Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 344 อ้อมไปก็กลับมาที่เดิม
บทที่ 344 อ้อมไปก็กลับมาที่เดิม
บทที่ 344 อ้อมไปก็กลับมาที่เดิม
แก้มของเธอแดงระเรื่อ ท่าทางดูเขินอาย เธอก้มหน้าลงและไม่กล้ามองไปตรง ๆ ที่ลู่เฉิน แต่ตอนนี้ดวงตาของซูโย่วอี๋กลับมืดมนลง “ประธานลู่คะ คนสวยขอนัดทั้งที ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ”
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “ไว้พูดพรุ่งนี้”
“ปะ… ประธานลู่ ขอแค่สองนาที นะคะ?”
เนื่องจากจินหลิงถูกปฏิเสธ เธอจึงน้ำตาคลอ
ซูโย่วอี๋หันหลังและจากไปอย่างเงียบ ๆ
ถ้าอยู่ดูต่อไป มันคงไม่สุภาพ
เธอโทรหาคนขับและเดินไปที่ที่นัดกันไว้
แต่กลับมีเสียงวิ่งตามมาจากข้างหลัง จากนั้นแขนของซูโย่วอี๋ก็ถูกดึงไว้
เธอหันศีรษะไป เห็นลู่เฉินหอบเล็กน้อยขณะจับมือเธอไว้แน่น
ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “จบเร็วจัง?”
“อืม จบแล้ว”
ลู่เฉินปล่อยเธอ “ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
“คนขับรถของฉันอยู่ข้างหน้านี่เองค่ะ”
ซูโย่วอี๋ชี้ไปที่ปลายถนนซึ่งมีรถสีดำจอดอยู่
คุณลุงหลิวยืนอยู่หน้ารถ พอเห็นเธอมองเขาก็โบกมือให้
“ผมจะพาคุณไปส่ง”
ทั้งสองยืนเคียงข้างกันและเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
“คุณซู คุณจะไปประเทศ M เพราะอะไรเหรอครับ?”
“ไปเรียนค่ะ หวังว่านะ”
ลู่เฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ที่ฮิลเบิร์ตเหรอครับ?”
ซูโย่วอี๋กล่าวอย่างดีใจว่า “ฉันได้รับใบรับรองการฝึกอบรมแล้ว”
ลู่เฉินหยุดชั่วคราว “แล้วถ้าคุณสอบตกล่ะ?”
“มันไม่ใช่เรื่องปกติเหรอคะ?” ซูโย่วอี๋ยิ้มพร้อมกับคิ้วย่นเข้าหากัน “วินาทีที่จุดดอกไม้ไฟไปแล้ว กังวลไปก็เปล่าประโยชน์”
“ทุกอย่างมันมีทางออกอยู่แล้ว”
“ถ้าฉันเข้าฮิลเบิร์ตไม่ได้จริง ๆ ฉันคิดว่าไปลองวิทยาลัยอื่นดู”
พื้นฐานของซูโย่วอี๋แย่เกินไป ความสามารถในปัจจุบันของเธอ แม้แต่โรงเรียนสอนดนตรีที่แย่ที่สุดก็คงมีอะไรให้เธอเรียนรู้มากมาย
พูดคุยกันอยู่สักพัก ทั้งสองก็เดินมาถึงหน้ารถแล้ว
ลุงหลิวเปิดประตูรถให้ซูโย่วอี๋
เธอก้มลงเพื่อเข้าไปในรถ ทางลู่เฉินเอามือกันหน้าผากให้เธอโดยไม่รู้ตัว
“ประธานลู่ ขอโทษที่รบกวนคุณค่ะ”
ลู่เฉินมองเธอโดยไม่กระพริบตา “ไม่ได้รบกวนครับ”
และซูโย่วอี๋ก็ปิดประตูรถลง
จากนั้นรถขับออกไป
แต่ลู่เฉินยังคงยืนอยู่ที่นั่น
โดยที่ซูโย่วอี๋ไม่ได้หันกลับมามองเลย
อีกด้าน
จินหลิงที่นั่งอยู่บนชายหาด จมูกและตาของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้
เพื่อนคนนั้นกอดเธอเพื่อปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็เข้าใจความคิดของประธานลู่ ในอนาคตเธอจะได้ไม่ต้องไปแขวนตัวเองไว้บนต้นไม้ของเขาอีกไง”
“รีบเปลี่ยนเป้าหมายไว ๆ”
จินหลิงไม่สามารถแม้แต่จะอธิบายสิ่งที่เธอพูด “ผู้คนนี่แปลกจริง ๆ ป๋ายลิ่นเอาแต่พูดว่าเขารักฉัน แต่จริง ๆ แล้ว เขาแค่หลอกใช้ฉัน”
“ประธานลู่ที่ไม่มีผลประโยชน์อะไรกับฉันเลยและเขาก็ไม่ชอบฉัน แต่เขาช่วยฉันในสิ่งที่แม้แต่แฟนของฉันยังทำไม่ได้”
