Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 299 รักษาแผลใจ
บทที่ 299 รักษาแผลใจ
บทที่ 299 รักษาแผลใจ
มือของช่างแต่งหน้าค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ
ทุกคนรู้กันดีว่าลู่เฉินไม่เคยมีข่าวเสีย ๆ หาย ๆ มาก่อน ถึงเขาจะโสด ก็ไม่เคยสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนเลย
ทำไมพอมีแฟนแล้วกลับทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้งั้นเหรอ
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “เอามาให้ฉันดูหน่อย”
เหมยเหมยส่งโทรศัพท์ไป ซึ่งหัวข้อข่าวเป็นที่สะดุดตามาก
‘ประธานบริษัทเทียนฉีถูกสงสัยว่าแอบนัดพบกันหญิงสาวสวยชาวต่างชาติที่สนามบิน’
คำว่าแอบนัดพบทำให้ผู้คนจิตนาการกันไปไกล
ดวงตาของซูโย่วอี๋วูบไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เฉินก่อน ค่อย ๆ ไล่สายตาไปยังผู้หญิงร่างบางข้างกายของเขา
ใบหน้าสวย อายุน้อย น่าดึงดูด
รอยยิ้มสดใส
ไม่มีอะไรที่ดูเกินเลยมากเกินไป มีแต่หัวของลู่เฉินที่หันไปทางผู้หญิงคนนั้นเหมือนกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เธอพูด
ซูโย่วอี๋อธิบายอารมณ์ตอนนี้ของตัวเองไม่ถูก
เขาหายไป 2-3 วัน ไม่เคยติดต่อหาเธอ แต่กลับมีเวลาพูดคุยหัวเราะกับผู้หญิงคนอื่น
หึ พวกผู้ชาย
เหมยเหมยรีบโต้เถียงขึ้นมา “แหล่งข่าวพวกนี้เขียนมั่วกันไปเอง พี่ซู พี่อย่าไปสนใจเลยนะคะ”
ซูโย่วอี๋ตอบกลับแค่คำว่าอืมและส่งโทรศัพท์คืนไป “แต่งต่อสิ”
ช่างแต่งหน้ารีบแต่งหน้าต่อไป แต่เรี่ยวแรงที่มือก็เบาลงด้วย
หลังแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ ช่างแต่งหน้าก็ถามขึ้น “คุณซู คุณลองดูว่ามีส่วนไหนที่ต้องการแก้ไขเพิ่มไหมคะ?”
การแต่งตัวของซูโย่วอี๋ในคืนนี้ดูหวานมาก ๆ ชุดสีเขียวอ่อน คอเสื้อต่ำ ๆ เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของกระดูกไหปลาร้าอันเย้ายวนใจ เอวลอย ชายกระโปรงเป็นกระโปรงยาวกลีบฟู ๆ
ผมถูกรัดขึ้น เขียนอายไลเนอร์บาง ๆ ริมฝีปากสีแดงดูมีเสน่ห์อย่างมาก
รวมกับอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของเธอ ดวงตาที่คาดเดาได้ยากราวกับกระแสน้ำที่ไหลลึก ยิ่งทำให้เธอดูลึกลับยิ่งขึ้น
“ดีแล้วค่ะ ไม่มีอะไรต้องแก้ไขแล้ว”
ซูหยินผลักประตูเข้ามา ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจ “ว้าววว ที่รัก เธอนี่สวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวแต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกัน ซูโย่วอี๋จึงพึ่งรู้สึกตัว “ช่วงนี้หัวสมองของฉันใช้งานไม่ค่อยดี ลืมเรื่องที่เธอต้องไปงานประกาศรางวัลไปเลย”
ซูหยินดึงชายกระโปรงยาว ๆ ของตัวเอง และลากเก้าอี้ออกมานั่ง “ไม่หรอก บางทีพวกเราอาจจะยังเป็นคู่แข่งกันก็ได้นะ”
ครึ่งปีที่แล้ว ซูหยินถ่ายทำละครเกี่ยวกับเรื่องในโรงเรียนและได้รับผลตอบรับดีมาก เธอได้เล่นเป็นนางเอก ซูโย่วอี๋เทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
สำหรับเธอมันจึงเป็นแค่การพูดเล่นมากกว่า
แต่ซูโย่วอี๋กลับไม่เข้าใจ “ถ้าฉันได้รางวัล ก็เอาไปไว้ที่บ้านเธอนะ”
“ที่รัก เธอนี่ไม่จริงใจเลยนะ นี่คิดจะให้ฉันเจ็บใจทุกวันหรือไง?”
ซูโย่วอี๋ยิ้มออกมา “เธอไม่อยากได้เหรอ?”
