Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 340 ไม่เมาไม่กลับ
บทที่ 340 ไม่เมาไม่กลับ
บทที่ 340 ไม่เมาไม่กลับ
ไป๋เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “บุหรี่อันนี้มันแรง ไม่เหมาะสำหรับคนที่พึ่งหัดสูบใหม่ ๆ แต่ถ้าอยากจะลองดูก็ได้นะ”
ซูโย่วอี๋หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนและเอาปากคาบไว้ ทำให้ลิ้นของเธอสัมผัสกับมัน
ไม่มีรสชาติอะไรเลย
ไป๋เสิ่นเฉียวช่วยจุดไฟให้เธอ
ซูโย่วอี๋มองไปยังประกายไฟ เธอสูบควันเข้าไปและรับรู้ได้ถึงรสเผ็ด ๆ ที่เข้าไปในคอ
ดวงตาของเธอชื้นขึ้นมาในทันที
นี่มันแรงมาก!
เห็นเช่นนั้นไป๋เสิ่นเฉียวก็ยกมุมปากขึ้น “บอกแล้วว่ามันแรง เธอก็ยังจะฝืนอยู่อีก ต่อให้เป็นฉันก็ยังไม่กล้าสูบแบบนั้นเลย”
ซูโย่วอี๋รอให้กลิ่นฉุนของบุหรี่ลดลงและใส่บุหรี่เข้าไปในปากอีกครั้ง พร้อมกับค่อย ๆ สูบเบา ๆ และพ่นควันออกมาช้า ๆ
หมอกควันที่ล้อมรอบเธออยู่มันดูขัดแย้งกับตัวเธอมาก
เธอท้องและพึ่งคลอดลูก ทำให้ต้องทำตัวเรียบง่ายเสมอ การแต่งตัวก็ยิ่งดูธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ มองไปแล้วเหมือนพวกผู้หญิงเรียบร้อย ๆ อย่างไรอย่างนั้น
ดูอย่างไรก็ไม่ค่อยเหมาะกับภาพนี้เลย
ไป๋เสิ่นเฉียวกำลังจะบอกให้เธอเลิกสูบได้แล้ว แต่บุหรี่ที่ปากของเธอก็ถูกหยิบออกไปเสียก่อน
พอเงยหน้าขึ้นมอง ลู่เฉิน?
หลังจากนั้น ลู่เฉินก็เอาบุหรี่จากปากของซูโย่วอี๋ไปอย่างไม่เกรงใจ “เสิ่นเฉียว คุณซู การสูบบุหรี่เป็นการทำร้ายร่างกายนะครับ”
ไป๋เสิ่นเฉียวมองเขาด้วยความประหลาดใจ จากที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี ไป๋เสิ่นเฉียวเข้าใจความหวังดีของลู่เฉินที่ต้องการห้ามไม่ให้เธอสูบบุหรี่
แต่การเอาบุหรี่ของซูโย่วอี๋ไปนั้นมันดู… ไร้มารยาทไปหน่อยหรือเปล่า?
ลู่เฉินกระแอมเบา ๆ “เสิ่นเฉียว อย่าให้คุณซูต้องทำอะไรที่ไม่ดีสิ”
ไป๋เสิ่นเฉียว “?”
ซูโย่วอี๋อยากสูบเอง มันเกี่ยวอะไรกับเธอกัน?
ซูโย่วอี๋ไม่ได้เงยหน้ามองลู่เฉิน “ขอโทษทีค่ะ ครั้งต่อไปพวกเราจะออกไปสูบข้างนอก”
ข้อนิ้วของลู่เฉินมีสีขาวจากบุหรี่ติดอยู่ เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองบ้าไปแล้ว
ตอนที่เห็นซูโย่วอี๋สูบบุหรี่ เขารู้สึกทันทีว่าต้องห้ามเธอ
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับเห็นไข่มุกที่กำลังเปื้อนฝุ่นและกำลังปนเปื้อนเข้ากับสิ่งไม่ดี
แต่พอเขาเห็นผู้หญิงคนอื่นสูบบุหรี่ เขากลับไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย
แม้กระทั่งเห็นไป๋เสิ่นเฉียวสูบบุหรี่ก็ไม่ได้รู้สึกอคติอะไรขนาดนั้น
ลู่เฉินทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ “คนที่ควรขอโทษคือผมเอง เชิญพวกคุณตามสบายเถอะ”
ไป๋เสิ่นเฉียวไม่ได้จุดบุหรี่ขึ้นมาอีก เธอเพียงแค่ยิ้ม “ทำไมกันคะ คุณประธานลู่ผู้ยิ่งใหญ่ พอมีแฟนแล้วก็รู้จักเป็นห่วงคนอื่นขึ้นมาเหรอ?”
