Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 358 เป็นไปได้ว่า…
บทที่ 358 เป็นไปได้ว่า…
บทที่ 358 เป็นไปได้ว่า…
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมองตามเสียง “ประธานลู่?”
เมื่อถึงจุดตรวจทางการแพทย์แล้ว ลู่เฉินจึงมาช่วยเธอลง แต่ซิดไม่ยอมปล่อย
เขามองไปที่ลู่เฉินด้วยสายตาเฉียบคม “คุณเป็นใคร?”
“หุ้นส่วนของคุณซูและคู่ดูตัว ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราจะแต่งงานกันในเร็ว ๆ นี้”
ซิดตะลึง
ซูโย่วอี๋เองก็ตะลึง
ซิดรับรู้ถึงการแสดงความเป็นเจ้าของในคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้ตอบกลับคำพูดของลู่เฉิน ทว่าหันไปทางซูโย่วอี๋ “คู่ดูตัวคุณไม่มีมารยาทเลย”
หมอที่มองดูจากด้านข้างถามขึ้น “พวกคุณมาหาหมอใช่ไหม?”
ตอนนั้นเองซิดถึงปล่อยเธอลง
ชายสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ราวกับเทพอารักขา จนซูโย่วอี๋ต้องเงยหน้าขึ้นมอง “พวกคุณนั่งลงเถอะค่ะ”
หลังจากที่หมอตรวจดูแล้ว เขาก็สั่งยา “อย่าขยับเท้าจะดีที่สุด”
แปลว่ายังต้องถูกแบก
“ผมเอง”
ซิดและลู่เฉินพูดพร้อมกัน ทำให้ซูโย่วอี๋อายมาก
“ฉันเดินขาเดียวได้”
ซิด “คุณทำไม่ได้”
ลู่เฉิน “คุณทำไม่ได้”
หมอ “คุณทำไม่ได้”
ซูโย่วอี๋ยอมรับชะตากรรม “ซิด คุณไม่ได้จะขึ้นเครื่องบินกลับประเทศเหรอคะ? คุณไปก่อนเถอะ”
“ผมหาเวลากลับรอบอื่นได้”
ซูโย่วอี๋มองไปที่ลู่เฉิน “คุณมาที่กำแพงเมืองจีน คุณคงมีอย่างอื่นต้องทำ คุณไปทำธุระเถอะค่ะ”
“ผมมาหาคุณ”
ซูโย่วอี๋งุนงง “มาหาฉันเหรอ?”
ลู่เฉินพยักหน้า “วันนี้วันเกิดของอวี๋เฉิง เรานัดทุกคนมากินอาหารเย็นด้วยกัน ซูหยินขอให้ผมมาพาคุณไปที่นั่น”
หยินหยิน?
ตอนนี้ซูโย่วอี๋ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ แม้ว่าเธอจะมีนัดกินอาหารเย็นจริง ๆ เธอก็ไปที่นั่นคนเดียวได้ ทำไมหยินหยินถึงวานให้ลู่เฉินมารับเธอล่ะ?
“ฉันจะโทรหาคนขับให้มารับเองค่ะ ไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า”
แต่ไม่มีใครฟังเธอเลย
ซูโย่วอี๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาซูหยิน “เธอกำลังทำอะไร?”
ซูหยินยิ้มอย่างไร้เดียงสา “[ประธานลู่อยู่กับเธอใช่ไหม? ฉันรู้ว่าเธอกำลังเที่ยวกำแพงเมืองจีน ประธานลู่บอกว่าเขาก็กำลังไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนเหมือนกัน ฉันเลยให้เขาไปรับเธอมาระหว่างทางไง]”
ลู่เฉินก็ตั้งใจมาที่นี่?
ซูโย่วอี๋ชำเลืองมองลู่เฉินที่มีสีหน้าเรียบเฉย
อาจจะบังเอิญ
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซูโย่วอี๋ก็พูดว่า “ซิด ประธานลู่กับฉันจะไปร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนด้วยกันค่ะ เราจะพาคุณไปส่งที่สนามบินก่อน”
“กลับรอบอื่นจะดึกเกินไป”
“ประธานลู่ ช่วยพยุงฉันหน่อยค่ะ”
ลู่เฉินเข้ามาประชิดตัวซูโย่วอี๋ทันที ถึงจะพูดว่าพยุง แต่มันเหมือนการกอดมากกว่า
ซูโย่วอี๋ตกอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม อย่างนี้ให้อีกฝ่ายแบกเธอเลยก็ได้
ส่วนซิดตามไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ลู่เฉินนั้นรัดแน่นเกินไปจนซูโย่วอี๋ต้องพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “คลายหน่อยค่ะ”
“คุณทำให้ฉันเจ็บ”
หลังจากพูดจบ ซูโย่วอี๋ก็อยากจะตบตัวเอง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลู่เฉิน เธอมักจะแสดงด้านที่อ่อนแอโดยไม่ตั้งใจทุกที
มุมปากของลู่เฉินยกขึ้น “ตกลงครับ”
รถของลู่เฉินจอดอยู่ริมถนน เมื่อเขามาถึง เขาก็อุ้มซูโย่วอี๋มานั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ ปิดประตู และรอให้ซิดเข้าไปในรถ
แต่ซิดถอยหลังไปสองก้าว “ไม่ล่ะ ขอบคุณ ผมจะนั่งแท็กซี่ไป”
จากนั้นเขาก็เคาะหน้าต่างฝั่งซูโย่วอี๋
“ผมจะรอคุณที่วิทยาลัยฮิลเบิร์ตนะครับ”
“ผมจะให้คำตอบคุณเรื่องยาให้เร็วที่สุด”
ซูโย่วอี๋พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะ ฉันควรจะไปส่งคุณ”
เมื่อเห็นซิดเรียกรถออกไปแล้ว ลู่เฉินก็เข้าไปในรถ “คุณซู เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไป ขอโทษด้วยครับ”
“คุณพูดตอนนี้สายเกินไปไหมคะ?”
ไม่ว่าเธอจะมองไปที่ลู่เฉินอย่างไร เธอก็ไม่เห็นความรู้สึกผิดอะไรเลย
“แล้วการดูตัวที่คุณพูดถึงล่ะ?”
ลู่เฉินสตาร์ตรถ “ผมไม่ได้โกหก หนิงเซิงนัดให้ผมไปพบคุณ”
“และผมตกลง”
ซูโย่วอี๋นั่งอยู่บนเบาะ ข้อเท้าของเธอยังคงเจ็บ “ประธานลู่ ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่คุณสื่อค่ะ”
“คุณเข้าใจ”
ลู่เฉินวางนิ้วเรียวของเขาบนพวงมาลัย “ผมอยากลองคบกับคุณ”
“ทำไมคะ?”
“เพราะบังเอิญเหมาะสมกันเหรอคะ?”
“หรือพอแก่แล้วเลยอยากแตกกิ่งก้านสาขาให้ตระกูล?”
“ฉันคิดมาตลอดว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
ลู่เฉินพูดเสียงต่ำ “คนแบบไหน?”
ซูโย่วอี๋ไม่พอใจเล็กน้อย “คนที่ยอมประนีประนอม”
พวกเขาสองคนไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงโรงแรม
หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ซูหยินรีบวิ่งมากอดซูโย่วอี๋ แต่ลู่เฉินใช้มือของเขากันเธอไว้ “เธอเจ็บข้อเท้าอยู่ครับ”
ซูหยินก้มมอง และเห็นข้อเท้าถูกพันไว้ด้วยผ้าก๊อซจริง ๆ
ซูโย่วอี๋อธิบาย “แค่พลิกเฉย ๆ น่ะ”
ซูหยินพยุงเธอให้นั่งลงอย่างเป็นกังวล โดยเหลือเพียงสองที่นั่งที่อยู่ติดกัน
ซูโย่วอี๋กับลู่เฉินนั่งลง
เพราะเธอไม่ได้กินข้าวกล่องมากนักในตอนเที่ยง ซูโย่วอี๋จึงรู้สึกหิวมาก
เธอกินแม้แต่อาหารที่เธอไม่ชอบ
โดยมีลู่เฉินเป็นคนหมุนโต๊ะให้อาหารจานโปรดมาอยู่ตรงหน้าเธอ
ซูหยินพูดติดตลกหลังจากเห็น “คุณลู่นี่ช่างเอาใจใส่จริง ๆ นะคะ”
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว คุณลู่ยังไม่มีแฟนใช่ไหมคะ? ทำไมคุณไม่ลองพิจารณาเสี่ยวอี๋ของเราล่ะ?”