ทั้งตอนที่เขาช่วยเหลือเธอเมื่อเธอถูกแขกขี้เมาลวนลาม
หลังจากทำงานที่คลับเจวี๋ยเซ่อเป็นเวลาครึ่งเดือน แม้ว่าประธานลู่จะไม่ได้พูดอะไร แต่เธอก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายมาหาเธอด้วยความตั้งใจจริง
ต่อมาแมวมองของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ได้มาหาเธอที่บริษัท และขอให้ผู้จัดการของเธอพาเธอไปถ่ายทำ
นับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับประธานลู่ ชีวิตของจินหลิงก็ราบรื่นมาก
ใช่ นี่คือผู้ชายคนเดียวกันที่พูดกับเธอด้วยตัวเองว่า ‘ผมไม่ได้ชอบคุณ’
สุดท้ายก็เป็นเธอที่คิดเองเออเอง
เธอไม่ได้ถามว่าทำไม เพราะเป้าหมายในการสารภาพรักได้ไล่ตามผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว
…
ลู่เฉินขับรถกลับไปที่เป่ยสืออี้ผิน เขาถอดเสื้อโคตและหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา
ก่อนถือมันเล่นในมือ
มันเป็นแหวนเพชรพลาสติกสีชมพู
เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนเป็นของร้านขายของเล่นเคลื่อนที่จะขายให้กับเด็ก ๆ
มันไม่คุ้มกับเงินไม่กี่หยวน
คำถามคือทำไมซูโย่วอี๋ถึงสวมสิ่งนี้ไว้?
ตอนซูโย่วอี๋หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เขาก็เห็นแหวนหลุดออกมาจากกระเป๋าของเธออย่างชัดเจน
แต่ลู่เฉินเพียงแค่หยิบมันขึ้นมาและใส่ไว้ในกระเป๋าของเขา
ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เขาเองก็ไม่เข้าใจ
มันเหมือนต้องมนต์
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็เปิดโทรศัพท์และพบเบอร์ของซูโย่วอี๋ ก่อนส่งข้อความว่า [คุณซู ผมเก็บแหวนพลาสติกได้ตอนคุณขึ้นรถ มันเป็นของคุณหรือเปล่าครับ?]
ซูโย่วอี๋ไม่เห็นข้อความจนกระทั่งเธอออกจากห้องอาบน้ำแล้ว
เธอรีบพลิกดูเสื้อผ้าที่ใส่วันนี้ก็พบว่าแหวนหายไปแล้วจริง ๆ
[ของฉันเองค่ะ ประธานลู่ ฉันจะไปรับตอนคุณสะดวก]
ลู่เฉินใช้นิ้วเคาะหน้าจอโทรศัพท์เบา ๆ [ไปเอาที่บริษัทพรุ่งนี้ก็ได้ครับ คุณมาหาผมที่ออฟฟิศได้เลย]
ซูโย่วอี๋ตกลงโดยไม่ลังเล
ในใจของเธอ นี่คือแหวนที่ลู่เฉินซื้อให้เธอ มันมีความหมายกับเธอมาก
จะต้องเอามันกลับมา
วันต่อมา อาจเป็นเพราะดื่มก่อนเข้านอน ซูโย่วอี๋ตื่นสาย ส่วนซุ่ยซุ่ยตื่นแล้ว
หลังจากเก็บข้าวของ เธอลงไปชั้นล่าง ตอนนี้ที่บ้านเงียบสงบ มีเพียงคุณนายฮันกับซุ่ยซุ่ยที่กำลังเล่นกันอยู่ในสวน
“แม่คะ วันนี้พวกพี่ก็ต้องไปทำงานด้วยเหรอคะ?”
ในวันแรกของปีใหม่ ควรให้วันหยุดกับตัวเองบ้างนะ
คุณนายฮันยืนขึ้น “เจ๋อเหยียนออกไปที่เมืองถันกลางดึก ทางเจ๋อหยางไปเยี่ยมผู้เฒ่าไป๋ งานแต่งงานกำลังใกล้เข้ามา ช่วงนี้เขาพักงานและกำลังทุ่มเต็มที่เตรียมงานแต่งงานน่ะจ้ะ”
เมื่อเห็นเธอถือกระเป๋า คุณนายฮันก็ถามว่า “ลูกจะออกไปข้างนอกเหรอ?”
“ค่ะ”
ซุ่ยซุ่ยเดินไปข้างหน้าเธอด้วยท่าทางไม่พอใจนัก “แม่ครับ ตั้งแต่แม่กลับมาจีน แม่เอาแต่ทิ้งผมแล้วออกไปเที่ยวคนเดียวตลอดเลย”
เมื่อคืนพอตื่นมา แม่ก็ไม่อยู่แล้ว!
