Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 305 โทรหาตำรวจ
บทที่ 305 โทรหาตำรวจ
บทที่ 305 โทรหาตำรวจ
“พี่คะ” เสียงที่แผ่วเบานั้นเต็มไปด้วยความกลัว
เมื่อคุณกัวเห็นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที
ส่วนกัวหลินหลินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกยิ้ม “คุณฮัน อาจารย์โย่วโย่ว พ่อของฉันค่อนข้างเข้มงวดและห่วงภาพลักษณ์ เขาเลยไปทำให้คนอื่นไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว”
“ฉันขอโทษคุณแทนเขาด้วยนะคะ ขอโทษค่ะ”
“หลินหลิน” คุณกัวรู้สึกเสียใจ
เขามาที่นี่ก็เพื่อมาสนับสนุนลูกสาว แต่ตอนนี้เธอมาขอโทษแทน
สายตาของคุณกัวเฉียบคม “คุณฮันจะเถียงกับผู้อาวุโสอย่างผมเหรอครับ?”
ระหว่างที่ปะทะคารมกันอยู่นั้นเอง ผู้กำกับก็สังเกตเห็นความผิดปกติ “คุณฮันมาที่นี่ด้วยเหรอครับ?”
“ผมแค่ผ่านมาน่ะ”
ผู้กำกับเก่งเรื่องคลี่คลายความตึงเครียด “ผมนี่โชคดีจริง ๆ ทั้งที่ปกติแล้วคุณฮันมักยุ่งอยู่ตลอดแท้ ๆ เรียกได้ว่าหาตัวจับยากเลยนะครับ”
จากนั้นเขามองไปที่คุณกัวที่อยู่ข้าง ๆ “คุณกัว ทำไมคุณถึงจริงจังนักล่ะครับ หลินหลินจะเดบิวต์คืนนี้อยู่แล้ว คุณอย่าทำเสียบรรยาศเลยดีกว่า”
“มา ๆ เรามาดื่มกับคุณฮันกันดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่ฮันเจ๋อเหยียน “ได้ใช่ไหมครับ? คุณสะดวกหรือเปล่า?”
“สะดวก”
ฮันเจ๋อเหยียนยิ้มเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่แก้วไวน์บนโต๊ะ “นายพลกัวเป็นนักดื่มตัวฉกาจ ผมว่าเรามาดื่มเจ้านี่กันเถอะ”
คุณกัวไม่คาดคิดว่าฮันเจ๋อเหยียนจะใช้วิธีของเขาจัดการตัวเขาเอง
“คุณแน่ใจเหรอ?”
ฮันเจ๋อเหยียนยืนกราน “แน่ใจ”
ไวน์คุณภาพดีถูกเทลงในแก้ว
หมดไปหนึ่งขวด…
สองขวด…
ซูโย่วอี๋ตกใจกับภาพนี้ ก่อนดึงที่มุมเสื้อของฮันเจ๋อเหยียนไว้ “พี่คะ พี่ไม่จำเป็นต้องดื่มก็ได้”
ใช่ เธอโกรธ แต่เมื่อเทียบกับฮันเจ๋อเหยียนที่ยอมสละสุขภาพของเขาเพื่อเธอ เธอต้องห้ามเขาเอาไว้
ซูโย่วอี๋ยอมโมโห แต่อย่างน้อยคนของเธอก็ไม่ต้องมาเสียสละ
ฮันเจ๋อเหยียนเอียงศีรษะ จมูกของเขาโด่งเป็นสันสวย
ริมฝีปากบางโค้งขึ้น “ไม่ต้องห่วง”
คุณกัวหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาก่อน “เชิญคุณฮัน”
ผู้กำกับไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้เสนอตัวดื่มด้วย
เขาไม่มีเอี่ยวกับเรื่องนี้!
ฮันเจ๋อเหยียนหยิบแก้วไวน์ขึ้น จากนั้นเงยหน้าแล้วดื่มทันที
ไม่เหมือนคุณกัวที่รีบดื่ม ฮันเจ๋อเหยียนดื่มตามจังหวะของเขาเอง
ไม่เร็วไม่ช้า
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ
คุณกัวหยุดไปสองครั้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำเหมือนพร้อมจะอาเจียนตลอดเวลา
ส่วนฮันเจ๋อเหยียนวางแก้วไวน์ลงโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “นายพลกัว ผมยอมแพ้คุณ”
คุณกัวบังคับตัวเองให้จิบครั้งสุดท้าย หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับฟ้าร้อง ร่างกายเริ่มสั่นไหว
กัวหลินหลินเข้ามาพยุงเขาอย่างรวดเร็ว “พ่อคะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
คุณกัวเดินช้าลงและตบไหล่ลูกสาวที่น่ารักของเขา “ไม่เป็นไร”
กัวหลินหลินตำหนิเขา “ประธานฮัน อาจารย์โย่วโย่ว พ่อของฉันอายุมากแล้วนะคะ เขาดื่มไวน์มากไม่ได้ พวกคุณทำเกินไปแล้ว”
ซูโย่วอี๋พูดอย่างเย็นชา “คุณหนูกัว พ่อของเธอเป็นคนเอาไวน์มาเอง และพ่อของเธอก็ยกแก้วก่อนด้วย”
“เขาอยากสนุก พี่ชายของฉันก็เลยทำตามที่เขาต้องการ เธอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?”
