Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 290 รสชาติไม่ถูกต้อง
บทที่ 290 รสชาติไม่ถูกต้อง
บทที่ 290 รสชาติไม่ถูกต้อง
ก่อนถึงบ้าน ซูโย่วอี๋ได้รับโทรศัพท์จากลู่เฉิน
“[อยู่บ้านไหม?]”
“กำลังกลับบ้านค่ะ ฉันเพิ่งออกไปกับหยินหยินมา”
ลู่เฉินพูดเสียงเบาว่า “[เดี๋ยวผมจะไปรับคุณกลับบ้าน รอผมที่หน้าประตูนะ]”
“[คุณปู่ไม่สบาย]”
หัวใจของซูโย่วอี๋ชาวาบ “ร้ายแรงเลยเหรอคะ?”
“[ท่านไม่เป็นไรมาก แค่โรคเก่ากำเริบน่ะ ไว้ผมเล่าให้ฟังทีหลังนะ]”
ซูโย่วอี๋และซูหยินเพิ่งแยกทางกันที่ประตู ลู่เฉินก็มาถึงแล้ว
ซูโย่วอี๋เปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง “ทำไมจู่ ๆ คุณปู่ถึงป่วยได้ล่ะคะ?”
“คุณปู่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมานานแล้ว เมื่อ 2 วันก่อน ท่านลืมกินยาลดความดันโลหิต ทำให้ความดันของท่านสูงขึ้นและเป็นลมไป โชคดีที่มีคนมาพบทันเวลาและส่งตัวไปโรงพยาบาลได้ทันน่ะ”
ลู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ซึ่งเป็นท่าทางปกติยามอารมณ์เสียของเขา
“คุณปู่ลู่แข็งแรงอยู่แล้ว อย่ากังวลไปเลยค่ะ”
“อืม”
คฤหาสน์ตระกูลลู่
ต้นบ๊วยในสวนบานสะพรั่ง แสดงถึงความมีชีวิตชีวา
พ่อบ้านได้รับข่าวว่าลู่เฉินกำลังจะมา เขาจึงไปรอที่ประตูแต่เช้า
“นายน้อย คุณซู”
ลู่เฉินจูงมือซูโย่วอี๋และเข้าไปในห้อง “คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”
“ยังไม่ค่อยอยากอาหารครับ แต่นายท่านเอาแต่พูดถึงคุณซู บางทีถ้าเขาเห็นพวกคุณมา อาจมีความสุขและกินได้มากขึ้นกว่าเดิม”
พ่อบ้านหยุดไปชั่วครู่ “คุณผู้หญิงก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ทันทีที่พูดจบ คุณนายลู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่นพร้อมกับผมที่ม้วนอย่างปราณีต
สายตาของเธอจับจ้องไปที่มือทั้งสองที่ประสานกันแน่น
ซูโย่วอี๋ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและเรียกคุณนายลู่ด้วยความเคารพ
“อาเฉิน ทำไมคุณถึงพาคนนอกมาที่นี่”
ลู่เฉินดูกังวล “คุณปู่ยังป่วยอยู่ ผมหวังว่าคุณจะไม่สร้างปัญหาในตอนนี้”
“ไม่งั้นผมจะเชิญคุณออกไป”
คุณนายลู่ดูเย็นชาและน่ากลัว “คุณพ่อชอบคุณ และฉันจะไม่ทำให้เขาไม่มีความสุข แต่มันจะไม่มีครั้งต่อไป”
คนรับใช้ที่อยู่ถัดจากเธอก้มหัวลงต่ำเพราะกลัวว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามประสาทครั้งนี้
ลู่เฉินพาซูโย่วอี๋ขึ้นไปชั้นบนและตรงไปที่ห้องนอนของชายชรา
คุณปู่ลู่นอนอยู่บนเตียงที่ปรับขึ้นลงได้ เขานั่งจ้องมองดูต้นบ๊วยนอกหน้าต่าง
เมื่อได้ยินเสียงก็หันกลับมาทันใด ก่อนชายชราจะยกยิ้มทันที “พวกเธอมาแล้ว”
ทั้งหางคิ้ว ดวงตา และน้ำเสียงแสดงถึงความดีใจเป็นอย่างมาก
ซูโย่วอี๋รู้สึกแสบจมูกแปลบ “คุณปู่ลู่”
คุณปู่ลู่ยื่นมือไปหาเธอ “เกิดอะไรขึ้น?”