ซูโย่วอี๋รู้สึกผิด “แม่กำลังจะไปที่บริษัท แป๊บเดียวก็กลับมาแล้วจ้ะ”
ซุ่ยซุ่ยไม่ได้ระเบิดอารมณ์ “งั้นผมจะไม่รบกวนงานของแม่ แต่แม่ต้องรีบกลับบ้านนะครับ”
“ตกลงจ้ะ สัญญาเลย”
ซูโย่วอี๋ขับรถไปที่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์และแวะกินขนมจีบระหว่างทาง
เมื่อมาถึงบริษัท เธอก็ไม่รอช้า รีบตรงไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
เลขาฯ เชิญเธอเข้าไปด้วยความเคารพ “ในขณะนี้ประธานลู่ไปพบลูกค้าคนสำคัญครับ อีกครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเสร็จ”
ซูโย่วอี๋มองไปที่เวลา อืม สิบโมงครึ่ง ไม่สายเกินไป
เธออยากรีบกลับบ้านไปกินข้าวกลางวันกับซุ่ยซุ่ย
“ไปทำงานของคุณต่อเถอะค่ะ”
ด้วยกลัวที่จะละเลยเธอ เลขาฯ จึงถอยออกมาหลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มอีก
เธออยู่คนเดียวในห้องทำงานของประธานบริษัท
ซูโย่วอี๋นั่งลงพักหนึ่ง เธอจ้องมองร่างที่สะท้อนอยู่ในหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน
ครั้งสุดท้ายที่เธอมาที่นี่ เธอเข้าออกได้ตามต้องการ
สายตาของซูโย่วอี๋กวาดไปทั่วห้อง ก่อนเธอจะเดินไปที่ผนังด้านหลังโต๊ะ
แตะนิ้วเบา ๆ ในบริเวณหนึ่ง ทันใดนั้นประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
นั่นคือห้องพักผ่อนเล็ก ๆ ของลู่เฉิน
ลู่เฉินต้องการคุณภาพการนอนสูง ดังนั้นเขาจึงไม่ค้างคืนที่นี่ และใช้มันในเวลาพักกลางวันมากกว่า
มีทุกอย่างอยู่ในนั้น
เตียง ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า…
พอเดินเข้ามา ประตูก็จะปิดเองโดยอัตโนมัติ
หลังจากมองไปรอบ ๆ ซูโย่วอี๋ก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้า ภายในนั้นมีเสื้อเชิ้ตและกางเกงมากกว่าสิบตัวถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย
เพียงแวบเดียวก็เห็นว่าไม่มีความแตกต่างจากเมื่อก่อน
ซูโย่วอี๋หัวเราะออกมา ตู้เสื้อผ้าของผู้ชายคนนี้ยังเหมือนเดิมจริง ๆ
ขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูและออกไป ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
ลู่เฉินพูดอย่างเย็นชา “จะมีข้อผิดพลาดชุ่ย ๆ อย่างนี้ในสัญญาได้ยังไง?”
“500 ล้านเขียนเป็น 50 ล้าน ถ้าไม่พบก่อน โปรเจ็คนี้จะสูญเสียเงิน 450 ล้านเลยนะ”
“ผมขอโทษครับ ประธานลู่”
ลู่เฉินโยนสัญญาที่ผิดพลาดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ “ออกไปซะ”
“แก้ไขสัญญาภายในห้านาที แล้วนำกลับมา ถ้ามีข้อผิดพลาดอีกก็ลาออกไปซะ”
“ครับ ๆ”
คนนั้นคนออกไป
ในออฟฟิศก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
ซูโย่วอี๋แอบคาดเดาว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ ลู่เฉินอาจจะไม่เข้ามาในห้องพักผ่อน
แต่เธอไม่รู้จะทำยังไงต่อ
จึงเปิดตู้เสื้อผ้าและเข้าไปซ่อน
เธอเฝ้าภาวนาในใจขอให้ลู่เฉินออกจากห้องทำงานไปเร็ว ๆ
แต่เพราะตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับผนังห้องทำงาน ซูโย่วอี๋จึงแนบหูกับผนัง ฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก
เสียงรองเท้าหนังดังใกล้เข้ามา
ประตูห้องพักผ่อนเปิดออก!
ลู่เฉินเข้ามาแล้ว!
