Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 55 คุณรู้ไหมว่าคำพูดของผมมีค่าแค่ไหน
บทที่ 55 คุณรู้ไหมว่าคำพูดของผมมีค่าแค่ไหน?
บทที่ 55 คุณรู้ไหมว่าคำพูดของผมมีค่าแค่ไหน?
ในที่สุด หลังจากการหารือกัน ทุกคนก็ตัดสินใจว่า ซูโย่วอี๋ควรร้องฮุคแรกของโอเปร่า และควรมีอีกสองคนรับผิดชอบในสี่ท่อนของฮุคที่สอง โดยร้องคนละสองท่อน
โดยท่อนโอเปร่าสี่ท่อนสุดท้าย สามท่อนแรกร้องเป็นคู่ และท่อนสุดท้ายร้องโดยซูโย่วอี๋คนเดียว
สรุปก็คือ เด็กฝึกทุกคนได้ร้องท่อนโอเปร่า
และทุกคนสามารถเรียนร้องเพลงกับซูโย่วอี๋ได้
พอเป็นอย่างนี้พวกเธอก็พึงพอใจมาก
แม้จะท้าทายแต่ก็เป็นโอกาสครั้งสำคัญเช่นกัน
เวลาสตรีมยังคงเป็น 19.00 น. ถึง 21.00 น. แต่ซูโย่วอี๋ได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากห้องสตรีมคู่เป็นห้องสตรีมเดี่ยว
แต่เมื่อไม่มีเฉินซีซีพูดคุยอยู่ข้าง ๆ ห้องสตรีมก็ดูเงียบเหงาไปเล็กน้อย
ซูโย่วอี๋พูดคุยกับกล้องเป็นครั้งคราวและอ่านความคิดเห็น
[คิดถึงกระต่ายขาวตัวน้อยจัง]
[ตอนทั้งสองสตรีมพร้อมกันมันสนุกมากเลยนะ]
[อยากดูสตรีมของพี่สาวน้องสาว]
[ฉันเบื่อ คนที่ต้องการดูเฉินซีซี ทำไมไม่ไปที่ห้องสตรีมของเธอล่ะ คุณมาพูดอะไรที่นี่?]
[ข้อความบนโปรดสุภาพและอย่าบุลลีโย่วโย่ว]
[ใช่ กระต่ายขาวตัวน้อยกับโย่วโย่วอยู่ด้วยกันดีที่สุด และแฟน ๆ ควรสมานฉันท์กัน]
[ตามหาคนอ้วนลดความอ้วน]
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าเธอต้องพูดอะไรบางอย่าง “ฉันก็คิดถึงเฉินซีซีมากเหมือนกัน แต่พวกคุณสามารถไปที่ห้องสตรีมหมายเลข 7 ได้นะคะ ถ้าต้องการดูเฉินซีซี”
จากนั้นชาวเน็ตหลายคนรีบไปที่ห้องหมายเลข 7 ทันที
[กระต่ายขาวตัวน้อย พี่สาวของคุณบอกว่าคิดถึงคุณในห้องสตรีม]
[พี่สาวคิดถึงคุณ]
[พี่สาวคิดถึงคุณ]
เฉินซีซีมองไปยังความคิดเห็นที่หลั่งไหลเข้ามา “พวกคุณกำลังพูดถึงพี่ซูโย่วอี๋เหรอ?”