“เธอสวย เสียงเพราะ อ่อนหวาน อ่อนโยน ใจดี และก็มีน้ำใจด้วย”
ลู่เฉินตอบโดยไม่เงยหน้า “ตกลงครับ”
ซูโย่วอี๋ที่เพิ่งงับไก่ผัดพริกพลันสำลัก ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
ลู่เฉินหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วยื่นไปที่ปากของเธอ
ซูโย่วอี๋จิบไปสองครั้งก่อนที่จะระงับความร้อนในลำคอ “หยินหยิน อย่าพูดเล่นสิ”
หลังจากกินอาหารกันแล้ว ซูหยินก็จัดแจงให้ลู่เฉินช่วยพาเธอกลับบ้าน และมันก็สายเกินไปที่ซูโย่วอี๋จะปฏิเสธ
เธอเพิ่งพบว่ามันแปลกที่ซูหยินทำท่าทางเหมือนว่าต้องการจะจับคู่พวกเรา
แต่เธอกับลู่เฉินอยู่ด้วยกันไม่ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกเศร้า
ในอนาคต มันคงจะดีกว่า ถ้าออกจากจีนแล้วไปอยู่ต่างประเทศและไม่กลับมาอีก
ตราบใดที่เธออยู่ในจีน เธอจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดต่อกับลู่เฉินได้ หากมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจินหลิงครั้งล่าสุดอีกครั้ง อาจทำให้เกิดผลกระทบที่แก้ไขไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ซูโย่วอี๋ทำไปก็จะไร้ประโยชน์
ก่อนที่เธอจะรู้ตัว รถก็หยุดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลฮันแล้ว
ซูโย่วอี๋ปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถ แต่ลู่เฉินคว้าตัวเธอไว้ก่อน “ซูโย่วอี๋”
เธอใช้เวลากว่าสองวินาทีก่อนที่จะรู้ว่าการเรียกของอีกฝ่ายนั้นผิดปกติ “อะไรคะ?”
ลู่เฉินจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “ผมอยากจะอธิบายให้คุณฟังเกี่ยวกับการกลืนศักดิ์ศรีเพื่อผลประโยชน์ที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้”
“ผมไม่ได้ประนีประนอมประโยชน์เพราะถึงวัยที่ต้องแต่งงาน”
“ไม่ได้ประนีประนอมเพราะมรดกของตระกูล”
“ไม่ได้ประนีประนอมเพราะเราเหมาะสม”
“เป็นเพราะคู่ดูตัวคือคุณ ผมถึงยอมประนีประนอม”
เสียงของลู่เฉินอ่อนลง “ซูโย่วอี๋ ผมอาจจะชอบคุณ”
ดวงตาของซูโย่วอี๋เบิกกว้างด้วยความตกใจ “ลู่… เฉิน คุณเสียสติหรือเปล่า?”
“ผมคิดว่าใช่ ไม่อย่างนั้นทำไมผมถึงตกหลุมรักคนที่เคยพบแค่ 2-3 ครั้งกัน”
“แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณ ผมก็รู้สึกว่าคุณควรเป็นของผม”
“ซูโย่วอี๋ คุณอยากลองคบกับผมไหม?”
ซูโย่วอี๋ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองอีกฝ่าย “ไม่”
เธอลงจากรถโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บที่เท้า
ลู่เฉินลงมาดึงเธอเอาไว้ “ทำไม?”
“คุณยังคิดถึงพ่อของซุ่ยซุ่ยอยู่เหรอ?”
ซูโย่วอี๋ผลักมือของเขาออก “ประธานลู่ เคารพตัวเองด้วย”
“แม้ว่าฉันจะคิดถึงพ่อของเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“อย่างน้อย ในตอนนี้คุณก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรื่องของฉัน”
ลู่เฉินพูดอย่างโง่งม “ให้พวกเขามารับคุณ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่ปล่อยคุณเดินไปคนเดียว”
ซูโย่วอี๋โทรเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “คุณไปได้แล้ว”
จากนั้นลู่เฉินก็หันหลังและจากไป
“ลู่เฉิน”
“เลิกสนใจในตัวฉันได้แล้ว”
“อย่าชอบฉันเลย เราอยู่ด้วยกันไม่ได้”