“ตอนพ่อคุณต้องการดื่มกับฉัน ฉันไม่เห็นเธอพยายามเกลี้ยกล่อมเขาเลย?”
“ในเมื่อนายพลกัวอยากดื่มขนาดนั้น ฉันคิดว่านายพลกัวดื่มได้สบาย ๆ ซะอีก”
กัวหลินหลินพูดไม่ออก เธอคิดเป็นเวลานานและพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยค “เพราะอาจารย์โย่วโย่วยังเด็ก”
“นายพลกัวเลยใช้ความอาวุโสบังคับคนอื่นได้งั้นเหรอ?”
ฮันเจ๋อเหยียนชำเลืองมองน้องสาวของเขาอย่างชื่มชม เธอพูดได้เจ็บแสบจริง ๆ
เธอไม่ใช่คนที่ยอมคน
ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่เธอรู้จักปกป้องตัวเอง
กัวหลินหลินมองไปรอบ ๆ และพบว่าไม่มีใครช่วยเธอได้ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไปพร้อมกับพ่อ
ทันใดนั้น ฮันเจ๋อเหยียนถามว่า “เธออยากกินต่อหรือกลับกับพี่?”
“กลับกันเถอะค่ะ”
หลังจากเรื่องวุ่นวาย ซูโย่วอี๋ก็ไม่มีอารมณ์กินเลี้ยงอีกต่อไป
“รอฉันสักครู่นะคะ”
ฮันเจ๋อเหยียนพยักหน้า
ซูโย่วอี๋ไปหาอวี๋ชิงจ้าว “ฉันต้องไปก่อน แล้วเธอล่ะ?”
“ฉันว่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”
จากนั้นซูโย่วอี๋ตามฮันเจ๋อเหยียนออกไป
ทันทีที่ฮันเจ๋อเหยียนเดินออกจากห้องส่วนตัว เขาก็ตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรีบร้อน
ส่วนซูโย่วอี๋เองก็ตามไปติด ๆ แต่ก่อนที่เธอเข้าไปใกล้ เธอก็ได้ยินเสียงอาเจียนของฮันเจ๋อเหยียนเสียก่อน
“พี่คะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ข้างในเงียบไปครู่หนึ่ง “ออกไปก่อนเถอะ”
แล้วก็มีเสียงอาเจียนดังออกมาอีก
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว ที่ฮันเจ๋อเหยียนเป็นอย่างนี้เพราะดื่มเหล้าไปจำนวนมาก
“เจ้าจิ้งจอกเน่า เอายาแก้อาการเมาค้างมาหน่อย”
เจ้าจิ้งจอกเน่าแสดงความไร้พลังของมัน [คุณลืมไปแล้วเหรอ? ตอนนี้ระบบหยุดให้บริการ]
ซูโย่วอี๋ได้แต่ยืนรอ
เมื่อฮันเจ๋อเหยียนเดินออกมา เขายังคงดูสงบนิ่ง แต่ซูโย่วอี๋รู้ว่าเขาอึดอัดแค่ไหน
เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง
ฮันเจ๋อเหยียนปลอบใจเธอว่า “ตอนดื่มนี่เร็วพอ ๆ กับตอนบ้วนทิ้งเลย”
ก่อนเขาจะเสริม “ฉันยังเด็ก”
คุณกัวต้องรู้สึกไม่ดีมากกว่าเขาแน่
ซูโย่วอี๋รู้สึกขบขัน “พี่ไปดื่มแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าฉันยืนกรานที่จะไม่ดื่ม เขาก็ทำอะไรฉันไม่ได้”
“ในเมื่อเธอเรียกฉันว่าพี่แล้ว ฉันจะทนดูเธอถูกรังแกได้ยังไง”
หัวใจของซูโย่วอี๋เต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่คะ”
“หืม?”
“ดีจังที่มีพี่อยู่”
ฮันเจ๋อเหยียนยิ้ม “เธอคิดจะกลับมาที่ตระกูลฮันบ้างไหม?”
