Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 357 สูตรยาของบรรพบุรุษ
บทที่ 357 สูตรยาของบรรพบุรุษ
บทที่ 357 สูตรยาของบรรพบุรุษ
แต่เมื่อคิดถึงท่าทีของซูโย่วอี๋ตอนที่ได้กลิ่นควันของมันครั้งล่าสุด ลู่เฉินก็หยิบบุหรี่ออกจากปาก
เขาจ้องไปที่รอยแดงที่ก้นบุหรี่จนมันมอดหมดแท่ง
เขาไม่มีความสุข…
ลู่เฉินรู้สึกได้ถึงอารมณ์ปั่นป่วน
เขาประสานนิ้ว ดวงตาลดต่ำ
นี่เป็นเพราะซูโย่วอี๋หรือเปล่า?
ณ คฤหาสน์ตระกูลฮัน
ซูโย่วอี๋ที่กำลังนอนหลับถูกโจมตีด้วยเสียงโทรศัพท์ เพราะซูหยินโทรมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง “[ที่รัก อธิบายทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้!]”
“เกิดอะไรขึ้น…” เสียงของซูโย่วอี๋ขุ่นมัว เธอยังลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
“[เธอกับผู้ชายต่างชาติคนนั้นคบกันจริงเหรอ?]”
ซูโย่วอี๋อึ้งไปสามวินาที “คบอะไร? เธอไปเอาข่าวปลอมมาจากไหนน่ะ?”
ซูหยินถามอีกครั้งด้วยความไม่เชื่อ “[จริงเหรอ?]”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ”
ซูโย่วอี๋ลุกขึ้นจากเตียงและไปที่ระเบียงเพื่อไม่ให้ซุ่ยซุ่ยตื่น “ฉันไม่ได้โกหก”
ซูหยินเลิกคิ้ว “[เอาล่ะ เธอไปเสิร์ชเน็ตอ่านข่าวปลอมของเธอได้เลย ฉันวางล่ะ]”
ตู๊ด ๆ ๆ…
กู่อวี๋เฉิงดึงซูหยินมาไว้ในอ้อมแขน “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงดูตื่นเต้นจัง?”
“ถึงซูโย่วอี๋จะคบกับใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?”
โทรมาถามตั้งแต่ไก่โห่เลยงั้นเหรอ?
กู่อวี๋เฉิงไม่เข้าใจจริง ๆ เขาคิดเสมอว่าซูหยินจะลุ้นให้ซูโย่วอี๋พบรักไว ๆ เสียอีก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
ซูหยินฝังศีรษะของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและพึมพำ “คุณไม่เข้าใจหรอก ไปนอนเถอะ”
กู่อวี๋เฉิงจ้องมองเพดานเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานก็พูดขึ้น “ซูหยิน คุณหลับหรือยัง?”
ซูหยินนอนไม่หลับ เธอขยับนิ้วและถามเขาว่ามีอะไร
กู่อวี๋เฉิงพลิกตัวและกดเธอลง “ผมนอนไม่หลับอีกแล้ว เรามาออกกำลังกายกันเถอะ”
…
ซูโย่วอี๋ต้องการไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนกับซิด จึงไม่ได้ไปส่งซุ่ยซุ่ยไปโรงเรียน ซึ่งระหว่างกินอาหารเช้า คู่สามีภรรยาฮันก็ได้ถามเรื่องนี้กับซูโย่วอี๋ไปแล้ว 18 ครั้ง
“เสี่ยวอี๋ เขาใช่ชายหนุ่มที่มาที่บ้านวันนั้นหรือเปล่าจ๊ะ?”
“ใช่ค่ะ”
“เขาหน้าตาดี มีพรสวรรค์ ดูดีเลยนะ”
“ค่ะ”
“นั่นเพื่อนร่วมชั้นของลูกเหรอจ๊ะ?”
“กำลังจะเป็นเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
“ดีแล้ว การที่เข้าเรียนวิทยาลัยฮิลเบิร์ตได้แสดงว่าเขาต้องมีความสามารถอยู่แล้ว เขาชื่อซิดใช่ไหม? ครอบครัวทำอะไรเหรอจ๊ะ?”
ซูโย่วอี๋ทนไม่ได้อีกต่อไปจึงตอบกลับไปว่า “แม่คะ พ่อคะ หนูไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาเลย”
“จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดีมาก แต่ไม่ใช่สเปคหนูค่ะ”
คุณนายฮันไม่เห็นด้วย “ถ้าคนดี ๆ อย่างซิดไม่ใช่สเปค งั้นบอกแม่หน่อยว่าลูกชอบแบบไหน ถึงจะเป็นเทพบุตรจุติลงมา แม่ก็จะหามาให้”
“จะว่าไปแล้ว ลู่เฉินจากลู่กรุ๊ปเองก็ใช้ได้เหมือนกัน แม่เจอกับคุณนายลู่เมื่อสองวันก่อน ดูเหมือนตอนนี้เธอกำลังเครียด เธอบอกว่าเธออยากให้พวกลูกรู้จักกัน”
ตะเกียบซูโย่วอี๋หยุดชะงัก ก่อนจะพูดด้วยเสียงจริงจังกว่าเดิม “แม่คะ หนูไม่ต้องการคบใครในตอนนี้และต้องการทุ่มเทให้กับการเรียน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงหนูค่ะ”
“ดูแลหลานชายแม่เถอะค่ะ”
คุณฮันที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ยกยิ้ม เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋ไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริง ๆ เขาก็หันไปเกลี้ยกล่อมคุณนายฮัน “ลืมมันไปเถอะ ไม่แต่งก็ไม่แต่ง ไม่ใช่ว่าคนอย่างฮันเจียงเลี้ยงดูลูกสาวไม่ได้สักหน่อย”
แต่คุณนายฮันลังเล
ซูโย่วอี๋รีบลุกขึ้นจากไป “แม่คะ หนูจะไปแล้ว ฝากซุ่ยซุ่ยไว้กับแม่นะ”
ซุ่ยซุ่ยที่กินอาหารของเขาอย่างเงียบ ๆ วางตะเกียบลง “คุณยาย กินเสร็จแล้วครับ”
คุณนายฮันถอนสายตากลับ “ซุ่ยซุ่ยเก่งมากจ้า”
“เฮ้อ แต่แม่ของหลานนี่สิดื้อจริง ๆ”
ซุ่ยซุ่ยหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมา “คุณยาย”
“แม่ไม่ได้ดื้อ แต่ยังชอบพ่ออยู่”
คุณนายฮันเบิกตากว้าง “พ่อของหลานน่ะเหรอ?”
“พ่อของหลานคือใครเหรอ?”
ซุ่ยซุ่ยส่ายหัว “แม่ไม่ได้บอกครับ”
“แล้วหลานรู้ได้ยังไงจ๊ะ?”
“แม่มีแหวนเพชรพลาสติกวงหนึ่งที่ใส่อยู่ทุกวัน ผมเดาว่าพ่อคงให้แม่ไว้”
คุณนายฮันพูดด้วยสีหน้าสับสน “งั้นไปกันเถอะจ้ะ จะเข้าเรียนแล้ว”
ณ ทางเข้ากำแพงเมืองจีน
เพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย ซูโย่วอี๋จึงได้จ้างไกด์นำเที่ยวมา แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับกำแพงเมืองจีนเป็นอย่างดีก็ตาม
เธอยังแสร้งทำเป็นไม่คุ้นเคย “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่กำแพงเมืองจีนค่ะ”
ทางซิดแค่มองเธอยิ้ม ๆ “งั้นไปกันเถอะครับ”
ตลอดทาง ไกด์นำเที่ยวกระตือรือร้นมากและบรรยายไม่หยุดปาก จนซูโย่วอี๋เริ่มสงสัยว่าเงินที่เธอจ้างมันสูงเกินไปหรือเปล่า
“คุณอยากพักไหมคะ?”
