร่องรอยเหล่านั้น… เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ออก
ลู่เฉินพยายามยับยั้งความปรารถนาที่อยากจะฆ่าคนในใจและหันไปเช็ดมือให้ซูโย่วอี๋
ในเล็บของเธอมีรอยสีแดงอยู่ด้านใน เห็นแค่แวบเดียวลู่เฉินก็รู้ทันทีว่านั่นคือเลือด
ในตอนนั้น โย่วอี๋จะเจ็บปวดมากขนาดไหน ไม่มีใครช่วยจนต้องใช้วิธีแบบนี้เพื่อทำให้ตัวเองมีสติ
“คุณทำได้ดีมาก กล้าหาญมากจริง ๆ”
ต่อไปนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง
ลู่เฉินเก็บทุกอย่างจนเรียบร้อย เขาจูบลงที่หน้าผากของซูโย่วอี๋และไปยังห้องนั่งเล่น
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอย่างไม่รู้ตัว
ผ่านไปสักพัก นิ้วของเขายังคงแตะอยู่บนหน้าจอ แต่อยู่ดี ๆ หน้าจอก็กลายเป็นสีดำ
หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปรากฏภาพอีกภาพที่เป็นสีแดง
ลู่เฉินกดโทรศัพท์ อีกฝ่ายรับสายในไม่กี่วินาที
“[มีธุระอะไรเหรอ แอล?]”
“อืม มีสินค้าใหม่มาสองอัน”
เสียงของปลายสายดูมีความสุขขึ้นมา “[แอล ไม่ใช่ว่าคุณไม่ข้องเกี่ยวกับธุรกิจใต้ดินเหรอ? สองคนนั้นวุ่นวายกับคุณหรือไง?]”
ลู่เฉินไม่ได้ตอบกลับ “รีบส่งคนมาเอาตัวไป”
“[แอล บอกมาสิว่าใครมันกล้าไปแหย่คุณเข้า? ผมสงสัยมากจริง ๆ จริงสิ ช่วงนี้รสนิยมของนายจ้างเปลี่ยนไปแล้ว สินค้าธรรมดา ๆ พวกเขาอาจจะไม่สนใจนะ]”
“นายไม่ต้องถามอะไรที่ไม่ควรถาม”
อีกฝ่ายรู้สึกหมดสนุก “[แอล คุณนี่น่าเบื่อจริง ๆ นะ ทุกครั้งที่คุยกับคุณก็มีแต่เรื่องธุรกิจ อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกหน่อยก็ไม่ได้]”
“[ช่างเถอะ ให้ไปรับของที่ไหน?]”
“ปักกิ่ง”
อีกฝ่ายดูประหลาดใจ “[เข้าไปในเมืองเลยเหรอ แล้วผมจะทำยังไงได้?]”
ลู่เฉินไม่สนใจ ”นายมีวิธีแน่”
!
“[แอล นี่ต้องคิดอีกราคาหนึ่งนะ เพราะคุณไม่บอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่างน้อยก็บอกชื่อกับผมมาก็ได้ ไม่งั้นถ้าไปเอามาผิดคนมันจะตลกเอานะ ชื่อเสียงของผมจะเอามาทิ้งไว้ที่นี่ไม่ได้]”
ลู่เฉินหรี่ตาลง “ทางที่ดี นายเปลี่ยนชื่อไปเลยดีกว่า”
“[ชื่อของผมเกี่ยวอะไรกับคุณ? แอล ช่วงนี้คุณเป็นประจำเดือนหรอ นับวันยิ่งบริการยากเข้าไปทุกที]”
ลู่เฉินไม่ได้สนใจเสียงที่อยู่ข้างหู “วางล่ะ”
“[เฮ้ ๆ ๆ อย่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คุณจะโทรศัพท์มาหาผม ถ้าสินค้ามาถึงจะให้จัดการยังไง คุณควรบอกมานะ]”
“ส่งไปประมูล พยายามให้เหล่าจินซื้อไปให้ได้”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“[โหดเหี้ยมขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นไปแล้วจะกลับมาไม่ได้เลยนะ]”
เส้นทางเดียวในชีวิต ที่เหลืออยู่คือความตาย
เหล่าจินเป็นผู้อุปถัมภ์แห่งตลาดมืดรายใหญ่ งานอดิเรกที่เขาชอบที่สุดคือการฆ่า
เขาชอบซื้อคนไป จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้หมด และเอาคนพวกนั้นไปขังไว้ภายในคฤหาสน์ เมื่อนึกสนุกก็จะส่งสินค้าไปที่สนาม และจัดโชว์การฆ่ากันในรูปแบบคนแสดง
ผู้ชนะจะถูกเลี้ยงเอาไว้ รอให้คนครบและลงสนามไปฆ่ากันต่อในสนามรอบต่อไป
จะมีโอกาสหลบหนีไปได้หรือไม่น่ะเหรอ?