ซูโย่วอี๋กระพริบตา “บางทีฉันอาจจะคิดมากกว่าเมื่อก่อน”
“งั้นไวน์วันนี้ก็ไม่เสียเปล่า”
ซูโย่วอี๋มีรถตู้ของเธอเอง แต่ฮันเจ๋อเหยียนยังคงยืนกรานที่จะพาเธอกลับบ้าน
ระหว่างทาง ฮันเจ๋อเหยียนได้เชิญซูโย่วอี๋เข้าร่วมการถ่ายทำวิดีโอปีใหม่ของฮันกรุ๊ป
ซูโย่วอี๋เองก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก “วิดีโอปีใหม่เหรอคะ?”
ฮันเจ๋อเหยียนอธิบายต่อ “ฮันกรุ๊ปจะถ่ายทำวิดีโอสั้นความยาว 1 นาทีของวันส่งท้ายปีเก่าทุกปี ซึ่งมันเต็มไปด้วยวัฒนธรรมองค์กร ประเพณีนี้เริ่มตั้งแต่ปีที่สามของการจัดตั้งฮันกรุ๊ปน่ะ”
นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการโปรโมตฮันกรุ๊ป
ซูโย่วอี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเขาเชิญคนดังมาถ่ายทำด้วยเหรอคะ?”
“ไม่ ปกติมักถ่ายเฉพาะคนตระกูลฮัน”
ในอดีต ทุกปีจะมีเพียงห้าคนคือ คุณชายและคุณนายฮัน ฮันเจ๋อเหยียน ฮันเจ๋อหยาง และฮันเอินจี
ฮันเจ๋อหยางและเอินจีมาจากวงการบันเทิง โดยเฉพาะฮันเจ๋อหยางที่มีแฟน ๆ มากมาย ด้วยชื่อเสียงของพวกเขา แม้ในด้านความแข็งแกร่งโดยรวม ฮันกรุ๊ปจะอยู่ในอันดับที่สอง แต่ชื่อเสียงก็เทียบเท่าได้กับตระกูลลู่
ซูโย่วอี๋ไม่ตอบรับในทันที การตกลงที่จะถ่ายทำวิดีโอส่งท้ายปีเก่าถือเป็นการยอมรับตัวตนของเธอในฐานะตระกูลฮันในทางอ้อม
“ขอฉันคิดดูก่อนนะคะ”
ก่อนแยกกัน เธอถามขึ้น “ฮันเอินจีจะไปไหมคะ?”
“ใช่”
ดวงตาของฮันเจ๋อเหยียนฉายแววรู้สึกผิด
ซูโย่วอี๋คล้ายจะคล้อยตามอารมณ์ของเขา จึงไม่รู้สึกอึดอัดใด ๆ “ตกลงค่ะ ฉันจะไป”
ซูโย่วอี๋เดินผ่านประตูคอนโด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนตรงในทันที “คุณซู เลิกงานแล้วเหรอครับ?”
“ค่ะ”
“มีคนส่งพัสดุถึงคุณ อยู่ตรงนั้นน่ะครับ ให้ผมไปส่งให้ไหมครับ?”
“ขอบคุณค่ะ แต่มันไม่หนัก ฉันเอาไปเองได้ค่ะ”
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ซูโย่วอี๋รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้ เธอจึงทิ้งพัสดุนั้นไว้ที่ประตู จากนั้นอาบน้ำล้างหน้าและหลับไป
ในเวลานี้ ที่อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก นิตยสารรายสัปดาห์กำลังจัดการประชุมระดับสูง
ทุกคนทำอะไรไม่ถูก
หัวหน้ากองบรรณาธิการหยิบรูปถ่ายบนโต๊ะขึ้นมาและอดที่จะยืนมองเรือนร่างอันสวยงามไม่ได้ แผ่นหลังที่เปลือยเปล่านั้นเรียบเนียนราวกับน้ำนมตัดกับชุดผ้าไหมสีเขียวเข้มดึงดูดสายตามาก
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของแมวแร็กดอลล์ปิดลงครึ่งหนึ่ง-Itพิงหลังของหญิงสาวอย่างออดอ้อน
มันงดงามมาก
“ทำไมฉันถึงหาไม่เจอ รูปนี้ส่งมาที่อีเมลของบริษัทไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ส่งอีเมล์มาอยู่ในจีนค่ะ”
หัวหน้ากองบรรณาธิการครุ่นคิด “คนจีนเหรอ?”
“น่าจะใช่นะคะ”
หัวหน้ากองบรรณาธิการไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่สมัครเข้ามาถึงไม่ทิ้งข้อมูลติดต่อของเธอไว้
ตั้งใจหรือลืมกันแน่?
