Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 274 เธอเปลี่ยนไปมาก
บทที่ 274 เธอเปลี่ยนไปมาก
บทที่ 274 เธอเปลี่ยนไปมาก
“อย่าไปสนใจเรื่องนั้นเลย เรามาคุยกันเรื่องของเธอกับคุณกู่ดีกว่า”
ซูหยินไม่รู้จะจัดการเพื่อนสาวคนนี้ยังไงจริง ๆ
“ก็อย่างที่เธอเห็น เรากำลังจะแต่งงานกัน”
“อีกไม่นานฉันจะไม่ว่างแล้ว”
เพราะต้องเตรียมงานแต่ง
ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจ “เร็วจัง?”
“เธอเจอพ่อแม่เขาหรือยัง?”
“อืม พวกเขาชอบฉันมาก”
ซูหยินยิ้มจาง ๆ ทำให้ใบหน้าที่สวยงามของเธอสงบลงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีสินะ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันปฏิเสธงานไปเยอะเลย ไม่ใช่เพราะฉันไปให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของฉันนะ แต่…” ซูหยินเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองเธอ “ฉันแค่รู้สึกว่าฉันเบื่อวงการบันเทิงแล้ว”
“ฉันอยากเป็นคนที่อยู่นอกสายตา ฉันอยากทำงานออกแบบแฟชั่น”
ออกแบบแฟชั่น?
ไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงมาก่อน
ซูโย่วอี๋หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “หยินหยิน เธอเปลี่ยนไปมากตั้งแต่อยู่กับคุณกู่”
ซูหยินยักไหล่ “อาจเป็นเพราะเขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยล่ะมั้ง ฉันถึงได้ทำอะไรที่ฉันต้องการ”
“ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ได้แต่คลำทางไปในความมืด”
“ฉันกำลังเรียนรู้มันอยู่ และกำลังเตรียมสอบวิชาเอกการออกแบบแฟชั่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่งน่ะ”
ซูโย่วอี๋จับมือของเธอ “ฉันจะสนับสนุนเธอเสมอ”
“แน่นอน ที่รัก ฉันจะเป็นดีไซเนอร์อิสระในอนาคต และฉันจะให้เธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นะ”
“ฉันบอกล่วงหน้าก่อนเลยนะว่าต้องฟรี เพราะฉันจะไม่ให้เงินเธอ”
ซูโย่วอี๋หัวเราะ “ตกลงกันแล้วนะ ถ้าเธอไปหาคนอื่นฉันจะโกรธแน่”
ซูหยินมองดูเวลา “ฉันจะไม่คุยกับเธอต่อแล้ว วันนี้ฉันมีนัดทานอาหารกลางวันกับแม่ของกู่อวี๋เฉิงน่ะ”
“ไปเถอะ”
ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกอย่างจะดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ในชั่วพริบตา เมื่อถึงเวลาต้องออกจากโรงพยาบาล ฮัวจิงได้มาหาซูโย่วอี๋เพื่อตรวจร่างกายครั้งสุดท้าย แต่ด้วยความเห็นแก่ตัว เขายังแอบขยายเวลานัดหมายการตรวจสุขภาพโดยไม่บอกใคร
สภาพร่างกายยังคงย่ำแย่ไม่ดีขึ้น
แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ
ซูโย่วอี๋ไม่มีความลับจริง ๆ เหรอ?
ฮัวจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณซูสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
หลังจากพูดจบ ก็มีคนสี่คนเข้ามาในวอร์ด คนในตระกูลฮัน
ทั้งครอบครัวมาพร้อมหน้า
ดวงตาของคุณนายฮันดูดีใจ เธอคอยถามฮัวจิงเกี่ยวกับสุขภาพของซูโย่วอี๋
ฮันเจ๋อหยางก็ช่วยเก็บของ แม้ว่าจะไม่มีอะไรต้องเก็บก็ตาม
ในฐานะผู้อาวุโส ฮันเจียงไม่ได้พูดมาก แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ซูโย่วอี๋ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
แม้แต่ฮันเจ๋อเหยียน ประธานฮันกรุ๊ปที่ไม่แยแสใครต่อใครก็ยังอ่อนโยนมากเมื่อเขาปฏิบัติต่อซูโย่วอี๋
มันดูผิดปกติมาก
ฮัวจิงจึงถามขึ้น “คุณนายฮัน ทำไมคุณหนูฮันไม่มาด้วยล่ะครับ?”
คุณนายฮันเหลือบมองซูโย่วอี๋อย่างไม่สบายใจ “เธอ… ไม่ได้มาเพราะเธอมีบางอย่างที่ต้องทำน่ะค่ะ”
ทั้งสี่คนช่วยจัดการของที่มีไม่มากนักให้ ตรงกันข้ามลู่เฉินที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
ระหว่างทาง คุณนายฮันจับจองที่นั่งข้างซูโย่วอี๋ ซึ่งเมื่อเธอไปถึงประตูโรงพยาบาล เธอก็โทรหาคนขับทันทีและให้เขาเอารถมารับ
รถมาหยุดตรงหน้า ส่วนฮันเจ๋อหยางเป็นคนเปิดประตูให้ “เชิญครับ น้องสาว”
ซูโย่วอี๋มองไปที่ตระกูลฮันและค่อย ๆ ถอยหลังไปสองก้าว
“คุณลุง คุณป้า ขอบคุณที่มารับฉันในวันนี้นะคะ แต่ฉันจะนั่งรถของลู่เฉินกลับบ้าน ไม่รบกวนพวกคุณดีกว่าค่ะ”
ใบหน้าที่ร่าเริงแต่เดิมของคุณนายฮันพลันแข็งค้าง และฮันเจ๋อหยางก็ขยิบตาให้ซูโย่วอี๋
ส่งสัญญาณให้เธอรักษาหน้ากันหน่อยสิ
ส่วนซูโย่วอี๋และลู่เฉินมองหน้ากัน ก่อนเปลี่ยนมือที่จับกันหลวม ๆ เป็นประสานนิ้วแน่น
“ไม่ได้รบกวนหรอก”
ฮันเจ๋อเหยียนลุกขึ้นยืนและตบไหล่แม่ “แม่ครับ โย่วอี๋มีบางอย่างต้องทำ วันหลังเราค่อยไปเยี่ยมเธอกันก็ได้”
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไรสักคำ
และไม่ได้เอ่ยบอกลาครอบครัวฮันจนกระทั่งแยกทางกัน
รถแล่นไปบนถนนอย่างช้า ๆ
ซูโย่วอี๋คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยอาการเหม่อลอย จนลู่เฉินเหลือบมองเธอหลายครั้งแต่เธอไม่ได้สังเกต
“ทำไมคุณถึงเหม่อนักล่ะ”
“เปล่านี่ ฉันพักไป 2-3 วันเลยรู้สึกไม่ดีน่ะ อยากรีบกลับไปทุ่มเทให้กับงานแล้ว”
ลู่เฉินจับพวงมาลัย “ไม่ยาก ผมจะให้สุ่ยเวยจัดตารางงานเพิ่มให้คุณเอง”
“ไม่ปล่อยให้คุณมีเวลาคิดเรื่องฟุ้งซ่านแน่นอน”
ซูโย่วอี๋ยกยิ้ม “คุณนี่เป็นแฟนที่ดีจริง ๆ”
“แน่นอน”
“ผมจะ… ทำตามทุกอย่างที่คุณขอเสมอ”
ลู่เฉินทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ซูโย่วอี๋ได้รับโทรศัพท์จากสุ่ยเวยในบ่ายวันนั้น อีกฝ่ายขอให้เธอไปที่บริษัทแบบด่วนจี๋
พอถาม เธอก็รู้ว่ารายการวาไรตี้เกิร์ลกรุ๊ป ‘วัยรุ่นสู้ฝัน’ ที่เซ็นสัญญากันเมื่อนานมาแล้วกำลังจะเริ่มถ่ายทำในคืนนี้
ซูโย่วอี๋สงสัย “พี่เวยคะ ทำไมถึงรีบร้อนจัง?”