“พอเห็นอะไรที่ไม่ดีก็อยากจะเข้ามายุ่งงั้นสิ?”
ลู่เฉินชำเลืองมองซูโย่วอี๋ด้วยหางตาและเห็นว่าเธอกำลังก้มหน้ามองต่ำอย่างไร้อารมณ์
“จินหลิงไม่ใช่แฟนของฉัน”
ไป๋เสิ่นเฉียวกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเป็นใคร?”
บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาในทันที
ฮันเจ๋อหยางที่เพิ่งเข้ามาก็ได้ยินเรื่องราวในตอนท้าย ๆ พูดขึ้น “พวกคุณกำลังพูดถึงใครอยู่กัน?”
น้ำเสียงของไป๋เสิ่นเฉียวไม่ได้ดูหยอกล้อเหมือนเมื่อครู่นี้ “ไม่มีใครทั้งนั้น ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ซูโย่วอี๋นั่งอยู่คนเดียวสักพักก็รู้สึกเบื่อ ๆ สู้กับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนซุ่ยซุ่ยดีกว่า
เมื่อประตูห้องส่วนตัวเปิดออก
ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเขินอาย
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกเขินอายมาก ทุก ๆ ย่างก้าวที่ก้าวผ่านไป เธอเอาแต่พูดคำว่าขอโทษ
จนกระทั่งเดินไปถึงข้าง ๆ ลู่เฉิน
ทันใดนั้น ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าไม่อยากกลับไปแล้ว
มือสองข้างของเธอกอดไว้ที่อกพร้อมกับมองดูทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชา
จินหลิงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
กู่อวี๋เฉิงจึงยืนขึ้นเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเธอ “นั่งสิ”
จินหลิงโบกมือด้วยความกลัว “ไม่เป็นไรค่ะ รองประธานกู่ ประธานลู่ ฉันมาร้องเพลงกับเพื่อนที่นี่ ได้ยินคุณซานพูดว่าพวกคุณก็มาด้วยเลยเข้ามาทักทายเฉย ๆ ค่ะ”
ปากของเธอบอกว่าพวกคุณ แต่สายตากลับเอาแต่มองไปยังลู่เฉิน
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ทำให้จิงหลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แค่มาร้องเพลงเฉย ๆ ไม่ได้ดื่มเหล้า อีกเดี๋ยวก็จะกลับแล้วค่ะ”
เธอหลงคิดไปว่าในเมื่อเคยมีประสบการณ์ได้ออกไปทำงานต่างมณฑลกันมาแล้ว จะทำให้ลู่เฉินปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเดิม
“ประธานลู่คะ คุณดื่มเหล้าไปแล้วอยากจะนั่งรถกลับไปกับฉันไหมคะ?”
ลู่เฉินหันไปมองหน้าเธอ “ไม่ล่ะ คุณกลับไปก่อนเลย”
จินหลิงไม่มีอะไรจะพูดต่อแล้ว “งั้นฉัน… ไปก่อนนะคะ”
จนกระทั่งประตูห้องส่วนตัวปิดลง ลู่เฉินก็ไม่ได้หันไปมองเธอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลู่เฉินไม่ได้แสดงท่าทางชื่นชอบอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับยิ่งดูนิ่งเฉยและห่างเหิน
แต่หัวใจของซูโย่วอี๋กลับรู้สึกไม่ค่อยดีราวกับถูกบางอย่างปิดกั้นเอาไว้
เธอหยิบเหล้าขาวออกมาเปิด พร้อมทั้งเทใส่ลงไปในแก้วของตัวเองแล้วดื่มเข้าไปครึ่งหนึ่ง
การดื่มเข้าไปแบบนี้ทำให้ซูหยินตกใจจนต้องรีบเดินเข้ามาในทันที “ที่รัก เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ซูโย่วอี๋ยกแก้วเหล้าที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งกระดกเข้าไปจนหมด
“ฉันอยากดื่ม เธอดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
ซูหยินสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของซูโย่วอี๋ไม่ปกติ จึงกอดไหล่ของเธอเอาไว้ “อยากดื่มจริง ๆ เหรอ?”