“อาเฉินรังแกเธองั้นเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ส่ายหัว “ฉันขอโทษค่ะ ฉันบอกว่าฉันจะมาหาคุณอีก แต่ฉันกลับไม่เคยมาเลย”
คุณปู่ลู่พูดอย่างเคอะเขินว่า “เธอก็เหมือนคุณย่าอาเฉินนั่นแหละ แค่ใจร้ายไปหน่อย”
“เมื่อก่อนนะ ปู่ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนจนเมาเลยพากันนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แต่ตอนนั้นถูกคนขับกรรโชกเงินจึงไปถึงโรงพัก ตำรวจก็ให้เราค้างคืนเพื่อรวบรวมหลักฐาน ทุกคนเลยโทรหาภรรยาของตัวเองกัน”
“เดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“เช้าวันรุ่งขึ้น ภรรยาของคนอื่นมารับสามีของตัวเองพร้อมอาหารเช้าตอนหกโมง ส่วนคุณย่าของอาเฉินกลับนอนหลับจนถึงสิบโมงและเปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้”
“ปู่รออยู่ที่สถานีตำรวจคนเดียวจนถึงเที่ยงก่อนจะถูกเรียกตัว”
คุณปู่ลู่นึกหวนถึงอดีต “เฮ้อ คุณย่าของอาเฉินจากไปเร็วเกินไป”
ซูโย่วอี๋จับมือคุณปู่ลู่แทน “คุณย่าต้องเป็นคนที่น่ารักมากแน่ ๆ เลยค่ะ”
“ใช่ หลานต้องรักเธอมากแน่ ๆ”
คุณปู่ลู่ทำอะไรไม่ถูก “ปู่ไม่กล้าทำให้เธอโกรธเลยด้วยซ้ำ”
“เธอชอบดอกบ๊วยในสวนมาก ปู่บอกว่าปู่อยากจะปลูกต้นท้อจะได้เอามากิน แต่เธอไม่ยอม พอปู่ปลูกต้นท้อสองต้น เธอถึงกับแอบมาถอนมันออกในตอนกลางคืนเลยนะ”
“ปู่โกรธจนนอนไม่หลับไปสามวันแน่ะ ตอนนั้นสิ่งที่ปู่สนใจไม่ใช่ต้นท้อสองสามต้นอีกต่อไป แต่เพราะเธอไม่สนใจปู่ต่างหาก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นถาม
“เธอไม่คุยกับปู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ปู่ยังสงสัยว่าทำไมคนไร้เหตุผลแบบนี้ถึงโกรธกันทั้งที่ไปถอนต้นท้อของปู่ไปแบบนั้น”
“แต่ในที่สุดปู่ก็เข้าใจว่าเธอก็คิดว่าปู่สนใจแค่ต้นท้อสองสามต้นมากกว่า”
“ผู้ชายที่ดีย่อมงอและยืดได้ ปู่เป็นฝ่ายขอโทษเธอก่อน เธอจึงปลูกต้นท้อคืนให้ปู่ในชั่วข้ามคืนเลย”
คุณปู่ลู่ชี้ไปที่หน้าต่าง “ดูสิ ต้นไม้ที่ไม่มีใบตรงมุมนั่นไง”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นและเห็นต้นท้อที่คุณปู่ลู่พูดถึง เธอเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม “สถานที่ที่คุณย่าเลือกให้คุณปู่… ค่อนข้างดีเลยนะคะ”
มันบังเอิญอยู่ในมุมที่ไกลที่สุดของสวน
ทันใดนั้นลู่เฉินเดินไปโอบไหล่ของซูโย่วอี๋ “อย่ามองว่าอยู่ไกลนะ นั่นเป็นสมบัติคุณปู่ ทุกปีลูกท้อเต็มตะกร้าจะถูกส่งไปที่สุสาน ผมไม่ได้กินสักลูกเลยด้วยซ้ำ”
คุณปู่ลู่จ้องไปที่คู่รักที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่าง แล้วเรียก “โย่วโย่ว อาเฉิน มานี่สิ”
คุณปู่ลู่จับมือของทั้งสองมาประสานกันด้วยมือที่เหี่ยวย่นเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว “ปู่ไม่มีความปรารถนาอื่นใด พวกหลานควรจะมีน้ำใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ปู่เสียใจเสมอที่ไม่สามารถทำตามย่าของหลานได้”
มันเป็นเหมือนการสั่งเสีย
“หนิงเชิงมีบุคลิกที่แข็งกร้าว ปู่ต้องคอยเกลี้ยกล่อมเธอเสมอในกรณีที่เธอทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม”
“อาเฉิน หลานดูแลตัวเองดี ๆ นะ”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “คุณปู่”
“เมี้ยว” จู่ ๆ ก็มีเสียงแมวร้องขึ้นมา
จากนั้นสิ่งมีชีวิตที่มีขนปุกปุยก็กระโดดเข้าไปในแขนของซูโย่วอี๋ ซึ่งซูโย่วอี๋ก็เกือบจะล้มลงด้วยความตกใจ
โชคดีที่ลู่เฉินกอดเธอไว้ทัน ก่อนเรียกด้วยน้ำเสียงตำหนิ “โต้วโต่ว!”
โต้วโต่วเงยหน้าขึ้นจากแขนของซูโย่วอี๋คล้ายจะเสียใจ “เมี้ยว”
ศีรษะมันโค้งลง อุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสี่เหยียบแขนเธอเบา ๆ
ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “โต้วโต่ว เธอยังจำฉันได้เหรอ?”
“เมี้ยว”
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววสดใส มันผงกศีรษะเล็กน้อย
“อ๊าย น่ารักจัง”
ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะจูบหัวกลม ๆ ของมัน
ทันใดนั้นพ่อบ้านเข้ามาพร้อมยา “นายท่านครับ ได้เวลากินยาแล้วครับ”
คุณปู่ลู่หันศีรษะหนีอย่างเอาแต่ใจ “หลี่ขุย บอกหมอว่าครั้งต่อไปอย่าสั่งยาขมแบบนี้อีก”
“ขมตรงไหนครับ? ก่อนนี้คุณก็ดื่มได้ไม่ใช่เหรอครับ? หรือว่าคุณแค่อยากให้คุณโย่วโย่วป้อนให้คุณ”
“หลี่ขุย!”
คุณปู่ลู่ไม่พอใจที่ถูกเปิดโปง
ซูโย่วอี๋ที่เป็นฝ่ายรับชามยามา “คุณปู่ลู่คะ ฉันจะป้อนเองค่ะ”
แล้วเธอก็ป้อนทีละช้อน
ก่อนเอาน้ำให้ดื่มตาม
พ่อบ้านรับชามยาออกไป “นายน้อย คุณโย่วโย่ว ถึงเวลาที่นายท่านต้องพักผ่อนแล้วครับ”
ขณะที่พูดนั้น เปลือกตาของคุณปู่ลู่ก็ปิดลงช้า ๆ
ลู่เฉินจ้องมองใบหน้าที่หลับใหลของคุณปู่เป็นเวลานานก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือ
และลงไปข้างล่าง ซึ่งซูโย่วอี๋ไม่เห็นหนิงเซิง เลยคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะจากไปแล้ว
พ่อบ้านและลู่เฉินรายงานอาการของคุณปู่ลู่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ซูโย่วอี๋ได้ยินว่าคุณปู่กินอาหารได้แค่เล็กน้อยจึงเอ่ยถาม “คุณปู่ลู่ท้องไม่ดีเหรอคะ?”