สุ่ยเวยพูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่ได้รีบร้อน ฉันควรจะหารือเรื่องนี้กับเธอเมื่อ 2-3 วันก่อน แต่เธอประสบอุบัติเหตุ ที่จริงฉันได้ร่างเอกสารยกเลิกสัญญาไปแล้ว และพร้อมที่จะยกเลิกตอนไหนก็ได้”
มีกระทั่งหนังสือบอกเลิกสัญญา
แต่ถ้าทำแบบนี้ เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์จะต้องชดเชยการขาดทุนของรายการตามสัญญา
แต่ใครจะคิดว่าซูโย่วอี๋จะกลับมาทัน อีกทั้งประธานลู่ได้ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวเพื่อให้แน่ใจว่าตารางงานของซูโย่วอี๋จะเต็มเอี้ยด
สุ่ยเวยติดต่อทีมงานรายการอย่างเร่งด่วนเพื่อยกเลิกที่บอกเลิกสัญญาไปก่อนหน้านี้
ทำให้ทีมงานรายการรู้สึกยินดีมาก เพราะด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม ก็สามารถเชิญซูโย่วอี๋ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมาเป็นที่ปรึกษาได้
รายการของพวกเขาทำเงินได้เป็นจำนวนมากแน่ ใช่ไหม?
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจ “ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรตอนไปถึงเลยน่ะค่ะ”
เหมยเหมยกอดเอกสาร “ฉันจะอธิบายขั้นตอนกับพี่ในภายหลัง พี่เป็นคนที่ดังมาจากรายการเซอร์ไวเวิลเหมือนกัน ดังนั้นพี่คงคุ้นเคยกับระบบการแข่งขันของรายการแล้ว ในตอนแรกทีม รายการจัดให้พี่เป็นพิธีกรประจำรายการด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เป็นเวลาเร่งด่วน พี่เวยจึงเปลี่ยนคนหลังจากพูดคุยกันน่ะ”
สุ่ยเวยมองนาฬิกา “เหมยเหมย หมดเวลาแล้ว เธอพาเสี่ยวอี๋ไปที่กองถ่ายเดี๋ยวนี้เลย และพยายามเล่ารายละเอียดการถ่ายทำในรถด้วย”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นและออกจากเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไป โดยไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกลาลู่เฉิน
เมื่อเธอเข้าไปในรถ เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะมันมีคนอยู่ในรถมากเกินไป
ทุกคนมองเธอด้วยสายตาชื่นชม “สวัสดีค่ะ คุณซู”
เหมยเหมยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “นี่คือผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ ช่างแต่งหน้า และบอดี้การ์ดตลอด 24 ชั่วโมง”
บอดี้การ์ด?
ดวงตาผลอัลมอนด์ของซูโย่วอี๋เปิดขึ้นเล็กน้อย ทั้งสามคนนี้ดูตัวเล็ก ๆ แบบนี้จะเป็นบอดีการ์ดได้ไง
“คนไหนคือบอดี้การ์ดนะ?”
