Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 300 ไม่รบกวนประธานฮันแล้วครับ
บทที่ 300 ไม่รบกวนประธานฮันแล้วครับ
บทที่ 300 ไม่รบกวนประธานฮันแล้วครับ
ภายในงานมีแสงสลัว ๆ แต่ยังคงสามารถมองเห็นที่ว่างได้อยู่
ที่นั่งของผู้ชมเป็นอัฒจันทร์รูปทรงโค้ง ๆ ล้อมรอบทั่วทั้งเวที
ดาราและคนดังหลายคนจำนวนไม่น้อยนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าคนมีชื่อเสียงที่อายุยังน้อยอยู่ก็จะต้องลุกขึ้นเพื่อทักทายกับเหล่ารุ่นพี่ทุก ๆ นาที
ภายในงานคึกคักมาก
เมื่อซูโย่วอี๋และซูหยินเข้ามา แน่นอนว่าพวกเธอได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ทีมงานนำทางพวกเธอไป จนกระทั่งมาถึงด้านหน้าเวทีก็หยุดลง
มือขวาผายไปยังที่นั่งที่เป็นโซฟานิ่ม ๆ ซึ่งมีที่นั่งอยู่ห้าที่ “เชิญนั่งครับ”
ซูหยินขมวดคิ้ว “ที่นั่งปีนี้ไม่เลวเลยแฮะ”
หลังจากที่ซูโย่วอี๋นั่งลงแล้ว เธอก็มองออกไปและพบกับเหล่าผู้คนที่เธอคุ้นเคย 2-3 คน
ป๋ายลิ่นนั่งอยู่ตรงกลางและพยักหน้าให้เธอ
เสิ้งเซี่ยอยู่กับเหล่าสปอนเซอร์ในมุมเล็ก ๆ เธอเองก็พยายามหลบสายตาของซูโย่วอี๋อยู่
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องกับซูโย่วอี๋เมื่อครั้งที่แล้ว เสิ้งเซี่ยคิดว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวกับเธอ แต่ก็กลัวว่าลู่เฉินจะจัดการเธอไปด้วย
พอเห็นซูโย่วอี๋จึงทำได้เพียงต้องหลบหน้าหลบตาเข้าไว้
ส่วนผู้กำกับละครรักในฝันมาถึงตั้งนานแล้ว ในฐานะผู้เข้าชิงในหลาย ๆ รางวัล แน่นอนว่าเขาเป็นที่สนใจของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก
สวีโหมวกำลังสูบบุหรี่และยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ขอให้โชคดีนะคะ”
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะดังขึ้นมาได้เพราะฮันเจ๋อหยาง คิดไม่ถึงเลยว่าชื่อเสียงในตอนนี้ครึ่งหนึ่งกลับมาจากซูโย่วอี๋เสียได้
ทักทายกันสักครู่ ผู้กำกับก็บอกลาคนเหล่านั้นและเดินมายังที่นั่งของซูโย่วอี๋
“เชฟของคุณทำอาหารอร่อยมากจริง ๆ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดถึงรสชาตินั้นอยู่เลย”
ซูโย่วอี๋พูดติดตลก “เชฟคนนี้มีชื่อเสียงมาก บางทีคุณเองก็อาจจะรู้จักนะคะ”
สวีโหมวรู้สึกสงสัยมาก “หืม?”
“คนที่ทำกับข้าวให้ตอนที่อยู่กองถ่ายคือเชฟใหญ่ของโรงแรมเซิ่งชิงเฟิงค่ะ”
“ไป๋เสิ่งเฉียว?” น้ำเสียงของสวีโหมวดูตกใจ
“เห็นไหม ฉันถึงบอกไงว่าคุณรู้จัก”
ตอนนี้สวีโหมวนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “ประธานลู่นี่เก่งจริง ๆ ถึงขนาดทำให้ทายาทตระกูลไป๋มาทำอาหารให้ถึงกองถ่าย”
“ถ้าผู้อาวุโสตระกูลไป๋รู้เข้า จะเจ็บใจขนาดไหนกันนะ”
“อาหารพวกนั้นอร่อยมากจริง ๆ”
พูดจบสวีโหมวก็ลูบ ๆ ที่ริมฝีปาก ราวกับว่ากำลังนึกถึงรสชาติที่เคยลิ้มลอง
แต่คนข้าง ๆ พูดขึ้นมา “ถ้าคืนนี้ได้รับรางวัล ผู้กำกับสวีก็ควรจะต้องจองโต๊ะไปฉลองที่โรงแรมเซิ่งชิงเฟิงสักหน่อยแล้วมั้งครับ”
สวีโหมวเห็นด้วย “ขอให้สมดังคำที่คุณพูดเถอะ”
ตอนนี้เกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อยตรงหน้าทางเข้า ผู้คนต่างพากันมองไป
ฮันเจ๋อหยางและฮันเจ๋อเหยียนเข้ามาพร้อมกัน ทั้งสองสวมชุดสูทที่สั่งตัดโดยเฉพาะ ทำให้รูปร่างยิ่งดูสูงสง่า พวกเขากำลังเดินไปทางซูโย่วอี๋
แต่ไม่รู้ว่าฮันเจ๋อหยางคิดอะไรอยู่ เขาพุ่งเข้าไปกอดซูโย่วอี๋ด้วยความรัก
แต่ซูโย่วอี๋เก็บสีหน้าของเธอเอาไว้และเบี่ยงตัวออกมา ทำให้เขากอดกับอากาศอันว่างเปล่า
“น้องสาว นี่เธอ…”
พูดไม่ทันจบ ฮันเจ๋อเหยียนมองไปที่น้องชายด้วยสายตาอันเย็นชา ก่อนมองซูโย่วอี๋ หลังจากนั้นก็พยักหน้าให้กับสวีโหมว
“ผู้กำกับสวี สวัสดีครับ”
สวีโหมวรู้สึกประหลาดใจ เขาและคนในตระกูลฮันไม่เคยข้องเกี่ยวอะไรกันเลย และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยด้วย ซ้ำ
วันนี้มันอะไรกัน
“ประธานฮัน”
ฮันเจ๋อเหยียนเอามือข้างหนึ่งใส่กระเป๋ากางเกง “งานประกาศรางวัลกำลังจะเริ่มแล้ว รีบนั่งลงก่อนดีกว่าไหมครับ?”
สวีโหมวพยักหน้า “เดี๋ยวผมไปทางนั้น คนอายุน้อย ๆ อย่างพวกคุณอยู่ด้วยกันจะได้พูดคุยกันสะดวก”
เขาเดินออกไปสองก้าวก็มองกลับมา และเห็นสายตาเป็นห่วงของฮันเจ๋อเหยียนที่มองไปยังซูโย่วอี๋ ก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันแปลก ๆ
ที่นั่งที่มีคนนั่งอยู่ถึงสี่คน แต่บรรยากาศกลับน่าอึดอัดขึ้นมาเสียได้
ฮันเจ๋อเหยียนถามขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “โย่วอี๋ ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ”
ฮันเจ๋อหยางอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอและลู่เฉิน? ทั้งบริษัทเอาแต่พูดกันว่าพวกเธอเลิกกันแล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ปากของซูโย่วอี๋บอกปฏิเสธ แต่สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีเลยสักนิด
ในใจของฮันเจ๋อเหยียนรับรู้ได้ เขาเดาได้เลยว่าถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ถึงขั้นเลิกรากัน แต่ก็น่าจะทะเลาะกัน
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว พ่อกับแม่กะว่าจะให้ทุกคนมากินข้าวฉลองปีใหม่ด้วยกัน เธอจะมาไหม?”
เขาไม่ได้ขอร้อง เพียงแค่ถามถึงความต้องการของเธอ
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “ได้ค่ะ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาในดวงตาของฮันเจ๋อเหยียน “งั้นเดี๋ยวพี่จะโทรไปหาเธอนะ”
ตอนนี้ทีมงานกำลังเตรียมการอยู่เบื้องหลัง
ทีมงานที่รับผิดชอบในเรื่องการมอบรางวัลจะตรวจสอบแขกที่มาในงานก่อน และพบว่าลู่เฉินไม่ได้มาเข้าร่วมงาน
ในตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่สิบนาที งานคืนนี้ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว!
เธอรีบโทรศัพท์รายงานหัวหน้างานอย่างร้อนใจ “ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้เราได้ยืนยันกับเลขาไปหลายรอบแล้วค่ะ”
“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งมาเลยว่ามาไม่ได้ค่ะ เราควรดำเนินการยังไงดีคะ?”
หัวหน้างานพูดด้วยเสียงเข้ม “รองประธานเทียนฉีอย่างรองประธานกู่มาแล้วหรือยัง?”
แขกรับเชิญที่จะมามอบรางวัลได้ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมาเปลี่ยนคนตอนนี้ก็คงไม่ทันการณ์
คงทำได้เพียงหาคนมาแทน
“เหมือนว่าจะมาแล้วนะคะ”
“เหมือนว่า? รีบไปดูให้แน่ใจซะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ให้รีบเปลี่ยนคนเลย”
หลังวางสายไป ทีมงานผู้รับผิดชอบรีบเข้าไปในสถานที่จัดงานมอบรางวัลผ่านประตูด้านข้าง
แต่นอกเหนือจากแสงสลัว ๆ บนเวทีแล้ว ด้านล่างเวทีก็มืดมาก ๆ
พอมองไปรอบ ๆ ก็ดูไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร
ดีที่เธอมองเห็นซูหยินที่นั่งอยู่แถวหน้า “คุณซูคะ รองประธานกู่มาหรือยังคะ?”
“ยังไม่มาค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผู้รับผิดชอบรู้สึกได้ถึงสถานการณ์ฉุกเฉินที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอไม่ได้รีบแก้ปัญหา แต่กลับพูดถึงปัญหาที่พบอย่างอดทน
ด้วยแววตาดูมีความหวัง “คุณซูโย่วอี๋คะ ประธานลู่จะมาไหมคะ?”