ไม่มีความคืบหน้าในการพูดคุย เพราะหัวหน้ากองบรรณาธิการไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป
“ส่งภาพไปที่เว็บไซต์ทางการของนิตยสารในเช้าวันพรุ่งนี้ ดูว่ามีใครมาอ้างสิทธิ์หรือเปล่า”
เคลลี่ขมวดคิ้ว “แต่หัวหน้าคะ มันอาจมีคนมาแอบอ้างได้นะคะ”
หลายคนคงจะมาบอกว่าพวกเขาเป็นคนถ่ายภาพ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบ
“นี่เป็นความคิดของคุณไม่ใช่เหรอ? ภายในสามวัน หากไม่มีใครอ้างสิทธิ์ หรือไม่สามารถหาคนที่ถ่ายภาพได้จริง ๆ เราจะประกาศให้ผู้ชนะภาพหน้าปกเป็นลำดับรองชนะเลิศ”
อันดับที่ 2 คือนางแบบที่ชื่อเอสเธอร์
แม้เคลลี่จะรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ทำได้เพียงรับไว้
เมื่อคิดว่าเธออาจต้องติดต่องานกับเอสเธอร์ในอนาคต เธอจึงแทบรอไม่ไหวที่จะตรวจสอบเพื่อค้นหาคนที่ได้อันดับหนึ่ง
วันต่อมา ภาพถ่ายของหญิงสาวชาวจีนเริ่มแพร่กระจายไปบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็นเต็มไปด้วยคำชม [โอ้พระเจ้า มันสวยมาก]
[แผ่นหลังของเธอช่างสวยงามดุจกุหลาบบัลแกเรีย]
[ก่อนอื่นฉันขอประกาศก่อนเลยว่าฉันชอบผู้ชาย แต่รูปนี้โดนใจฉันจริง ๆ สวยมาก!]
[นั่นไม่ใช่ไหล่ แต่เป็นกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งปานามา]
[นี่คือนางแบบที่ดีคนหนึ่ง ออกมามอบตัวเร็ว ก่อนเลิกงานวันนี้ ฉันอยากรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง]
[แมวก็น่ารักสุด ๆ]
ราวกับความงดงามทั้งหมดในโลกได้มารวมอยู่ในภาพของหญิงสาวที่พวกเขาไม่เห็นแม้แต่ใบหน้า
ซูโย่วอี๋ตื่นขึ้น เธอไม่รู้ว่าภาพแผ่นหลังของเธอแพร่กระจายไปบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
เธอเดินไปที่ห้องครัวอย่างไม่เร่งรีบเพื่อปิ้งขนมปังสองแผ่น ทาแยมบลูเบอร์รี่อย่างปราณีต และนำมากินคู่กับนม
แต่แล้วโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเธอรับสายก็เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
หลังจากเชื่อมต่อ เธอกดปุ่มลำโพงแล้ววางมันลงบนโต๊ะ จากนั้นซูโย่วอี๋หยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาเพื่อเตรียมแกะพัสดุ
“[คุณซู]”
ซูโย่วอี๋หยุดชะงัก “กู่อวี๋เฉิง?”
“[ผมเอง]”
เสียงของเขาฟังดูสั่น ๆ “[ผมติดต่อซูหยินไม่ได้]”
ซูโย่วอี๋นิ่งเงียบไป “เล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อย”
“[ซูหยินสอบวิชาเอกการออกแบบแฟชั่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อเช้าวานนี้ และบอกผมในตอนบ่ายว่าเธอจะไปดูความคืบหน้าของการตกแต่งบ้าน ตอนแรกผมตั้งใจจะไปรับเธอหลังเลิกงาน แต่เธอส่งข้อความมาว่าจะไปพบคุณในตอนเย็น]”
“[เมื่อคืนผมโทรหาเธอ แต่เธอไม่รับสาย]”
ในเวลานั้น กู่อวี๋เฉิงไม่คิดว่ามีปัญหาใหญ่ แต่เมื่อเช้านี้เขายังติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ กู่อวี๋เฉิงจึงเริ่มตื่นตระหนก
ซูโย่วอี๋โยนของในมือทิ้ง “เธอไม่ได้มาหาฉัน”
ซูหยินโกหกทำไมกัน?
“อย่ากังวลค่ะ ฉันจะขึ้นไปดูชั้นบนให้”
หลังจากวางสาย ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ซูหยินบอกว่าตราบใดที่เป็นสายของคนสำคัญ เธอจะรับสายแม้ว่าเธอจะอยู่ในทะเลเพลิงก็ตาม
หลังจากเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ซูโย่วอี๋ก็ไม่เคยเจอกับสถานการณ์ที่เธอติดต่อไม่ได้แบบนี้
เมื่อเปิดประตูชั้นบน รองเท้ากระต่ายของซูหยินถูกวางไว้ที่ประตูอย่างระเกะระกะ
ในห้องเย็นยะเยือกและหนาวจัด
เธอเข้าไปดูทุกห้องอย่างไม่ลังเล แต่ก็ไม่พบเลย
ซูโย่วอี๋โทรหากู่อวี๋เฉิงทันที “โทรหาตำรวจ”