“จะเป็นไปได้ไง?” ซูหยินหรี่ตาของตัวเอง “ฉันต้องจุดประทัดให้เธอสิ พอพบเจอผู้คนก็ต้องป่าวประกาศไปเลยว่าพี่น้องของฉันได้รับรางวัล ได้หน้าจะตายไป”
ดวงตาของซูหยินสั่นไหว “เห็นข่าวของประธานแล้วเหรอ?”
“เห็นแล้ว”
“ใจเย็นขนาดนั้นเลย?”
ดูแล้วคงจะเป็นแค่ข่าวปลอม
แต่ในใจของซูโย่วอี๋กลับไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง เธออยากจะถามเขาด้วยตัวเองแต่กลับไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ไหน
เดิมทีซูหยินต้องการหาต้นตอของข่าวนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางไม่สนใจของซูโย่วอี๋แล้ว เธอก็เลยปล่อยมันไปเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ไปอยู่ที่บ้านฉันไป”
ซูหยินลุกขึ้น ซูโย่วอี๋ก็ลุกขึ้นตาม “ฉันขอไปห้องน้ำก่อน”
ทั้งสองคนหมุนตัวแยกจากกันตรงทางเดิน
ห้องน้ำอยู่ด้านขวาสุดของทุก ๆ ชั้น แต่ห้องแต่งหน้าอยู่ด้านซ้ายสุด ซึ่งซูโย่วอี๋ต้องเดินผ่านพื้นที่ของสำนักงานทั้งหมดถึงจะไปถึงห้องน้ำได้
เมื่อผ่านห้องโถงตรงกลางขนาดใหญ่ เหล่าพนักงานที่กำลังทำงานอย่างหนักเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองเธอด้วยสายตาทึ่ง ๆ
แต่ทันใดนั้น สายตาก็เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสัย สงสาร และอื่น ๆ
ซูโย่วอี๋แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและเดินไปข้างหน้าอย่างไม่แยแส
เธอผ่านมาได้อย่างปลอดภัย แต่ซูโย่วอี๋ได้ยินเสียงผู้คนด้านในกำลังพูดคุยกัน
“ฉันจะบอกให้นะ สองวันก่อน ฉันขึ้นไปส่งเอกสารที่ชั้นบนสุด เห็นคุณซูกำลังไปหาประธานลู่ แต่ว่าประธานลู่กลับออกไปทำงานต่างประเทศโดยไม่พูดอะไรเลย ไม่บอกกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว”
“งั้นเหรอ? ที่แท้ก็ทะเลาะกันมาตั้งนานแล้วนี่เอง”
“น่าจะมีปัญหากันมาสักพักแล้วล่ะ พวกเธอว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เธอกับประธานลู่จะเลิกกันไปตั้งนานแล้ว?”
“พูดอะไรออกมาน่ะ จริง ๆ เลย แต่ถ้าเกิดว่าเลิกกันแล้วจริง ๆ ก็คงจะอึดอัดน่าดู ยังไงซะฉันก็ไม่มีทางทำงานร่วมกับแฟนเก่าได้หรอกนะ”
“นี่ จะว่าไปแล้ว ต่อให้ผู้หญิงจะสวยมากแค่ไหน ก็เบื่อได้อยู่ดี”
ซูโย่วอี๋หยุดฟังพวกเขาอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็จากไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ไม่มีใครไม่ถูกนินทา
เธอปิดปากคน ๆ หนึ่งได้ แต่ไม่สามารถไปปิดปากทุกคนได้หรอก
พอเข้าห้องน้ำเสร็จ เธอก็กลับมาพักผ่อนที่ห้องแต่งหน้า
เหมยเหมยเดินเข้ามาอย่างฉุนเฉียว “ถ้าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นคนเขียนบท คงจะน่าเสียดายความสามารถแย่”
ซูโย่วอี๋รู้ดีว่ามีคนที่นินทาเธออยู่ไม่น้อยเลย “พวกเธอพูดอะไรกันเหรอ?”
เหมยเหมยจ้องไปที่พี่สาว “เรื่องที่พี่กับประธานลู่เลิกกันแล้ว”
“อืม” น้ำเสียงของซูโย่วอี๋สงบนิ่ง เมื่อครู่นี้เธอก็พึ่งได้ยินมาเหมือนกัน
“ยังมีอีกไหม?”
“… พวกเธอพูดว่า สีหน้าของพี่ดูไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าพึ่งไป… ทำแท้งที่โรงพยาบาลมาหรือเปล่า”
!!!
“พวกเธอยังพูดอีกว่า พี่ชอบคุณฮันเจ๋อหยาง แล้วนอกใจประธานลู่จนถูกจับได้ ประธานลู่ถึงได้ต้องไปรักษาแผลใจไกลถึงอเมริกา”
แผลใจบ้าอะไร
ในหัวของซูโย่วอี๋วุ่นวายไปหมด คนพวกนี้ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ
“ฉันว่าพวกเธอคงจะว่างมากเกินไปแล้ว”
เหมยเหมยตอบกลับ “ใช่ ๆ ๆ ถือซะว่าได้ฟังเรื่องตลกไปแล้วกัน เนอะ”
เรื่องตลก?