[ใช่]
[ใช่]
เฉินซีซีพึมพำ “ฉันเองก็คิดถึงพี่สาวเหมือนกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็คิดได้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสตรีมอยู่ในห้องเดียวกันกับเธอ “ฉันขอโทษนะ”
หญิงสาวส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่เป็นไร”
ด้านซูโย่วอี๋ เธอหยุดสตรีมตรงเวลา
เฉินซีซีรีบออกจากห้องถ่ายตรงเวลาเช่นกัน เมื่อเธอมาถึงห้องสตรีมของซูโย่วอี๋ ก็ไม่เจอใครอยู่เลย
…
เป็นเวลาหลายวัน เพลงถูกเล่นซ้ำ ๆ ในห้องซ้อม ทุกคนซ้อมอย่างหนัก ก่อนการแสดงต่อสาธารณชน ซูโย่วอี๋ยอมรับว่าเพราะความช่วยเหลือของทีมงาน ทำให้การฝึกซ้อมเป็นที่น่าพอใจ
ก่อนทานอาหารในตอนบ่าย สมาชิกในทีมมองไปที่เธอและพูดว่า “ลีดเดอร์ ถ้าเราต้องการฝึกซ้อมอีกครั้งหลังการสตรีมคืนนี้ได้ไหมคะ”
ท้ายที่สุด มันก็เป็นการแสดงต่อสาธารณะครั้งแรก ทุกคนจึงประหม่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มอื่น ๆ จะซ้อมกันจนถึงเช้าตรู่หรือแม้กระทั่งตอนดึกของคืนนี้ แต่ทีมของพวกเธอกลับเลิกซ้อมในตอนกลางคืน และกลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
แม้ว่าแค่มีซูโย่วอี๋อยู่ ก็เป็นเหมือนการสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกในทีม แต่พวกเธอกลับไม่มั่นใจในตัวเองมากนัก
ซูโย่วอี๋จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ไม่มีปัญหา การแสดงของเธอถือว่าดีมากแล้วในความคิดของฉัน หากต้องการฝึกซ้อมอีก ก็ทำได้ แต่ห้ามเกินเที่ยงคืนนะ ไม่งั้นพรุ่งนี้ พวกเธอจะแต่งหน้าไม่สวย”
จู่ ๆ ชุ่ยเชียนต้งก็ถามขึ้นว่า “ลีดเดอร์ คุณไม่เคยแต่งหน้าเลยเหรอ?”
“ฉันแต่งหน้าไม่เป็น”
สมาชิกในทีมรู้สึกประหลาดใจ มันเป็นข้ออ้างไร้สาระที่ว่าแต่งหน้าไม่เป็น
ซูโย่วอี๋ยื่นมือขวาของเธอออกโดยให้ฝ่ามือคว่ำลง และชุ่ยเชียนต้งก็วางมือของเธอตาม จากนั้นก็เฮ่อเหว่ย และคนอื่น ๆ
“หนึ่ง สอง สาม สู้ ๆ!”
หลังจากจบการสตรีม ซูโย่วอี๋หยุดลังเลและตรงไปที่บ้านพักบนภูเขา
ทุกวันนี้ เธอพยายามหาเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยกับลู่เฉิน หากแต่ลู่เฉินไม่ปรากฏตัวเลย
ดังนั้นจึงเหลือทางเดียว
บนยอดเขา คฤหาสน์ในชูจิง
ลู่เฉินมองไปที่ใบหน้าอ้วนในวิดีโอโฟนและกดปุ่มเปิดประตู
ซูโย่วอี๋มาที่คฤหาสน์นี้เป็นครั้งแรก เธอจึงระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่มองไปรอบ ๆ และไม่ต้องการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่น
ลู่เฉินนั่งบนโซฟาและรอเธออยู่ เขาสวมชุดอยู่บ้านสีเทาเข้ม ตามองเอกสารในมือ
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นเมื่อเธอเข้ามา คิ้วและดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อต้องแสง
ดูเหมือนเขาจะเพิ่งอาบน้ำมา ผมของเขาแตกและเปียกชื้นที่ด้านหน้าเล็กน้อย คอเสื้อที่เปิดออกเล็กน้อยของเขาเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่น่าดึงดูด และยังมีกลิ่นหอมของสบู่โชยมา
ซูโย่วอี๋รีบหลบสายตาของชายหนุ่ม
เขามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามจริง ๆ
ลู่เฉินรวบรวมเอกสารและวางไว้บนโต๊ะจากนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
“นั่งลงสิ มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า?”
