Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 283 เสมอกัน
บทที่ 283 เสมอกัน
บทที่ 283 เสมอกัน
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป ทำให้ซูโย่วอี๋รู้สึกร้อนรนขึ้นมา
เธอกำลังเตรียมจะเคาะประตู แต่ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน ก่อนเหมยเหมยและช่างแต่งหน้าจะเดินออกมา
“เป็นยังไงบ้าง?” ซูโย่วอี๋ถามขึ้น
ใบหน้าของเหมยเหมยมีรอยยิ้ม “พี่ลองดูเองสิ”
ไป๋เหิงยืนอยู่กลางห้องพักอย่างเขินอายเพราะไม่คุ้นชินกับการแต่งหน้า จึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่นัก
แต่ถึงอย่างนั้น สายตาของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความพอใจ “ไปเถอะ”
สถานที่ถูกจัดเป็นตัวทีขนาดใหญ่เอาไว้เรียบร้อย เด็กฝึกทุกคนจะขึ้นเวทีจากทางด้านซ้าย และลงจากเวทีในทางด้านขวา
ในตอนนี้ทีมงานกำลังแจกป้ายเลขให้กับทุกคน
“ไป๋เหิง ไป๋เหิงอยู่หรือเปล่า?”
เรียกไปตั้งหลายรอบแต่ไม่มีใครตอบกลับมาเลย
“ไม่ต้องเรียกแล้ว ไป๋เหิงไม่มีชุดจะใส่ จะมีหน้ามาเข้าร่วมเเฟชั่นโชว์ได้ไง?”
เสียงเสแสร้งทำเป็นประหลาดใจดังขึ้น “เป็นไปไม่ได้ ปีนี้แล้วยังมีคนที่ไม่มีชุดจะใส่อีกเหรอ?”
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีชุดจะใส่ แต่แค่ไม่มีชุดดี ๆ ให้ใส่ก็เท่านั้น ชุดของเธอ แม้แต่คุณยายของฉันยังไม่ยอมใส่เลย”
“แค่ใส่เสื้อผ้าโทรม ๆ ก็มากพอแล้ว แต่ยังมีกลิ่นเหม็นอีก ไม่รู้ว่าไม่ได้ซักมานานแค่ไหนแล้ว”
กัวหลินหลินผลักผู้หญิงข้าง ๆ เบา ๆ “นี่ อย่าพูดถึงเธอแบบนั้นสิ”
น้ำเสียงเหยียดหยามของผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น “คุณคิดว่าเธอจะเลือกศิลปินคนไหน เธออาจไปล้างจานที่ร้านอาหารแล้วมั้ง มันค่อนข้างสะอาดเลยนะ”
ทีมงานไม่ได้สนใจที่เหล่าเด็กฝึกรวมตัวกันพูดถึงไป๋เหิง และข้ามไปเรียกคนที่อยู่ถัดจากไป๋เหิง
ซูโย่วอี๋รีบเข้าไปนั่งตรงที่นั่งของอาจารย์ ผู้กำกับก็เริ่มถ่ายทำในทันที
แต่เพราะพิธีกรยังไม่เริ่มเปิดรายการ อวี๋ชิงจ้าวจึงใช้โอกาสนี้ถามขึ้นเบา ๆ “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ซูโย่วอี๋ส่ายหน้า “รออีกแป๊บเดียว เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
อวี๋ชิงจ้าวถูกกระตุ้นด้วยความสงสัย
จากนั้นเสียงเพลงอันมีชีวิตชีวาดังขึ้น เหล่าเด็กฝึกก็เต้นไปตามสไตล์ของตัวเอง
การเดินแฟชั่นโชว์แบบจริงจังเริ่มต้นขึ้น…
มีรูปแบบแปลก ๆ…
และมีแบบที่เดินไปด้วยกระโดดไปด้วย…
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เหล่าเด็กสาวหน้าตาดีต่างก็แสดงออกมาได้อย่างโดดเด่น
แต่คนที่ทำให้ผู้คนดูสะดุดตา กลับเหมือนว่าจะไม่มีอยู่เลย
แม้แต่กัวหลินหลินก็แค่ดูดีขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น
เธออยู่ในชุดเสื้อหนังสีดำ ยิ่งทำให้ดูเย็นชาและหม่นหมอง มันดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์อ่อนหวานของกัวหลินหลิน
สาว ๆ ที่ลงจากเวทีไปแล้วต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดเชียร์
“หลินหลินสวยที่สุด”
กัวหลินหลินยิ้มอย่างเขิน ๆ
และด้านหลังก็ตามมาด้วยหญิงสาวรูปร่างดีสองคน คนหนึ่งสวมชุดสไตล์ฮ่องกง อีกคนสวมชุดสไตล์โบราณ
ไม่มีใครรออยู่หลังเวทีแล้ว
ตอนที่พิธีกรถือบัตรลำดับและแผนการต่าง ๆ เพื่อเตรียมขึ้นไปบนเวทีนั้น ซูโย่วอี๋โบกมือให้กับผู้กำกับ
ผู้กำกับรีบแจ้งพิธีกรให้รอก่อน หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหา
“คุณซู มีอะไรหรือเปล่า?“
“ยังมีอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ขึ้นเวทีค่ะ”
ผู้กำกับนิ่งค้างไป “ใครกัน?”
“ไป๋เหิง”
ทีมรายการเหมือนตื่นจากฝัน และมีปฏิกิริยาตอบกลับในทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดไปหนึ่งคน
ผู้กำกับหยิบวิทยุขึ้นมา “ทีมงานหลังเวทีรีบไปตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไป๋เหิงอยู่ไหน ไปบอกให้เธอมาขึ้นเวที”
ทีมงานที่รับหน้าที่ดูแลรู้ว่าไป๋เหิงไม่ได้ขึ้นเวทีไป แต่เธอกลับคิดว่าคงไม่มีใครจำได้ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้กำกับจะรู้เข้าแล้ว
เธอจึงทำได้เพียงให้คนอื่น ๆ ช่วยกันตามหา
ในที่สุดก็พบกับไป๋เหิงอยู่ที่มุมของห้องเตรียมตัว
หญิงสาวอยู่ในเสื้อผ้าดูมีราคา การแต่งหน้าสดใสสวยงาม
ราวกับเป็นคนอีกคน
ทีมงานนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตอบกลับอย่างใจร้อน “มาถึงแล้วทำไมไม่ไปเอาลำดับเลข? รู้ไหมเรายุ่งขนาดไหน แล้วเธอยังมาทำให้คนอื่นวุ่นวายอีก”
พูดจบก็นำหมายเลข 43 ติดไปที่กระเป๋าเสื้อของไป๋เหิง และดันให้เธอเดินออกไป
“รีบขึ้นไป”
การเดินแฟชั่นโชว์จบลงแล้ว แต่พิธีกรยังไม่ขึ้นไปบนเวที ทำให้เด็กฝึกคนอื่น ๆ รู้ว่ามีอะไรผิดปกติไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เพลงเพิ่งหยุดไป ทำไมถึงดังขึ้นมาอีกแล้ว”
“ดูสิ”
ผู้คนต่างพากันมองไปบนเวที
เห็นเพียงผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินออกมาอย่างช้า ๆ
เธออยู่ในเสื้อคอเต่าสีเทา กระโปรงสั้นสีดำ สวมเสื้อโค้ทตัวยาวสีม่วงปักลายดอกโบตั๋น
การตัดเย็บอย่างประณีตโอบรัดรอบเอวของหญิงสาวอย่างพอดี
ถุงเท้าลูกไม้และรองเท้าหุ้มส้นทำให้ลุคการแต่งตัวของเธอดูขี้เล่นและน่ารักมากขึ้น
มือทั้งสองข้างแกว่งไปอย่างอิสระ ใบหน้าไร้อารมณ์ ทำให้การเดินแฟชั่นโชว์ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
ตอนนี้สีหน้าของกัวหลินหลินไม่ค่อยสู้ดี แน่นอนว่าเธอจำผู้หญิงที่เปล่งประกายบนเวทีนี้ได้ดีว่าเป็นคนที่พวกเธอพยายามกำจัดออกไปอย่างไป๋เหิง!
“หลินหลิน เสื้อคลุมตัวนอกของไป๋เหิงสวยจัง”
“หึ พูดอะไรไร้สาระ? นี่คือรุ่นลิมิเต็ดที่วางจำหน่ายเมื่อไม่นานมานี้ของแบรนด์ d เลยนะ”
เธอเองยังซื้อไม่ได้เลย…
หญิงสาวประหลาดใจ “คนบ้าน ๆ แบบนั้นจะเอาของพวกนี้มาจากไหน? คงไม่ได้ขโมยมานะ?”
กัวหลินหลินเย้ยหยันเบา ๆ ขโมย?
คนขี้ขลาดอย่างไป๋เหิงจะกล้าเหรอ?
กัวหลินหลินมองไปยังซูโย่วอี๋ด้วยความไม่เข้าใจ?
เมื่อครู่นี้ซูโย่วอี๋ยืนอยู่หน้าห้อง 3304 เพื่อช่วยยัยนี่แต่งตัวงั้นเหรอ
แล้วยังจะมาบอกอีกว่าทีมงานของรายการเป็นคนจัดการให้
ความอิจฉาก่อตัวขึ้นในใจของกัวหลินหลิน เธอคอยประจบอาจารย์โย่วโย่วมาตลอด แต่กลับสู้คนที่พูดจาไม่รู้ประสาไม่ได้งั้นเหรอ?
ตรงที่นั่งของอาจารย์
อาจารย์ผู้ชายสองคนถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
อวี๋ชิงจ้าวขมวดคิ้ว “ฝีมือเธอเหรอ?”
ในน้ำเสียงของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “เป็นไงบ้าง? พอได้ใช่มั้ย”
“อืม ถึงเธอจะช่วยหล่อนแต่งตัว แต่เด็กนั่นก็สามารถรับมือได้ แถมยังทำให้พวกเราตกตะลึงอีก”
ผู้กำกับมองเพียงครู่เดียวก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าต้องกำหนดบทบาทให้กับไป๋เหิง
พัฒนาการตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ คนบ้าน ๆ ที่มีโอกาสโดดเด่นเป็นสตอรี่ที่ผู้คนชื่นชอบ
ในที่สุดแฟชั่นโชว์ก็จบลงอย่างสมบูรณ์ พิธีกรขึ้นเวทีและกล่าวชื่นชมความสามารถและการแสดงออกของเหล่าเด็กฝึก
“ต่อไปเชิญอาจารย์ทุกท่านเลือกคนที่แต่งตัวตามแฟชั่นในใจของพวกคุณออกมาสองคน หลังจากนั้นส่งให้กับทางทีมงานได้เลยค่ะ สามคนที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจะได้เป็นผู้ชนะในการเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้”
ซูโย่วอี๋ดึงฝาปากกาออกและเขียนขื่อของไป๋เหิงลงไปอย่างไม่ลังเล
และคนลำดับที่สองนั้น เธอสับสนเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็เลือกผู้หญิงที่แต่งตัวสไตล์ฮ่องกง เพราะเธอดูสง่างามมาก
ผลออกมาอย่างรวดเร็ว
ทีมงานนำผลสรุปมอบให้กับพิธีกร พิธีกรรับมาและอ่านดู “อ่า”
เหล่าสาว ๆ พากันมองหน้ากันไปมา เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดีที่พิธีกรจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว “ผลสรุปในครั้งนี้ค่อนข้างน่าประหลาดใจที่เดียวค่ะ”
“คนที่ได้อันดับที่หนึ่ง… จะเป็นใครกันนะ?”