“อืม”
“ถ้างั้นฉันก็คงจะต้องยอมสละชีวิตไปพร้อมกับนายท่านแล้วค่ะ”
ซูหยินเปิดขวดให้กับตัวเอง ซูโย่วอี๋ดื่มไปมากแค่ไหน ซูหยินก็ดื่มตามไปด้วย
แม้ว่ากู่อวี๋เฉิงจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
และยังคงเป็นฮันเจ๋อหยางที่เห็นภาพนั้นจึงวิ่งเข้ามา เขาหยิบแก้วในมือของซูโย่วอี๋ไป “น้องสาว เธออย่าทำร้ายพี่ได้ไหม ถ้าดื่มจนเมากลับไป พ่อกับแม่ได้ฆ่าพี่แน่ ๆ”
แถมยังมีพี่ใหญ่ที่มีสายตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งคนนั้นอีก
แค่คิด ฮันเจ๋อหยางก็รู้สึกกลัวแล้ว แต่แก้วเหล้าเย็น ๆ ถูกอีกคนแย่งไป เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นและกระดกเหล้าที่เหลืออยู่ไปจนหมด “ฮันเจ๋อหยาง ก็แค่ดื่มเหล้า มันจะอะไรนักหนา”
เธอหมุนตัวกลับไปและหยิบขวดนึงให้ตัวเอง “คุณหนูฮัน คุณซู ดื่มจากแก้วจะไปสนุกอะไร ดื่มจากขวดไปเลยเป็นไง?”
“เสิ่นเฉียว” เสียงของฮันเจ๋อหยางและลู่เฉินดังขึ้นมาพร้อมกัน
ทุกคนในที่นี้ดูออกว่าไป๋เสิ่นเฉียวไม่ค่อยพอใจ
วันประกาศการดื่มไวน์อย่างเป็นทางการ?
เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ของฮันเจ๋อหยางจึงดูน่าอึดอัดมาก
ซูโย่วอี๋ดื่มเข้าไปไม่น้อย เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็ตบมือ น้ำเสียงของเธอดูเหมือนจะเมาแล้ว “ดีเลย วันนี้พวกเราสามคนมาดื่มกันให้มีความสุข ไม่เมาไม่กลับ”
เธอหยิบขวดขึ้นมาและกระดกเข้าปากทันที
ลู่เฉินมีปฏิกิริยาไวที่สุด เขายกมือขึ้นกันขวดเอาไว้ ปากของซูโย่วอี๋จึงประทับลงบนมือของลู่เฉิน
อย่างนุ่มนวล…
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาอันพร่ามัว “ประธานลู่ ฉันไม่ใช่แฟนสาวของคุณนะ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉัน”
ลู่เฉินเอามือออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณซูเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจคนสำคัญมากที่สุดของบริษัทผม ไม่ว่าจะใช้อารมณ์หรือเหตุผล ผมก็ควรคิดถึงสุขภาพของคุณซูเป็นสำคัญ”
“วันนี้คุณดื่มมากพอแล้วครับ”
หุ้นส่วนทางธุรกิจ?
ซูโย่วอี๋เย้ยหยันเบา ๆ “ดูเหมือนว่าการตัดสินใจร่วมหุ้นกับเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์นี่ไม่เลวเลยนะคะ เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับประธานลู่คุ้มค่ามากกว่าการเป็นแฟนสาวเสียอีก”
ริมฝีปากแดงเน้นย้ำไปที่คำว่าแฟนสาว
ตอนแรกลู่เฉินไม่อยากจะอธิบาย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “จินหลิงไม่ใช่แฟนของผม”
ด้วยอาการเมาของซูโย่วอี๋ ทำให้เธอยังอยากพูดเสียดแทงลู่เฉินออกไปอีก แต่เมื่อเห็นซูหยินที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงกลืนกินคำพูดพวกนั้นไปจนหมด
เธอกำลังทำอะไรอยู่?