“คุณปู่เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง บางครั้งเขาจะนอนหลับไม่สนิท เบื่ออาหาร และกินได้ไม่เยอะ”
ถ้าอย่างงั้น…
ซูโย่วอี๋เรียกเจ้าจิ้งจอกเน่าในใจ
ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกเน่าจะตอบ ส่วนโต้วโต่วกางหูแล้วมองไปที่ซูโย่วอี๋ด้วยสายตาที่คมปลาบ
โต้วโต่วได้ยินเสียงในใจของเธอเหรอ?
“เมี้ยว”
ดวงตาของซูโย่วอี๋เบิกกว้าง ก่อนเธอจะถามด้วยเสียงต่ำ “โต้วโต่ว เธอได้ยินฉันเหรอ?”
“เมี้ยว”
น่าทึ่งมาก
เจ้าจิ้งจอกเน่ายกหูของเขา [ซู่จู่ โต้วโต่วได้รับผลจาก [ความสามารถในการใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง] ซึ่งมันสามารถสื่อสารกับคุณได้]
[ว่าแต่คุณเรียกหาฉันทำไม?]
ซูโย่วอี๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ในระบบมียารักษาโรคกระเพาะไหม? ถ้าจะให้ดีก็เอาแบบสามารถปรับสภาพร่างกายได้”
เจ้าจิ้งจอกเน่าว่ายไปมาในห้างสรรพสินค้า [เจอแล้ว]
[ยารักษากระเพาะเร่งด่วน] ขวดละ 20 เม็ดช็อกโกแล็ต กินวันละ 1 เม็ด จะสามารถรักษาอาการป่วยได้หลังจากกินครบ 5 เม็ด สรรพคุณ: หลังจากกินแล้ว สามารถบรรเทาอาการไม่สบายท้องได้ทันทีและขจัดสิ่งแปลกปลอมในทางเดินอาหาร
นอกจากอาการมะเร็งแล้ว ยานี้ยังสามารถรักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารได้ทั้งหมด
“เท่าไหร่”
[99]
ราคาเดียวกับ [ยาลูกดก] เลย
ซูโย่วอี๋คลิกซื้อ มียอดคงเหลือตอนนี้ 53 เม็ด
ช่วงนี้ใช้จ่ายมากไปหน่อยแฮะ
หน้ากากมนุษย์กับยารักษากระเพาะเร่งด่วนทำให้เธอรู้สึกยากจนในทันที
ในระหว่างการสนทนา โต้วโต่วที่อยู่ในอ้อมแขนของซูโย่วอี๋ก็ร้องอย่างออดอ้อน และส่งเสียง “เมี้ยว” เป็นครั้งคราว
หลังจากได้รับ [ยารักษากระเพาะเร่งด่วน] แล้ว ซูโย่วอี๋ก็ยัดมันลงในกระเป๋าเสื้อโค้ท
“ลู่เฉิน ลุงหลี่คะ ฝีมือทำอาหารของฉันไม่เลวเลยนะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะทำอาหารให้คุณปู่กินเองค่ะ”
“ปกติคุณปู่ชอบกินอะไรเหรอคะ?”
พ่อบ้านมีความสุขมาก “นายท่านอยากกินหมูนึ่งฟักทอง แต่คนรับใช้ทำให้หลายครั้งแล้วก็ไม่เคยถูกปากเขาเลยครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะทำเอง”
ซูโย่วอี๋ไปที่ห้องครัว สาวใช้ที่กำลังทำอาหารก็มองเธออย่างไม่รู้จะทำอะไร “คุณซู คุณต้องการอะไรอีกไหมคะ?”
“มีฟักทองไหมคะ เอามาให้ฉันหนึ่งลูกหน่อยได้ไหม”
สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันแล้วรีบตอบว่า “มีค่ะ เมื่อเร็ว ๆ นี้นายท่านชอบกินมาก เราเลยซื้อมาหลายสายพันธุ์เลย”
“ทำไมคุณไม่มาเลือกเองล่ะคะ?”