หญิงสาวที่มัดผมเป็นหางม้าต่ำเรียบร้อยตอบว่า “ฉันเองค่ะ”
เธอนั่งตัวตรงเหมือนทหาร
เพราะรายการวัยรุ่นสู้ฝันถ่ายทำบนภูเขาในเขตชานเมือง
ที่มีต้นไม้ผลัดใบและเปลือยเปล่า ดูไม่น่ามองนิดหน่อย
แต่สถานที่ถ่ายทำค่อนข้างสวยงาม ทันทีที่รถของซูโย่วอี๋ขับเข้าไปถึง ผู้กำกับก็ออกมาต้อนรับเธอ
เหมยเหมยลงจากรถมาเปิดประตูให้ซูโย่วอี๋
ขณะที่ซูโย่วอี๋ลงมา ทีมงานโดยรอบยืดคอมองดู
“อ๊าย ๆ สวยจัง”
“สมบูรณ์แบบมาก ดูเหมือนเธอจะไม่ได้แต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ”
“ผิวก็ดีมากด้วย”
“ฉันชอบเธอมาก เกิดอะไรขึ้น นี่ฉันเบี่ยงเบนเหรอ?”
“โย่วโย่วสวยจริง ๆ เป็นความงามที่ดูสบายตามาก!”
ผู้กำกับเองก็ส่ายหัว “คุณซู รายการนี้คงต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ”
“ผมจะพาคุณไปพบอาจารย์คนอื่น ๆ เอง”
ขณะเดินเขาก็พูดขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว ที่นี่น่าจะมีคนรู้จักคุณอยู่ด้วย”
ซูโย่วอี๋เอียงศีรษะของเธอ “ใครกันคะ?”
“ศิลปินของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ที่เข้าร่วมในรายการ 22 วันปั้นดาวน่ะ”
ในเวลานั้น มีเพียงสามคนที่ได้เข้าสู่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ผ่านรายการวาไรตี้นี้
หรือจะเป็นอวี๋ชิงจ้าว?
ผู้อำนวยการพาซูโย่วอี๋ไปที่ประตูห้องแต่งตัว “คุณซู นี่คือห้องแต่งตัวส่วนตัวของคุณ ห้องข้าง ๆ เป็นของอาจารย์คนอื่น ๆ คุณอยากจะเข้าไปทำความคุ้นเคยไหมครับ?”
ซูโย่วอี๋มองไปที่เหมยเหมย “ยังมีเวลาอยู่ไหม?”
“พอมีค่ะ”
ซูโย่วอี๋เคาะประตูเพื่อทักทายทีละคน
ที่นี่มีอาจารย์หลายด้านเหมือนกับรายการที่เธอเคยเข้าร่วม ดนตรี แรป ร้อง เต้น…
และอาจารย์สอนเต้นก็คืออวี๋ชิงจ้าว!
เธออยู่ในชุดเอี๊ยมขายาวสีดำที่คุ้นเคย ดูเซ็กซี่
ดูเหมือนตัวละครอนิเมะสองมิติ
ให้ความรู้สึกคล้ายกับของไป๋เสิ่นเฉียวมาก
อวี๋ชิงจ้าวไม่แปลกใจเลยที่เห็นเธอ แต่แววตาของเธอยังคงดูมีความสุขที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
ส่วนซูโย่วอี๋ดีใจมาก “บังเอิญจัง”
หลังจากสนทนากันสั้น ๆ เธอก็รีบไปแต่งหน้าแต่งตัวสำหรับการถ่ายทำตอนเย็น
การแสดงบนเวทีครั้งแรกของวัยรุ่นสู้ฝันนั้นแตกต่างจากรายการ 22 วันปั้นดาว ไม่มีการแสดงเป็นทีม และพวกเธอทั้งหมดต้องเข้าไปในห้องทีละคน
ผู้ที่ไม่ถูกเรียกจะคอยอยู่ด้านหลัง
อาจารย์ทั้งสี่จะนั่งอยู่ด้านหน้า
ในบรรดาอาจารย์พิเศษเหล่านี้ มีเพียงซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวที่เป็นผู้หญิง ขณะที่อาจารย์ด้านการร้องและแรปอายุน้อยกว่าและเป็นผู้ชาย
โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาอายุไม่มากและมีความสามารถใกล้เคียงกัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนที่ดังที่สุดคือซูโย่วอี๋
เธอจึงสมควรได้นั่งตรงกลาง
เด็กผู้หญิงที่แสดงเป็นคนแรกสวมชุดนักเรียน หน้าเด็ก แม้ว่าเธอจะยิ้มเมื่อแนะนำตัวเอง แต่ก็ปกปิดอาการตื่นเต้นไม่มิด
ซูโย่วอี๋เข้าใจดีถึงความวิตกกังวลนี้ “อย่ากังวลไปเลย คุณยังเรียนอยู่หรือเปล่าคะ?”