หึงงั้นเหรอ?
หัวสมองของเธอนี่มันแย่จริง ๆ
ซูโย่วอี๋หยิบกระเป๋าขึ้นมาและเดินโซเซไปทางประตู “เสิ่นเฉียว ไว้พวกเรามาดื่มกันวันหลังนะคะ”
ไป๋เสิ่นเฉียวชอบเธอมาก “ได้เลย วันนี้มีคนพวกนี้อยู่ ดื่มไปก็ไม่สนุก”
ในตอนแรก ฮันเจ๋อหยางวางแผนจะไปส่งเสิ่นเฉียวกลับบ้าน แต่ก็วางใจซูโย่วอี๋ไม่ได้ “แยกย้ายกันเถอะ ๆ”
“เสิ่นเฉียว ขอโทษทีนะ น้องสาวฉันเมามาก คืนนี้ฉันคงไปส่งเธอไม่ได้แล้ว”
…
ทันทีที่ออกมาจากห้องส่วนตัว ซูโย่วอี๋ก็พุ่งตรงไปยังห้องน้ำ เธอจับชักโครกและอ้วกออกมา ผู้หญิงที่เข้ามาต่างพากันเอามือปิดจมูก ทิ้งเธอไว้ และจากไป
สุนัขจิ้งจอกส่งเสียงหึ ๆ ออกมา [คุณจะทำร้ายตัวเองเพื่ออะไรกัน? ถ้าคิดจะทำร้ายก็ทำลู่เฉินโน่นสิ!]
ซูโย่วอี๋ตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวล “ฉันทำได้งั้นเหรอ?”
ถ้าทำได้เธอคงทำไปตั้งนานแล้ว
[แค่มองลู่เฉินกับจิงหลินก็รู้แล้วว่ามันคือรักข้างเดียว คุณจะไปสนใจทำไมกัน?]
ซูโย่วอี๋หายใจเข้าลึก ๆ “เจ้าจิ้งจอกเน่า นายเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าไม่ใช่เพราะลู่เฉินอนุญาต หรือไม่ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในทางใดทางหนึ่ง จิงหลินจะถือดีอะไรมาพูดว่ากลับบ้านด้วยกัน?”
เธอจะมีความกล้าหาญขนาดนั้นมาจากไหน?
ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เฉินเป็นคนให้!
อ้วกเสร็จ ซูโย่วอี๋รู้สึกตื่นตัวอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
ซูโย่วอี๋เอาน้ำเย็น ๆ ล้างหน้าและเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นลู่เฉินยืนถือเสื้อคลุมอยู่ไม่ไกล
“คุณซู เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ไม่ต้องค่ะ ประธานลู่ เมื่อครู่นี้ฉันเสียมารยาทไป แต่ตอนนี้หายเมาแล้วค่ะ”
สายตาของลู่เฉินจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ “อารมณ์ไม่ดีเหรอครับ?”
“นิดหน่อย ฉันมีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
ซูโย่วอี๋พยักหน้าและออกมาเพื่อขับรถกลับบ้าน
ลู่เฉินยังยืนอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนอยู่นานสองนาน จนเสี่ยวเหล่าซานเดินเข้ามา “คนอย่างประธานลู่มองผู้หญิงสวยจนเหม่อลอยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“อย่าพูดอย่างนั้น คุณหนูฮันสวยอย่างกับเทพธิดา ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเคยอยู่ท่ามกลางเหล่าดอกไม้แบบนั้นมาก่อน ก็คงจะควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
เสี่ยวเหล่าซานหัวเราะ “แล้วเรื่องจิงหลิน มันยังไงกันแน่? จะว่าไปเธอก็เหมือนคุณหนูฮันอยู่นิดหน่อย นายคงจะไม่ได้ยอมแพ้จากนางฟ้าและไปชอบของเลียนแบบหรอกนะ”
ดวงตาของลู่เฉินหม่นลง “หุบปาก”
อีกด้านหนึ่ง ฮันเจ๋อหยางตามหาอยู่รอบ ๆ ก็ไม่พบกับซูโย่วอี๋เลย คงจะไม่ได้ถูกผู้ชายคนไหนดึงไปในห้องส่วนตัวหรอกนะ
ยิ่งคิดฮันเจ๋อหยางก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ คนที่ต่อสู้กับใครไม่เป็นแบบเธอหายไป ทำให้เขาเริ่มโกรธขึ้นมาและผลักประตูห้องส่วนตัวที่ใกล้ที่สุดออกอย่างแรง
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าจะพบกับฮันเอินจีที่กำลังถูกคนเทเหล้าให้ดื่มอยู่
ฮันเอินจีผลักผู้ชายที่กำลังจะเอาเปรียบเธอด้วยมือทั้งสองข้าง เหล้าที่ดื่มเข้าไปไม่ทันไหลออกมาจากมุมปากจนทำให้เสื้อผ้าเปียกชื้น
มันดูน่าอายมาก
ใบหน้าของฮันเจ๋อหยางเย็นชาในทันที “ฉินสือ นายกล้าบังคับให้น้องสาวฉันดื่มเหล้างั้นเหรอ?”