คำตอบคือไม่มี!
เหล่าจินสนุกกับความกลัวของสินค้าก่อนตาย เหมือนพวกที่อะดรีนาลีนพุ่งพล่าน
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้น “นายว่างมากเหรอ?”
“[แน่นอนว่าไม่!]”
“บอกเหล่าจิน อย่ารีบให้ตายล่ะ เก็บเอาไว้ให้มันได้ทรมานก่อน”
คนจากองค์กรใต้ดินดำเนินการกันอย่างรวดเร็ว
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง รถคันใหญ่สีดำมาจอดอยู่ด้านนอกของสถานีตำรวจ คนสี่คนที่สวมเสื้อโค้ทสีดำและหน้ากากก้าวเข้าไปในประตูของสถานีตำรวจอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เห็นผู้คนเช่นนั้นจึงรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาและไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง
“พวกคุณคือใครครับ?”
“เจ้าหน้าที่เหลียงอยู่ไหม?”
ตำรวจชั้นผู้น้อยยืนตรง “เจ้าหน้าที่เหลียงพึ่งกลับไปพักผ่อนที่บ้านเมื่อสักครู่นี้เอง”
คนที่อยู่ด้านหน้าสุดหยิบกระดาษออกมา “คำสั่งล่าสุดจากเบื้องบนให้พวกเรารับเรื่องการสอบปากคำของซวี่เฟิงและอวิ๋นเหมี่ยวไปทำต่อ”
ตำรวจชั้นผู้น้อยรับใบสั่งโอนพร้อมตราประทับอันล่าสุดมา มีการลงนามในชื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดในส่วนท้าย
“เรื่องนี้ผมต้องขอปรึกษาจ้าหน้าที่เหลียงก่อน”
ผู้มาเยือนขมวดคิ้วไม่พอใจ “ผมไม่มีเวลามารอคุณหรอกนะ คุณกำลังรบกวนทำให้งานใหญ่ต้องล่าช้า ตำรวจชั้นผู้น้อยที่มียศแค่หนึ่งดาวอย่างคุณรับผลที่ตามมาไหวเหรอ?”
ตำรวจชั้นผู้น้อยตื่นตระหนก “ผม… โทรศัพท์ไปขอคำแนะนำได้ไหม?”
“เร็ว ๆ”
ตำรวจคนนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา “ฮัลโหล เจ้าหน้าที่เหลียง มีคนจากหน่วยพิเศษมาที่นี่สี่คนครับ พร้อมคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้นำตัวอวิ๋นเหมี่ยวและซวี่เฟิงไป จะให้ทำยังไงดีครับ?”
“เรื่องนี้ผมได้รับแจ้งมาล่วงหน้าแล้ว คุณแค่ทำตามก็พอ”
“รับทราบครับ”
หลังวางสายไป ตำรวจชั้นผู้น้อยรีบขอโทษทันที “ขอโทษที่ให้รอครับ พวกเราจะรีบนำตัวสองคนนั้นออกมาให้”
“ไม่ต้อง พวกเราจะเข้าไปเอาด้วยตัวเอง”
เอา?
ตำรวจชั้นผู้น้อยนิ่งค้างไป หรือคำพูดข้างต้นนี้จะเป็นสำนวน?
คุ้มกันนักโทษเรียกว่าเอา?
ประตูเปิดออก ภายในเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ ผู้ชายและผู้หญิงนอนเปลือยกายอยู่ด้านใน
ทั่วร่างกายของผู้หญิงเต็มไปด้วยบาดแผล เห็นได้ชัดว่าเธอถูกทรมาน พอได้ยินเสียงเปิดประตูเธอก็ลืมตาขึ้นมามอง แต่กลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย
ส่วนผู้ชายกลับผล็อยหลับไปเพราะยาแก้พิษ
ตำรวจชั้นผู้น้อยอายุไม่มาก ทั้งเกร็งและประหม่า
เบื้องบนคงไม่ตำหนิว่าเขาละเลยหน้าที่ใช่ไหมที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับนักโทษ?