Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 320 พวกเราเลิกกันเถอะ
บทที่ 320 พวกเราเลิกกันเถอะ
บทที่ 320 พวกเราเลิกกันเถอะ
พยาบาลสาวดันให้เธอนอนลงและปลอบเบา ๆ “เด็กดี แค่รับการรักษาเล็ก ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
ไม่ไกลออกไป คุณหมอกำลังถือเข็มฉีดยาเพื่อฉีดยาสลบในเธอ หมอใช้นิ้วชี้จับเข็มฉีดยาและกดลงไปสองที ยาในเข็มพุ่งออกมา
ดวงตาของคุณหมอแสดงให้เห็นว่าเขาจะเริ่มฉีดยาสลบให้แล้ว
ผู้ช่วยรีบเข้ามากดมือของซูหยินเอาไว้ในทันที
ความรู้สึกปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซูหยินมองดูคุณหมอที่ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ ทันใดนั้นเธอก็เริ่มขัดขืนขึ้นมา “ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากฉีดยา”
พยาบาลจับเธอเอาไว้ไม่ไหวจนถูกเธอสลัดออก
คุณหมอกระตุกคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ “คนตั้งเยอะ มัวทำอะไรอยู่?”
“คุณหมอเหลียง ตอนนี้อารมณ์ของซูหยินไม่ดีเอามาก ๆ ค่ะ ให้คุณกู่เข้ามาดูหน่อยดีไหมคะ?”
“ดูอะไรอีก? มีอะไรให้น่าดูกัน? คุณกู่ลงชื่อไปแล้ว เขาเห็นด้วยว่าไม่ต้องการเด็กคนนี้ หรือคุณคิดว่าเขาจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ?”
พยาบาลก้มหน้าลง “ค่ะ”
และใช้แรงทั้งหมดที่มีจับตัวซูหยินเอาไว้
ดวงตาของซูหยินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อยากจะขยับก็ขยับไม่ได้
ในสายตาของเธอ คุณหมอและพยาบาลที่สวมชุดคลุมสีขาวนั้นกลายเป็นปีศาจตัวร้ายไปแล้ว หัวใจของซูหยินเหมือนถูกฟ้าผ่า
ตุบ!
ตุบ!!
ความต้องการมีชีวิตอยู่เดือดพล่านไปทั่วตัวของเธอ เธอพยายามอย่างหนักเพื่อทำลายกุญแจมือที่คุมขังเธอเอาไว้
ทันใดนั้นเธอก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอได้กลิ่นหอมของต้นกล้าต้นเล็ก ๆ สมองของเธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา
ลูกของเธอ!
เสียงที่ต้องการปกป้องตัวเองดังขึ้น “คุณหมอเหลียง ฉันไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง”
เข็มฉีดยานั้นหยุดลงและไม่เข้าไปใกล้เธอได้อีก
คุณหมอมองดวงตาสีดำเข้มของซูหยิน เธอดูไม่เหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องคนก่อนหน้านี้เลย
เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณได้สติแล้วงั้นเหรอ?”
ซูหยินผลักคนที่จับเธอเอาไว้ออกและลุกขึ้นนั่ง “ไม่งั้นจะทำไม?”
“จะให้คุณทำร้ายลูกของฉันงั้นเหรอ”
“คุณ… ซูหยิน พวกเราทำเพราะหวังดีกันคุณนะครับ”
น้ำเสียงประชดอันเย็นชาของซูหยินตอบกลับ “คุณควรจะดีใจนะที่ฉันได้สติมาทันเวลา ไม่งั้นฉันจะฟ้องให้คุณล้มละลายแน่”
ประตูห้องผ่าตัดถูกเปิดออก
กู่อวี๋เฉิงเงยหน้าขึ้น คนที่เดินนำออกมาก่อนไม่ใช่คุณหมอ แต่เป็นซูหยิน
ผมสั้น ร่างกายผอมบาง แต่ใบหน้านั้นไร้อารมณ์
เขายกคิ้วที่ดูมีเสน่ห์ขึ้น แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความเคร่งขรึมเท่านั้น
กู่อวี๋เฉิงไม่กล้าก้าวออกไปด้านหน้าเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ความคิดในใจของเขากำลังร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เธอกลับมาแล้ว!
กู่อวี๋เฉิงไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกตอนนี้อย่างไร ท่ามกลางความประหลาดใจ มันเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
ซูหยินเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวตามองราวกับว่าไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อน
“ซูหยิน”
กู่อวี๋เฉิงส่งเสียงออกมา “ความจำของคุณกลับมาแล้วใช่ไหม?”
ซูหยินไม่ได้หันกลับไป “ใช่”
มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมาเล็กน้อย “คุณไม่มีโอกาสได้ฆ่าลูกของฉันแล้ว”
“เขาเป็นลูกของพวกเรา แต่ตั้งแต่ตอนที่คุณตัดสินใจจะเอาเขาออกไป เขาก็เป็นลูกของฉันแค่คนเดียว”
“ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก”
กู่อวี๋เฉิงรั้งเธอเอาไว้ “ซูหยิน อย่าพึ่งวู่วาม”
“ฉันใจเย็นมาก” ซูหยินดึงมือเขาออก “กู่อวี๋เฉิง พวกเราจบกันแล้ว”
…
ภารกิจจบลง ซูโย่วอี๋ได้ค่าตอบแทนเป็นเม็ดช็อกโกแลต 8 เม็ด เธอรีบแลก [ยารักษาอาการเสพติด] ในระบบทันที
ระหว่างทางกลับไปโรงพยาบาล ซูโย่วอี๋ยิ้มปากไม่หุบ
สุนัขจิ้งจอกมีท่าทีขี้เกียจ [ซู่จู่ ใจเย็น ๆ หน่อย!]
“ใจเย็นไม่ไหวแล้ว ถ้ามียานี้หยินหยินก็จะหายจากการเสพติดได้ นี่มันคือเรื่องสุดแสนจะสำคัญเลย เข้าใจไหม?”
“ฉันอยากจะจุดปะทัดฉลองเลยล่ะ”
เมื่อเดินผ่านร้านสะดวกซื้อ ซูโย่วอี๋จึงแวะซื้อโอเด้งและขนมคบเคี้ยว
ก่อนที่จะถึงห้องพักคนไข้ พยาบาลยืนมองเข้าไปในนั้นเป็นครั้งคราวอยู่ที่หน้าประตู
ในใจของซูโย่วอี๋บีบแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เธอรีบเดินเข้าไป “ทำไมคุณถึงมาอยู่ข้างนอก? หยินหยินล่ะ?”
เมื่อพยาบาลเห็นว่าเป็นเธอจึงชี้ไปในห้องพักคนไข้ แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาเลย
ซูโย่วอี๋เกิดความสงสัย เธอผลักประตูและเดินเข้าไป กู่อวี๋เฉิงยืนอยู่ในห้อง โดยที่ซูหยินกำลังเล่นเกมอยู่
เธอวางถุงลง ซูโย่วอี๋ยิ้ม “หยินหยิน ดูสิว่าฉันซื้ออะไรมาให้เธอ?”
ซูหยินเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าขาวราวหิมะนั้นดูเงียบขรึม “โอเด้ง ของหากินยากเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่าเธอชอบกิน…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ซูโย่วอี๋ก็นิ่งค้างไป หลังจากความจำเสื่อมหยินหยินก็ชอบกินโอเด้งมาก คนที่ไม่ชอบกินมีเพียงแค่ซูหยินเมื่อก่อนเท่านั้น!
“เธอ… ดีขึ้นแล้วเหรอ?”
ซูหยินลงจากเตียงและดึงมือของซูโย่วอี๋เอาไว้ “อืม ฉันจำทุกอย่างได้หมดแล้ว”
“ที่รัก ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉันทำเธอลำบากมากเลยใช่ไหม”
จมูกของซูโย่วอี๋เริ่มสั่นไหว “ฉันไม่กลัวความลำบากสักหน่อย”
เธอแค่กลัวว่าหยินหยินจะลำบาก
“ทำไมอยู่ดี ๆ เธอถึงดีขึ้นมาได้ล่ะ?”