ซูโย่วอี๋กลัวมากจนไม่กล้าขยับ
จิตใจของเธอสับสนและยุ่งเหยิง และชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกว่าไม่ควรซ่อนตัวราวกับว่ามีความผิดแบบนี้
น่าจะออกไปอย่างกล้าหาญและบอกว่าคุณเปิดประตูทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจมากกว่า
เธอแค่อยากรู้เลยเข้ามาดู
โอเค มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อพอกัน
ขณะที่ความตึงเครียดพุ่งสูง ซูโย่วอี๋ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เมื่อเธอสงบจิตใจลง ก็ไม่มีเสียงข้างนอกอีก
เธอตั้งใจฟังเป็นเวลานาน หลังจากยืนยันว่าไม่มีเสียงใด ๆ เลย เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูตู้ออกเพื่อดูสถานการณ์
จังหวะที่ซูโย่วอี๋ผลักประตูตู้เพื่อเปิดช่องว่างเล็ก ๆ และมองออกไปข้างนอก
เธอก็ได้พบกับดวงตาฟีนิกซ์สีเข้มคู่หนึ่งโดยไม่คาดคิด
ซูโย่วอี๋กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอสะดุ้งและผงะเข้าไปในตู้
ลู่เฉินที่ดูประหลาดใจยิ่งกว่าและเปิดประตูตู้เพื่อดูคนข้างใน “คุณซู?”
“คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”
ซูโย่วอี๋หัวกระแทกกับราวแขวนผ้า เธอคลานออกมาพลางกุมหัวไว้ เธอไม่กล้ามองคนตรงหน้า หวังว่าตัวเองจะหดตัวเป็นลูกบอลหายไปจากตรงนี้ “ประธานลู่คะ ให้ฉันออกไปก่อนเถอะค่ะ”
ลู่เฉินถอยหลังไปสองก้าว
ขณะที่ซูโย่วอี๋ยืนขึ้นนั้น เสียงของลู่เฉินก็ดังมาจากเหนือหัวของเธอ “ประธานซู คุณควรอธิบายให้ผมฟังนะ”
ซูโย่วอี๋รู้สึกรำคาญมาก “ฉันมาเอาแหวน”
“คุณไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันเบื่อเลยเดินเตร่ไปทั่ว เดินไปเดินมาก็เลย…”
เข้ามาข้างใน
เห็นได้ชัดว่าลู่เฉินไม่เชื่อ “มีเพียงเลขาเท่านั้นที่รู้สวิตช์ของห้องพักผ่อนนี่”
“เท่าที่รู้ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณมาที่ห้องทำงานของผม ผมควรจะบอกว่าคุณฉลาดเกินไปหรือตำแหน่งของสวิตช์นั้นเด่นเกินไป? คุณถึงค้นพบอย่างง่ายดายแบบนี้หรือเปล่า”
แน่นอนว่าไม่ใช่สักข้อ
ถ้าลู่เฉินไม่ได้บอกตำแหน่งของสวิตช์ให้เธอรู้ ถึงรอจนมืดซูโย่วอี๋ก็เข้าไปไม่ได้
แต่เธอก็ต้องบ่ายเบี่ยง “ฉันทำวิจัยเกี่ยวกับอะไรแบบนี้มาบ้าง และฉันก็ค่อนข้างสนใจ”
“โดยทั่วไปแล้ว ห้องทำงานของประธานจะมีห้องลับ ฉันก็แค่ต้องการทดลองความรู้ของตัวเอง”
“อ้อ ทดลอง”
ลู่เฉินมีรอยยิ้มเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นคุณก็เก่งมากนะครับ ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเพียงครั้งเดียว”
เธอแยกไม่ออกว่าเขาโกรธรึเปล่า
ซูโย่วอี๋หัวเราะ “พอไหวค่ะ ฉันเป็นหนี้บุญคุณอยู่ คราวหน้าถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการเปิดห้องลับ มาหาฉันได้”
“ประธานลู่ คุณมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำหรือเปล่าคะ?”
“ไปทำงานก่อนไหมคะ?”
“เอาแหวนให้ฉัน แล้วฉันจะไปทันทีค่ะ”
ลู่เฉินมองเธอ “ไม่รีบครับ”
“ผมจำรหัสตู้เซฟไม่ได้ ทำไมคุณไม่ลองตรวจให้ผมดูล่ะ”
หะ?
ซูโย่วอี๋ตกตะลึงอยู่กับที่ เธอจะเปิดตู้เซฟได้อย่างไร
“นี่… ประธานลู่ โครงสร้างของห้องลับกับตู้เซฟแตกต่างกันนะคะ คนในวงการคงเชี่ยวชาญกว่า ฉันแนะนำให้คุณหามืออาชีพ ธุระของคุณจะได้ไม่ล่าช้าค่ะ”
ลู่เฉินเลิกคิ้วสงสัย “งั้นสิ่งที่คุณเพิ่งพูดมาก็เป็นเรื่องไร้สาระหรือเปล่า?”
นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
ซูโย่วอี๋จะกล้ายอมรับได้อย่างไร “เปล่านะคะ”
“อ่า… งั้นก็ให้ฉันลองเปิดดูก็ได้ แต่ถ้าเปิดไม่ได้อย่าโทษฉันนะคะ”