ซูโย่วอี๋ไปที่ห้องเก็บอาหารเพื่อดู ก่อนเธอจะหัวเราะไม่ออก
แค่ซื้อมานิดหน่อยที่ไหนกัน นี่มันสวนฟักทองชัด ๆ
มีทั้งลูกเล็ก ลูกใหญ่ แบบกลม แบน และยาว
มีตั้งหลายสายพันธ์
ซูโย่วอี๋นึกขึ้นได้ว่าคุณปู่เคยให้ส้มโอให้เธอมาก่อน เพราะมันคงมีมากเกินไป
เธอย่อตัวลงและตบเบา ๆ ในที่สุดก็เลือกฟักทองลูกเล็กที่มีรสหวานน้อย
ใส่เนื้อสับปรุงรสแล้วนึ่งในกระทะ
หลังจากทำเสร็จ ซูโย่วอี๋ก็เหงื่อไหลออกมาเล็กน้อย
จากนั้นสาวใช้ก็เข้ามาหา “คุณซูคะ ที่เหลือเราจะจัดการเองค่ะ คุณออกไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
ซูโย่วอี๋ส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอใช้ประโยชน์จากเวลาที่สาวใช้เข้าห้องน้ำ ใส่ [ยารักษากระเพาะเร่งด่วน] ลงในเนื้อนึ่ง
เจ้าจิ้งจอกเน่าส่ายหัวในระบบ [ซู่จู่ เนื้อนึ่งฟักทองของคุณดูดี แต่มันไม่ใช่รสชาติที่คุณลู่ต้องการหรอกนะ]
“นายรู้เหรอว่าเขาอยากได้รสชาติแบบไหน?”
[แน่นอน ฉันเป็นใครล่ะ? ผู้ดูแลระบบที่เก่งที่สุด ทุกคนต่างรักฉัน กระทั่งดอกไม้ยังผลิบานให้]
[มีส่วนผสมที่ขาดหายไปจากเนื้อนึ่งฟักทองของคุณ]
“อะไร?”
[พริกเสฉวน[1]*ป่น ต้องไม่ใช่พริกเสฉวนป่นที่ขายตามท้องตลาด แต่เป็นเม็ด ๆ ที่ทำจากพริกเสฉวนสด]
ซูโย่วอี๋รู้สึกงงงวย “นั่นมันไม่ใช่เครื่องปรุงพิเศษอะไร และวิธีการก็ไม่ได้ซับซ้อน ทำไมมันถึงไม่ได้รสชาติที่คุณปู่ลู่ต้องการล่ะ?”
เจ้าจิ้งจอกเน่ากลอกตา ก่อนพริกเสฉวนจำนวนหนึ่งกำมือจะปรากฏขึ้นในอากาศ
[จุดสำคัญอยู่ที่พริกเสฉวน คุณย่าลู่เป็นคนอิ๋งซาน ที่นั่นมีพริกพันธุ์พิเศษ พริกเสฉวนชนิดนี้สามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมของอิ๋งซานเท่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากในอิ๋งซานได้ย้ายถิ่นฐาน คนปลูกพริกเสฉวนจึงน้อยลงเรื่อย ๆ]
ซูโย่วอี๋มองไปที่ผงพริกเสฉวนในมือของเธอ มันมีสีสดใสและมีกลิ่นหอมมาก
“หวังว่าที่นายพูดจะถูก”
เจ้าจิ้งจอกเน่าเลิกคิ้ว [ลองดูเลย]
ซูโย่วอี๋วางเนื้อนึ่งฟักทองที่นึ่งไว้แล้วไว้ข้าง ๆ และทำเนื้อใหม่ ที่เธอเสียดายที่สุดคือพริกเสฉวนผงและ… ยารักษากระเพาะเร่งด่วน
เสียยาไปโดยเปล่าประโยชน์ชัด ๆ
สาวใช้เข้ามาและเห็นเธอกำลังหยิบฟักทองเพิ่มอีกลูกหนึ่ง “คุณซู เมื่อกี้คุณไม่ได้ทำเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“เกลือหนักไปค่ะ ฉันเลยจะทำใหม่”
สาวใช้ชมว่า “คุณซูช่างใส่ใจนายท่านจริง ๆ เลยค่ะ”
[1] พริกที่ให้รสชาติแบบเผ็ด ๆ ชา ๆ ที่ปลายลิ้น