“ฉันอยู่ปีสอง วิชาเอกพยาบาลค่ะ”
อาจารย์ที่เหลือเริ่มพูดหยอกเกี่ยวกับคนข้ามสายอาชีพและเล่นมุกอยู่พักหนึ่ง
สุดท้ายถามถึงเพลงที่จะร้อง
“ฉันจะร้องเพลงหลิวชางค่ะ”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “เริ่มกันเลยค่ะ”
‘หลิวชาง’ เป็นเพลงโบราณที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะ แต่ร้องไม่ง่าย โดยเฉพาะท่อนฮุคที่มีเสียงสูง
แต่เด็กสาวคนนี้ร้องได้ถูกต้อง
ซูโย่วอี๋แสดงความคิดเห็น 2-3 คำและให้คะแนน B
ตัดสินจากการแสดงทั้งคืน มีทั้งคนที่เก่ง คนที่ขยัน คนที่มั่นใจสุ่มสี่สุ่มห้า คนที่โลดโผน และคนที่ไม่มีความสามารถแต่มีบุคลิกน่าคบหา…
มันค่อนข้างเหนื่อย
แต่การถ่ายทำยังไม่จบจนกระทั่งสิบโมง
บนภูเขามีบ้านพักที่จัดไว้สำหรับอาจารย์โดยเฉพาะ ซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวอยู่ในบ้านพักเดียวกัน
โดยมีทีมงานต้องการนำทางพวกเธอขึ้นไป แต่อวี๋ชิงจ้าวปฏิเสธ “ตอนบ่ายนี้ฉันไปดูมาแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่นั่นเองค่ะ”
อวี๋ชิงจ้าวมีผู้ช่วยหนึ่งคนคอยติดตาม
แต่ซูโย่วอี๋มีถึงสามคน!
แต่อวี๋ชิงจ้าวก็ไม่สนใจ “ฉันคิดว่าเราจะได้พบกันบ่อย ๆ เมื่อเราเข้าบริษัทเดียวกันซะอีก แต่ฉันไม่คิดว่าเราจะไม่ได้เจอหน้ากันสักครั้ง”
ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกแปลก ๆ “ช่วงนี้เธอทำอะไรอยู่เหรอ?”
เธอไม่ค่อยเห็นอวี๋ชิงจ้าวในทีวีหรือรายการต่าง ๆ
“ฉันสมัครเข้าบริษัทและไปฝึกเต้นที่ประเทศ H น่ะ เพิ่งกลับมาที่จีนได้ไม่นาน อันที่จริงฉันควรจะขอบคุณเธอด้วยซ้ำ”
ขอบคุณฉัน?
ซูโย่วอี๋งง “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ?”
อวี๋ชิงจ้าวส่ายหัวเบา ๆ “ไว้ค่อยพูดตอนไปถึงแล้วกัน”
เธอมีบางสิ่งที่ไม่สะดวกที่จะพูดให้เหมยเหมยและคนอื่น ๆ ได้ยิน
เมื่อพวกเธอมาถึงบ้านพัก เหมยเหมยก็ช่วยซูโย่วอี๋จัดห้องก่อนที่จะออกกับบอดี้การ์ดสาว
ซึ่งบอดี้การ์ดคนนั้นต้องอาศัยอยู่กับซูโย่วอี๋และตามติดเธอตลอด