ฉินสือปล่อยตัวเธอออก “บังคับ? นายถามฮันเอินจีดูสิว่าฉันบังคับเธอหรือเปล่า?”
“ไม่มีใครเชิญเธอมา เธอวิ่งเข้ามาเสนอตัวเองนะ ถ้าไม่ได้มาดื่มเหล้าหรืออยากจะขึ้นเตียงกับฉัน แล้วเธอจะมาทำไม?”
สื่อของฉินเทียนที่ฉินสือมีอยู่ก็เป็นเจ้านายของฮันเอินจี ตั้งแต่เรื่องที่ฮันเอินจีถูกสลับตัวกับซูโย่วอี๋ตั้งแต่เด็กถูกเผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของเธอก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน
ครั้งหนึ่งฉินสือเองก็เคยกังวลถึงสถานะลูกสาวบุญธรรมอย่างฮันเอินจี ต่อมาเมื่อรู้ว่าตระกูลฮันไม่สนใจเธอเลย ก็เลยไม่ได้พยายามอะไรอีก
2-3 วันครั้งก็จะเรียกลูกสาวตระกูลฮันให้เธอมาดื่มเหล้ากับนักลงทุน ฮันเอินจีเริ่มต้นจากการขว้างปาขวดในตอนแรกและเปลี่ยนมาเป็นยอมก้มหน้ายอมรับ
ที่ฉินสือพูดไม่ผิดเลยสักนิด วันนี้ที่เธอมาก็ขายตัวของเธอเอง
เธอต้องการไปโผล่อยู่ในรายการดัง ๆ เพื่อความนิยมของตัวเอง
เพียงแต่ฉินสือเห็นท่าทีประนีประนอมของเธอ จึงหยอกล้อเธอต่อหน้าดาราที่ไม่ดังพวกนั้น
ฮันเอินจีตั้งใจจะถอยหนีอยู่แล้ว
แต่ฉินสือจะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ดีที่ฮันเจ๋อหยางเข้ามาช่วยเสียก่อน
ฮันเอินจีรีบเดินเข้าไปด้านหลังของฮันเจ๋อหยาง “พี่คะ”
สายตาของฮันเจ๋อหยางจับจ้องไปยังฉินสือ “ประธานฉิน ฉินเทียนยังไม่ได้เป็นของคุณ ผมแนะนำว่าคุณอย่าทะนงตัวเองมากเกินไปเลย คุณรังแกคนของตระกูลฮันไม่ได้หรอก”
ฉินสือเป็นคนไม่ได้สนใจอะไร “คุณฮัน ตระกูลฮันก็ไม่ใช่ของคุณ ฮันเอินจีเป็นคนของตระกูลฮันจริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ ต่อให้คุณพูดก็ไม่มีใครสนใจหรอก”
ฮันเจ๋อหยางโกรธมาก เขาดึงฮันเอินจีออกไปจากห้องนั้น “น้องสาว เธอมาที่นี่เองจริง ๆ เหรอ?“
ฮันเอินจีสะบัดมือของเขาออกและไม่ได้ตอบโต้อะไร
นั่นทำให้ฮันเจ๋อหยางสติแตก “ฮันเอินจี เธอบ้าไปแล้วใช่ไหม? ใครสอนให้เธอไม่รู้จักรักตัวเองแบบนี้?”