“ดูเหมือนเธอจะฟังอย่างมีความสุขเลยนะ?”
เหมยเหมยส่ายหน้าไปมา “เปล่านะคะ ไม่ใช่แน่นอน”
ซูโย่วอี๋รู้ว่าเธอไม่ได้คิดร้ายอะไร เลยไม่ได้ถือสา
ห้าโมงเย็น ซูโย่วอี๋และซูหยินเดินทางไปยังสถานที่จัดงานประกาศรางวัลพร้อมกัน
ก่อนจะไป ซูโย่วอี๋โทรศัพท์หาเลขาก่อน “เขากลับมาหรือยังคะ?”
“[ยังครับ พวกเรายังติดต่อประธานลู่ไม่ได้เลย]”
ซูโย่วอี๋ลดสายตาลง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มาแล้วจริง ๆ
ซูหยินโบกมือให้เธออยู่บนรถคันใหญ่ “ที่รัก ไปกันเถอะ”
ซูโย่วอี๋เก็บโทรศัพท์และขึ้นรถไป
ฮันเจ๋อหยางมาถึงบริษัทและไม่เห็นซูโย่วอี๋ จึงรีบไปหาสุ่ยเวย “ซูโย่วอี๋ล่ะ?”
“[ออกไปที่งานแล้ว]”
ฮันเจ๋อหยางไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่าคุยกันแล้วเหรอว่าจะไปพร้อมกับผม?”
“[เธอปฏิเสธ ไม่ได้บอกคุณเหรอ?]”
ฮันเจ๋อหยางมึนงงเล็กน้อย “ไม่ได้บอกเลยนะ”
สถานที่จัดงานประกาศรางวัลแมกโนเลีย
ทางเข้าถูกปูไปด้วยพรมสีแดง โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มจัดการดูแลทางเข้า
รอบ ๆ เต็มไปด้วยกล้อง เหล่าแฟนคลับล้อมรอบจนไม่มีที่ว่าง
ทุกคนพากันยืดคอเพื่อรอการมาถึงของไอดอลของตัวเอง
ซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจอะไร ส่วนซูหยินก็คุ้นเคยกับมันดีอยู่แล้ว
ทันทีที่ทั้งสองคนลงมาจากรถอย่างช้า ๆ ก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้น
“อ่า โย่วโย่วกับซูหยินเดินพรมแดงด้วยกัน ดาราที่ฉันชอบมากที่สุดทั้งสองมาด้วยกัน!”
“สวยมาก อย่างกับนางฟ้าเลย”
“พี่สาวอย่ายึดติดกับเพศมากเกินไป สนใจฉันก็ได้ จริง ๆ นะ พี่สาวทั้งสองมองมาที่ฉันสิ”
“คนบนโลกใบนี้ที่กล้าเดินพรมแดงไปพร้อมกับซูโย่วอี๋ก็คงจะมีแต่ซูหยินนี่แหละ”
รูปร่างหน้าตาของทั้งสองคนสง่างามมาก แต่หากจะเปลี่ยนเป็นใครคนใดคนหนึ่งจะต้องถูกเปรียบเทียบแน่นอน เมื่อสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันมันเหมือนเป็นการเติมเต็มกันและกัน เหมือนกับการทำสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีมากขึ้น เหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งและสดใส
“หยินหยิน ช่วงนี้คุณไม่ได้ถ่ายละครเพราะคุณขี้เกียจใช่ไหม ฮ่า ๆ ๆ”
ซูหยินส่งจูบออกไป พร้อมกับขยิบตาให้ เหล่าแฟนคลับที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ดิ้นพล่านเหมือนโดนน้ำร้อนลวก
ซูหยินหันหน้ากลับมามองที่ซูโย่วอี๋และกระซิบที่ข้างหูเธอ “ยังคิดถึงประธานลู่อยู่เหรอ? โย่วอี๋ ใช่เสน่ห์ดึงดูดบ้างสิ เชื่อฉันว่าประธานลู่ยุ่งมากกว่าเธออีก”
ซูโย่วอี๋ก้มหน้าลงและยกยิ้ม
แฟนคลับที่เห็นเช่นนั้นก็กรี๊ดสนั่น “เขินจัง พวกคุณไม่คิดจะเล่นละครอย่างความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวน้องสาวบ้างเลยหรอ? แบบที่ไม่ต้องมีพระเอก มีแค่พวกคุณน่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไกลออกมา เสียงกรี๊ดก็ค่อย ๆ เงียบลง
จนมาถึงผนังสำหรับเซ็นลายเซ็น ซูโย่วอี๋มองหาที่ว่าง หลังจากที่เธอเขียนชื่อของตัวเองด้วยความตั้งใจเสร็จก็เข้าไปภายในงาน