ดวงตาสีเข้มของซูหยินมองไปยังกู่อวี๋เฉิงที่ยืนนิ่งราวกับขอนไม้ “เขาใช้โอกาสตอนที่เธอไม่อยู่ทำร้ายลูกของฉัน”
“ยังดีที่สุดท้ายฉันก็จำได้ซะก่อน”
ซูโย่วอี๋สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “รองประธานกู่ ฉันจำได้ว่าฉันพูดไปแล้วนะคะว่าฉันมีวิธีที่จะทำให้เด็กแข็งแรงได้อย่างแน่นอน ทำไมคุณถึงยืนยันที่จะเอาเด็กออกอยู่อีก?”
คิ้วเข้ม ๆ ของกู่อวี๋เฉิงกระตุกเล็กน้อย “คุณจะเอาอะไรมารับประกัน?”
“เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการของคุณ ผมเชื่อคำวินิจฉัยของหมอมากกว่า”
ซูโย่วอี๋โพล่งออกมา “ก็เพราะว่าฉันมีระบบไง!”
แต่เนื่องจากกลไกการป้องกันตัวเองของระบบ เธอจึงไม่สามารถพูดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว
แต่ในมุมมองของคนอื่น นี่เป็นเพียงแค่อาการอารมณ์ปั่นป่วนจนทำให้คำพูดหายไป
ซูหยินบีบฝ่ามือของเธอ “ไม่ต้องพูดอะไรกับเขา รองประธานกู่ต้องการเอาเด็กออกขนาดนี้ คงจะคิดว่าตัวฉันเด็กสกปรกจนทำให้ตระกูลกู่ของเขาต้องขายหน้าล่ะมั้ง”
“เขาเลยอยากจะรีบเอาเด็กออกเพื่อที่จะได้ตัดความสัมพันธ์กับฉัน”
ซูหยินมองไปยังกู่อวี๋เฉิงอย่างนิ่งเฉย “ฉันบอกไปแล้วว่าพวกเราเลิกกัน คุณเป็นอิสระแล้ว”
สายตาของกู่อวี๋เฉิงดูหวั่นไหว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า “ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ”
“แต่คุณทำแบบนั้นไปแล้วไง”
“ที่ต้องเอาเด็กออกก็เพราะกังวลเรื่องความแข็งแรงของเด็ก”
“ใครจะไปรู้ล่ะ?” ซูหยินไม่สนใจ “เชิญออกไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณแล้ว”
ท้ายที่สุดกู่อวี๋เฉิงก็เดินออกไป
“เรื่องเลิกกัน ผมขอปฏิเสธ”
หลังจากทิ้งประโยคนี้เอาไว้ เขาก็พาร่างกายอันอ่อนล้าของตัวเองออกไปจากห้องพักคนไข้
ซูหยินกำลังกินข้าวเย็น เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้นก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเลย
แม้ว่าซูโย่วอี๋จะโกรธกู่อวี๋เฉิงจนถึงขั้นที่กำลังคิดหาทางจัดการเขาอยู่ แต่ในความเป็นจริง ถ้าไม่มีระบบ เธอเองก็คงไม่เลือกเอาเด็กไว้หรอก
ความเป็นไปได้ที่เด็กจะผิดปกติมีสูงมากขนาดนี้ ถ้าเอาเด็กไว้ก็เหมือนเป็นการไม่รับผิดชอบต่อของตัวเด็กเลย
“หยินหยิน รองประธานกู่เองก็หมดหนทางแล้วจริง ๆ เธออย่าโทษเขาเลยนะ”
“ฉันไม่เคยโทษคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยอยู่แล้ว ไม่พูดเรื่องเขาแล้วดีกว่า”
นั่นทำให้คำพูดปลอบโยนของซูโย่วอี๋ติดอยู่ในลำคอ
“งั้นพวกเราพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า พรุ่งนี้พวกเราออกจากโรงพยาบาลกันนะ”
เธอคิดมาแล้วว่า [ยารักษาอาการเสพติด] จะสามารถรักษาอาการติดสารเสพติดของหยินหยิน แต่ต้องไม่ให้ทางโรงพยาบาลรู้เรื่อง พอดีกับที่มีเรื่องทำแท้งมาอ้างและแกล้งทำเป็นมีเรื่องก็จะออกจากโรงพยาบาลไปได้โดยไม่มีใครสงสัย