ไกด์นำเที่ยวโบกธงชาติในมือ “ไม่ค่ะ ฉันมักจะนำกลุ่มไปยังจุดชมวิว ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันแข็งแรงดี”
ซูโย่วอี๋ปล่อยเธอทำหน้าที่ไป
ในตอนเที่ยง มีคนบางส่วนกำลังซื้อข้าวกล่องข้างถนน ในเดือนกรกฎาคม อากาศค่อนข้างร้อน ทางซูโย่วอี๋ยืนพิงกำแพงเมืองโดยถือกล่องข้าวกลางวันไว้ ซึ่งเธอไม่อยากกินอะไรเลย
เพราะอากาศมันร้อนมาก
ซิดเดินเข้าไปหาเธอ “พอแค่นี้เถอะ”
“ถ้าไปไม่ถึงกำแพงเมืองจีนก็ไม่ใช่วีรบุรุษ แต่ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องไปสุดทางก็ได้”
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะได้พูด ไกด์นำเที่ยวก็วางตะเกียบลง “หนุ่มหล่อ ฟังฉันนะ การปีนกำแพงเมืองจีนก็เหมือนครึ่งเป็นครึ่งตาย มันจะค้างคามากที่ต้องล้มเลิกกลางคัน”
ซูโย่วอี๋ที่กำลังดื่มน้ำเกือบจะสำลักออกมา
ไกด์นำเที่ยวภาษาอังกฤษค่อนข้างแข็ง แต่อย่างน้อยซูโย่วอี๋ก็เข้าใจสิ่งที่เขาพูดว่า ‘ครึ่งเป็นครึ่งตาย’
ซิดเหลือบมองเธอโดยไม่พูดอะไร
ทำให้ไกด์นำเที่ยวอึดอัด
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าเงินที่เธอให้นั้นดูสูงไปหน่อย “ไม่ว่าวันนี้คุณจะเดินนำมากแค่ไหน ฉันจะให้เงินเดือนคุณตามตกลงไว้ค่ะ”
จากนั้นไกด์นำเที่ยวก็กินต่ออย่างมีความสุข
ทั้งสองใช้ประโยชน์จากเวลาที่ไกด์นำเที่ยวหยิบกล่องอาหารกลางวันของหลาย ๆ คนไปทิ้ง ซูโย่วอี๋ก็เข้าเรื่อง
“ฉันมีสูตรยาซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของฉัน และมันมีประสิทธิภาพมากในการรักษาโรคกระเพาะอาหารค่ะ”
ซิดมองดูมัน “มรดกตกทอด?”
เขาจำได้ว่าซูโย่วอี๋เป็นเด็กกำพร้านี่
บรรพบุรุษมาจากไหนกัน?
“คุณต้องการทำอะไร?”
“ฉันอยากใช้สูตรยานี้แลกกับการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเภสัชกรรมที่ตระกูลเจมส์เป็นเจ้าของ”
ซิดขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ยาก”
“แม้ว่าสูตรที่คุณมีจะคุ้มค่ากับการวิจัย แต่คุณก็ต้องซื้อหุ้นโดยตรงอยู่ดี พี่ชายของผม น่าจะไม่อนุญาตให้คุณลงทุน”
ซูโย่วอี๋พยายามสงบสติอารมณ์และหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมา “ช่วยฉันนำมันไปให้พี่ชายของคุณ ถ้าเขาสนใจ ก็ให้เขาติดต่อฉันมา”
ซิดรับมันไป “คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ลองดู”
ซิดว่า “2-3 วันที่คุณอยู่กับผม คงไม่ใช่เพราะอยากทำธุรกิจกับผมใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิง”
แสดงว่ามีผลประโยชน์ทางธุรกิจเกี่ยวพันด้วยสินะ
ซิดรู้สึกผิดหวัง “คุณพูด… ไม่ให้ความหวังผมเลย”
ในเวลานี้ มีกลุ่มทัวร์กลุ่มใหญ่เข้ามา และซูโย่วอี๋ก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับนักท่องเที่ยว
แต่คุณป้าคนหนึ่งเอาแต่จดจ่ออยู่กับการพูดคุยโดยไม่สนใจคนรอบข้าง ร่างกายที่อ้วนท้วนของเธอชนซูโย่วอี๋ถอยหลัง
ซูโย่วอี๋ที่ก้าวถอยหลังดันเหยียบหินเข้าจนข้อเท้าพลิก
เธอหน้านิ่วไปเล็กน้อย
ซิดรีบประคองเธอ “พลิกไหม?”
ซูโย่วอี๋ยกเท้าขวาขึ้น “นิดหน่อย ไม่น่าจะร้ายแรง”
ซิดย่อตัวลง แล้วหันแผ่นหลังกว้างของเขาให้ “ผมจะแบกคุณไปเอง”
“ไม่ ฉันเดินเองได้”
ไม่นาน ไกด์ก็วิ่งกลับมา “ให้เขาอุ้มเถอะ ข้อเท้าคุณจะบวมเอานะ”
ถึงจะเป็นห่วงแต่ก็แอบโบกธงเชียร์ โอกาสแม่สื่อดี ๆ อย่างวันนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ นะ
ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงเองก็สวย
แต่ซูโย่วอี๋ยังปฏิเสธ ไกด์นำเที่ยวจึงผลักเธอไปทางหลังของซิด
จนเธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “ฉันไปเองได้”
แต่ซิดก็ยกตัวเธอขึ้น
โชคดีที่มีทางออกอยู่ไม่ไกล ซูโย่วอี๋จึงชี้ไปทางซ้าย “มีจุดรักษาพยาบาลชั่วคราวอยู่ตรงนั้น”
ทันทีที่พูดออกไป เสียงของชายที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “คุณซู คุณบาดเจ็บเหรอ?”