ชื่อ 2-3 ชื่อถูกตะโกนมาจากผู้ชมล่างเวที แต่เสียงตะโกนชื่อกัวหลินหลินดังมากที่สุด
พิธีกรไม่รอให้เสียเวลา “อันดับที่หนึ่งคือ เฉินเข่อเยียนจากคลาส C ได้รับเลือกจากอาจารย์ถึงสี่คน”
ผู้คนส่งเสียงเชียร์
แต่ส่วนมากกลับเงียบลง
กัวหลินหลินจ้องมองไปบนเวที โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าไม่มีชื่อของเธอเป็นคนในลำดับที่สอง จนลืมควบคุมอารมณ์ของตัวเองไป
“ลำดับที่สาม มีผู้เข้ารอบสองคนที่เสมอกัน พวกเธอคือกัวหลินหลินและ… ไป๋เหิง”
ผู้คนพากันเงียบลง
เพื่อน ๆ ของกัวหลินหลินไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงเชียร์ออกมา พวกเธอรู้ดีว่าการที่ต้องอยู่ในอันดับที่สามพร้อมกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบนั้น เป็นเรื่องที่น่าละอายมากแค่ไหน
“หลินหลิน ไม่เป็นไรนะ นี่ไม่ใช่การแข่งขันที่สำคัญอะไร แค่เล่น ๆ เฉย ๆ”
พิธีกรให้ผู้ที่ได้รับรางวัลขึ้นมากล่าวความรู้สึกบนเวที
กัวหลินหลินหายใจเข้าลึก ๆ และเดินขึ้นไปบนเวที
คนสองคนแรกพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคตามลำดับรายชื่อ พอมาถึงคนที่สาม พิธีกรก็ส่งไมโครโฟนให้กับไป๋เหิง
แต่ไป๋เหิงกลับเอาไมโครโฟนมอบให้กับกัวหลินหลินก่อน
ซึ่งกัวหลินหลินไม่ได้สนใจจะมองเธอเลยด้วยซ้ำ
พิธีกรจึงพูดขึ้น “ไป๋เหิง คุณพูดก่อนเลย”
ไป๋เหิงจึงทำได้เพียงชักมือตัวเองกลับมา “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้มายืนอยู่บนเวที แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองเห็นฉัน ความรู้สึกแบบนี้มันดี ๆ มากเลยค่ะ”
“ไม่ว่าการแข่งขันต่อไปจะเป็นยังไง ฉันจะจดจำวันนี้เอาไว้เสมอ”
“อีกอย่างต้องขอขอบคุณเหล่าคนที่ช่วยเหลือฉันมาโดยตลอด”
หลังจากพูดจบเธอก็โค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
พอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเธอรื้นไปหมด
ในตอนนี้ ไม่มีใครสงสัยในความจริงใจของเธอเลย
พิธีกรยิ้ม “การแสดงออกในครั้งนี้ดีมาก ๆ พยายามพัฒนาตัวเองให้ดีต่อไปนะ”
ไป๋เหิงส่งไมโครโฟนให้กัวหลินหลินที่นิ่งไปประมาณห้าวินาที จากนั้นเธอจึงรับไมโครโฟนมา
เธอยกริมฝีปากขึ้น แต่ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาเลย
“กิจกรรมในครั้งนี้ฉันสนุกมาก จะได้รับรางวัลหรือไม่มันไม่สำคัญเลย แต่ก็ยังอยากขอขอบคุณเหล่าอาจารย์ที่เลือกฉันค่ะ”
“การเดินแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ คนที่ทำให้ฉันตกตะลึงมากที่สุดก็คือไป๋เหิง ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ปกติเธอดูเป็นคนน่ารัก ไม่คิดว่าพอขึ้นเวทีแล้วจะมีเสน่ห์ขนาดนี้”
“แต่เสื้อผ้าพวกนี้ฉันไม่เคยเห็นเธอใส่มาก่อนเลย? รายการคงไม่ได้ลำเอียงเอาชุดสวย ๆ ให้กับไป๋เหิงเพียงคนเดียวหรอกเนอะ”
กัวหลินหลินพูดติดตลก “ถ้าอย่างนั้นมันก็คือการขี้โกงกันนี่นะ”