หยินหยินเองก็ดูไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย “ตกลง”
การทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ทางโรงพยาบาลเองก็พอจะรู้ดีว่าเรื่องการทำแท้งนั้นไม่ถูกต้อง จึงยินยอมให้ซูหยินออกจากโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะจากไป คุณหมอส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “คุณซู คุณพาตัวคุณซูหยินย้ายไปที่โรงพยาบาลอื่นได้ครับ แต่ผมก็ยังอยากจะแนะนำให้พวกคุณเอาเด็กออก”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้พูดอะไรมากและพาซูหยินออกไป
โดยมีลู่เฉินขับรถมารับพวกเธอสองคน
ซูหยินพูดน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ก่อนขึ้นรถเธอแค่ทักทายลู่เฉินนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เธอเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
ซูโย่วอี๋มองเธออยู่บ้างเป็นครั้งคราวและพบว่าซูหยินกำลังเหม่อลอย
ตอนที่รถจอดลงที่เป่ยสืออี้ผิน ซูหยินจึงพูดขึ้นมา “ประธานลู่ รบกวนคุณไปส่งฉันที่เทียนฮวาทีค่ะ”
เทียนฮวาเป็นบ้านที่อยู่ข้าง ๆ มหาวิทยาลัยปักกิ่งที่ซูหยินซื้อเอาไว้ วันที่เกิดเรื่องเธอพึ่งดูภาพบ้านที่ตกแต่งเสร็จไป
ซูโย่วอี๋รู้สึกไม่ดี “บ้านตกแต่งเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม แค่ย้ายเฟอร์นิเจอร์ก็เข้าอยู่ได้เลย”
ซูหยินก้มหน้าลง ช่วงนี้ร่างกายของเธอดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ดูแล้วก็ยังอ่อนแอมากอยู่ดี
ซูโย่วอี๋ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ฉันจะแชร์กับเธอด้วย แล้วเรามาอยู่ด้วยกันนะ”
ซูหยินตอบกลับแค่คำว่าอืม
ลู่เฉินออกรถอีกครั้งเพื่อไปส่งพวกเธอที่เทียนฮวา
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูโย่วอี๋มาที่บ้านของซูหยิน ในบ้านมีห้องสามห้องกับห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง ห้องตรงกลางสองห้องทุบให้ติดกันเป็นห้องนอนใหญ่
ห้องครัวแบบเปิด หน้าต่างสูงจรดพื้น การตกแต่งเรียบง่ายและดูสบายตา
ซูหยินปลดล็อคประตูด้วยลายนิ้วมือ ภายในนั้นว่างเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย
เธอมองไปรอบ ๆ จู่ ๆ ก็คิดถึงภาพของคน ๆ หนึ่ง
‘คนโง่ ห้องครัวต้องทำเป็นแบบเปิดสิ ถ้าคุณทำกับข้าว แล้วฉันเงยหน้าขึ้นไปก็จะได้มองเห็น’
‘ห้องนอนจะต้องใหญ่ ๆ เวลาอยู่ถึงจะสบาย อย่าทำให้ตัวเองลำบาก’
‘ต้องมีห้อง ๆ หนึ่งเอาไว้ให้ซูโย่วอี๋’
‘ผนังต้องเป็นสีเขียวอ่อน จะได้สบายตา’
‘กระเบื้องต้องเป็นสีขาว ภายในบ้านจะได้สว่าง’
กู่อวี๋เฉิงมักจะมองเธอพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ว่าอะไรก็ดีไปหมด
ซูโย่วอี๋สะกิดซูหยิน “เป็นอะไรไป?”