“ขอโทษทีนะคะ ฉันเองก็ไม่แน่ใจ”
เมื่อผู้รับผิดชอบตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เสียงของฮันเจ๋อเหยียนก็ดังขึ้นมา “ผมไปมอบรางวัลให้เอง”
ผู้รับผิดชอบดีใจมาก “ขอบคุณมากค่ะ ๆ อีกสักครู่จะมีทีมงานมาชี้แนะเรื่องการขึ้นเวทีให้คุณล่วงหน้านะคะ”
พอสิ้นเสียงนั้น พิธีกรก็ขึ้นไปบนเวทีและเริ่มพูดขึ้น ทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาทันที
ทีมงานที่รับผิดชอบค่อย ๆ ถอยออกไป
ซูโย่วอี๋ถูกพิธีประกาศรางวัลบนเวทีดึงดูด จึงไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์ที่ไม่ดีอีก
ละครรักในฝันได้รับรางวัลเหรียญทองสาขาละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
ซูโย่วอี๋เองก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก
ฮันเจ๋อหยางก้าวลงจากเวทีพร้อมกับถ้วยรางวัล เขายื่นมันให้ซูโย่วอี๋ด้วยความดีใจ “น้องสาว มาเร็ว มีความสุขด้วยกัน”
ฮันเจ๋อเหยียนพูดขึ้นมานิ่ง ๆ “โย่วอี๋ก็มีถ้วยรางวัลของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรับความสุขของแกหรอก”
“จะได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย”
มุมปากของฮันเจ๋อเหยียนยกโค้งขึ้น “งั้นแกคิดว่าฉันจะได้มอบรางวัลให้ใคร?”
แน่นอนว่าได้มอบให้กับน้องสาวของเขาเอง
ไม่งั้นเขาคงไม่มางานนี้ และก็คงไม่มานั่งเฉย ๆ แล้วจากไปหรอก
ต่อมา ซูหยินก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม แต่ซูโย่วอี๋กลับกอดถ้วยรางวัลของเพื่อนสาวไว้ในอ้อมแขนราวกับของรักของหวง
ฮันเจ๋อหยางพูดขึ้นอย่างงอน ๆ “น้องสาว นอกจากตัวอักษรด้านบนที่ไม่เหมือนกัน ตัวถ้วยรางวัลของเราก็ไม่ต่างกันเลยนะ”
ทำไมถ้วยรางวัลของเขาถึงดูไร้ค่าไปได้ล่ะ?
“ต่อไปเป็นการประกาศรายชื่อนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม คนที่เข้ารอบชิงรางวัลได้แก่ ซูโย่วอี๋จากละครเรื่องรักในฝัน หวงเหมยจากละครเรื่องรักนี้เพื่อชาติ สวีฉายฮุ่ยจากละครเรื่องสายใยรัก อูเข่อจากละครเรื่องตอนอายุสิบแปด”
“ใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปได้กันนะ? ขอเรียนเชิญฮันเจ๋อเหยียน ประธานกรรมการบริษัทฮันกรุ๊ปเพื่อประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลให้พวกเราทราบด้วยครับ”
ฮันเจ๋อเหยียนจัดชุดสูทของตัวเองและค่อย ๆ ลุกขึ้น “น้องสาว พี่ไปรอเธอบนเวทีนะ”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นและสบตาเข้ากับดวงตาอันอ่อนโยนของเขาเข้าพอดี
คำว่าน้องสาวที่ออกมาจากปากของฮันเจ๋อเหยียนทำให้เธอรู้สึกแปลก ๆ
เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นเหมือนเธอกำลังได้รับความรัก
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ค่ะ”
ขายาว ๆ ของฮันเจ๋อเหยียนก้าวขึ้นไปบนเวที เขาเปิดใบรายชื่อของผู้ที่ได้รับรางวัลออกมา
“ผู้ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากงานแมกโนเลียครั้งที่ 48 ได้แก่… ซูโย่วอี๋จากละครเรื่องรักในฝันครับ!”
แสงไฟสาดส่องมายังหัวของซูโย่วอี๋ ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของค่ำคืนนี้ไปในทันที
ฮันเจ๋อเหยียนยื่นมือขวาออกมาเพื่อเป็นการเชื้อเชิญ “ขอเชิญคุณซูโย่วอี๋ขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นยื่น ซูหยินและฮันเจ๋อหยางเดินออกมาช่วยเธอจับกระโปรงยาว ๆ จนกระทั่งถึงเวทีจึงปล่อยมือออก
พิธีกรพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “มีผู้พิทักษ์ดอกไม้อย่างคุณซูอยู่เต็มไปหมดทุกที่เลยนะครับ”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมาและยืดอกขึ้น พร้อมเดินไปทางฮันเจ๋อเหยียนด้วยท่าทางอันสง่างาม
อีกฝ่ายยืนนิ่งมองเธอที่เดินเข้าไปหา
คนเชิญรางวัลยื่นถ้วยรางวัลไปให้ ฮันเจ๋อเหยียนยกมือขึ้นเพื่อจะรับมันมา
แต่กลับคว้าไปไม่ถึง…
เพราะมีมือเรียวยาวคว้าถ้วยรางวัลตัดหน้าเขาไปก่อน “ไม่รบกวนประธานฮันแล้วครับ”