ไป๋เหิงกำมุมเสื้อของเธอแน่น ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
เธอกลัวว่าถ้าพูดความจริงจะทำให้อาจารย์ซูถูกตำหนิ
แต่ซูโย่วอี๋หยิบไมโครโฟนขึ้นมา “เสื้อผ้าพวกนั้นเป็นของฉันเอง”
“ตอนที่ฉันกำลังสัมภาษณ์อยู่ที่ห้องพัก ฉันอยากจะไปดูเสื้อผ้าที่ไป๋เหิงเตรียมเอาไว้ ฉันทำเสื้อผ้าของเธอขาดโดยไม่ตั้งใจ เลยต้องรีบเอาชุดของฉันให้เธอใส่ไปก่อน”
กัวหลินหลินส่งเสียงอ้อขึ้นมา “อาจารย์โย่วโย่วใจดีจริง ๆ แม้แต่การแต่งหน้าก็ยังช่วยเธอแต่งเลย”
แต่ซูโย่วอี๋ทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของเธอ “ถือว่าเป็นการขอโทษที่ฉันทำชุดของเธอเสีย”
ระหว่างนั้น ไป๋เหิงเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพักจึงเงยหน้าขึ้นมา “ครั้งนี้ฉันสวมเสื้อผ้าของคนอื่น ต่อให้ชนะก็ไม่เหมือนชนะจริง ๆ ฉันไม่ต้องการแล้วตำแหน่งแฟชั่นนิสต้าค่ะ”
ขอแค่เพียงทุกคนอย่าได้โทษอาจารย์ซูก็พอ
แม้กัวหลินหลินจะยิ้ม แต่ในใจของเธอไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด เธอพูดขึ้นมาเบา ๆ ที่ได้ยินกันแค่สองคน “แบบนี้ก็ดูเหมือนว่าฉันใจแคบน่ะสิ”
“ไป๋เหิง คุณเป็นแบบอย่างที่ดีจริง ๆ”
ในที่สุด ทีมผู้กำกับก็ตัดสินใจให้ตำแหน่งแฟชั่นนิสต้ากับไป๋เหิงด้วย
การเดินแฟชั่นโชว์ในช่วงเช้าจบลง มีการประกาศการประเมินของสัปดาห์นี้มาในตอนบ่าย เหล่าเด็กฝึกที่พึ่งรู้สึกผ่อนคลายก็เครียดขึ้นมาอีกครั้ง
และต้องเข้าสู่การฝึกซ้อมอย่างหนักในรอบต่อไปอย่างรวดเร็ว
เสียงที่พูดถึงการเดินแฟชั่นโชว์ค่อย ๆ สงบลง
แต่หลังอาหารเย็น ทุกคนก็เริ่มยกให้ไป๋เหิงเป็นเด็กฝึกที่อาจารย์โย่วโย่วชื่นชอบ
คืนนั้น ซูโย่วอี๋กำลังพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก แต่จู่ ๆ ก็นึกเป็นห่วงเจ้าสุนัขจิ้งจอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ประตูบ้านพักถูกเปิดออก ไอความเย็นลอยเข้ามา
“กลับมาไวจัง?” ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ของตัวเอง
“อืม” อวี๋ชิงจ้าวถอดรองเท้าบูทออกและเปลี่ยนไปใส่รองเท้าสบาย ๆ
เธอเทน้ำร้อนจากกระติกและดื่ม “ช่วงนี้อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เดินกลับจากห้องซ้อมมาแค่สิบนาที มือก็แทบจะชาหมดแล้ว”
อวี๋ชิงจ้าวนั่งลงข้าง ๆ ซูโย่วอี๋ “เมื่อเย็นตอนกินข้าว ฉันเจออะไรบางอย่างด้วย”
“หืม?”
“จานของพวกคลาส B ไป๋เหิงเป็นคนล้างหมดเลย”
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
พวกจานชามมีคุณป้าคอยทำหน้าที่ล้างให้อยู่แล้ว ไม่ต้องถึงมือไป๋เหิงเลยด้วยซ้ำ
อวี๋ชิงจ้าวไม่ได้พูดอะไร เธอแอบมองไปยังซูโย่วอี๋
“ไป๋เหิงถูกคนอื่นแกล้งเพราะฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันถามไปแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วมา ไป๋เหิงก็ช่วยล้างจานของพวกเธอมาโดยตลอด”