ซูหยินส่ายหน้า “ฉันอยากไปซื้อเฟอร์นิเจอร์”
และทุกคนก็ไปยังร้านขายเฟอร์นิเจอร์ใกล้ ๆ เพื่อที่จะทำให้ซูหยินมีความสุข ซูโย่วอี๋จึงพยายามเลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างกระตือรือร้น
ตั้งแต่ตัววัสดุ รูปแบบ จนกระทั้งสี
ซูหยินกลับดูไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ขอแค่ซูโย่วอี๋ชอบเธอก็จะบอกว่าดี
ซูโย่วอี๋แกล้งทำเป็นโกรธ “นี่มันบ้านของเธอนะ เธอเป็นคนอยู่ ฉันดูอยู่คนเดียวมันน่าเบื่อจะตาย”
“ฉันชอบหมดเลย”
ซูโย่วอี๋หันไปดูผ้าฝ้ายและยังคงพยายามเลือกต่อไป
เมื่อจะซื้อที่นอน ซูโย่วอี๋ดึงมือซูหยินให้นอนลงเพื่อลองความรู้สึก อยู่ดี ๆ มือของซูหยินก็สั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอจึงรีบวิ่งไปที่มุมอย่างรวดเร็ว
หัวใจของซูโย่วอี๋เต้นแรง ทำไมถึงได้ลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้นะ
อาการเสพติดสารเสพติดของซูหยินยังไม่ได้รับการรักษาจนหาย!
เธอรีบวิ่งตามไป ซูหยินเบียดตัวเขาไปอยู่ในมุมกำแพงเพื่อความปลอดภัย พร้อมกับใบหน้าขาวซีด
เพื่อควบคุมการตอบสนองของร่างกาย เธอใช้เล็บจิกเข้าไปในผิวของตัวเอง จนเป็นรอยช้ำเลือด
ซูโย่วอี๋หยิบ [ยารักษาอาการเสพติด] ออกมาจากระบบและป้อนให้ซูหยินกินเข้าไป
“ไม่เป็นไรแล้ว”
พอซูหยินกินยาเข้าไป ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายในทันที และค่อย ๆ คลายความกังวลลง
เสียงแหบแห้งของซูหยินถามขึ้น “นี่มันยาอะไร?”
ซูหยินรู้จักยาของโรงพยาบาลดี มันไม่มีทางออกฤทธิ์ได้ทันทีอย่างนี้แน่
ซูโย่วอี๋นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าของซูหยิน “หยินหยิน มีบางเรื่องที่อธิบายออกมาไม่ได้ แต่มันมีอยู่จริง ๆ ฉันรับประกันกับเธอเลยว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกับสารเสพติดอีกต่อไปแล้ว”
“ที่ฉันบอกว่าสามารถรับประกันความแข็งแรงของลูกในท้องของเธอได้ก็เป็นเรื่องจริง เธอต้องเชื่อฉันนะ”
ซูหยินจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง “แล้วเธอต้องจ่ายอะไรไปหรือเปล่า?”
“ไม่ต้อง”
ซูหยินกระตุกมุมปากของเธอ “งั้นก็ดี ไปซื้อเตียงกันเถอะ”
เมื่อครู่นี้ที่อยู่ดี ๆ ทั้งสองคนก็ออกไป ทำให้พนักงานไม่พอใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้พอเห็นพวกเธอเดินกลับมา ก็รีบยิ้มและแนะนำสินค้าทันที
พวกเธอซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการจนครบอย่างรวดเร็ว
ซูโย่วอี๋ขอให้ส่งสินค้าภายในวันนี้เลย พอสั่งกับข้าวเสร็จก็รีบกลับบ้านไปดูคนงานติดตั้งเฟอร์นิเจอร์
จนกระทั่งกลางดึกจึงติดตั้งเสร็จ
แต่ภายในห้องยังไม่สามารถให้คนนอนได้ เพราะไม่เพียงแค่ไม่มีผ้าปูที่นอนและผ้าห่มเท่านั้น แต่ทุกที่ในบ้านก็ยังเต็มไปด้วยฝุ่น
“หยินหยิน เธอไปนอนบ้านฉันสักคืน ตกลงไหม? หรือถ้าไม่อยากไป พวกเราไปโรงแรมก็ได้”
เธอจะต้องอยู่เป็นเพื่อนหยินหยิน