เขารินชาให้ซูโย่วอี๋ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ “ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ”
ซูโย่วอี๋ก้มศีรษะลงอย่างไม่มั่นใจ “ประธานลู่ วันนั้นคุณจงใจให้ฉันเข้าไปในห้องประชุมหรือเปล่าคะ?”
ลู่เฉินถือถ้วยน้ำชาในมือแล้วพูดว่า “คุณถามทำไม”
ดวงตาของซูโย่วอี๋ฉายแววความดื้อรั้น “คุณจะไม่สังเกตเห็นเรื่องที่ฉันบอกกับทุกคนเลยเหรอ ที่คุณให้ฉันเข้าไป แค่อยากจะให้พูดคำเหล่านั้นออกจากปากของฉันใช่ไหมคะ”
“คุณทำให้ฉันสังเกตเห็นสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว และช่วยให้ฉันสนิทกับคุณยายที่บ้านพักคนชรา คุณไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ก็ได้ แต่ฉันก็ขอขอบคุณ”
ลู่เฉินที่นั่งตรงข้ามทำหน้าเรียบเฉย ครึ่งหนึ่งของใบหน้าซ่อนอยู่ในเงา ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“แล้ว?”
เสียงของซูโย่วอี๋ต่ำมาก “ฉันคิดว่าที่คุณทำแบบนั้นเพราะต้องการอะไรบางอย่าง”
ลู่เฉินมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าและพบว่าเธอมีดวงตาสีแอปริคอตที่สวยงามมากคู่หนึ่ง แต่ถูกมองข้ามเพราะใบหน้าที่อวบอ้วนของเธอ
คิ้วที่ขมวดจนแทบพันกัน ล้วนบ่งบอกถึงความทุกข์ใจและความผิดหวัง และจมูกของเธอก็เป็นสีชมพูเล็กน้อย
เขาไม่ได้อยากทำมันเลย เขาไม่อยากโกหกเธอด้วยซ้ำ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ลู่เฉินลูบผมที่เปียกชื้นของเขาและพูดว่า “ซูโย่วอี๋ ผมเป็นนักธุรกิจ”
นี่เป็นการยอมรับโดยอ้อมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านพักคนชราเขาจงใจให้เธออยู่ในวันนั้น
ดวงตาของซูโย่วอี๋ฉายแววผิดหวัง แต่เธอยังคงมองไปยังลู่เฉิน และมองเข้าไปในดวงตาของเขา ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยการไม่มีอะไรเลย สายตาของเขานั้นว่างเปล่าเหมือนเคย
ประกายในดวงตาของซูโย่วอี๋ดับลงอย่างช้า ๆ และสีหน้าของเธอก็กลับมาสงบ “อืม”
“ประธานลู่ ธุรกิจก็คือธุรกิจ ฉันได้ช่วยคุณไปแล้ว และราคาที่คุณต้องจ่ายคืนมามันก็ต้องคุ้มค่า”
เมื่อได้ยินอย่างนี้สุนัขจิ้งจอกอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้น [เฮ้ ซู่จู่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคุณสมบูรณ์แบบมาก คุณไม่อยากลองแสดงละครดูจริง ๆ เหรอ?]
หัวใจของลู่เฉินกระตุกวูบ “พูดมาสิ”
นั่นคือความจริงทั้งหมด
เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านพักคนชราเป็นเพียงเรื่องโชคร้ายสำหรับเธอ แม้จะไม่มีเธอแต่เขาก็ยังมีหนทางแก้ไข
เป็นเรื่องปกติที่จะเลือกตัวเลือกที่ไม่เสี่ยง
“เฉินซีซี เป็นแค่ตัวประกอบในทีมของฉู่รั่วฮวน”
“คุณต้องช่วยเฉินซีซี ทักษะของเธอไม่ควรอยู่ที่ด้านหลัง เฉินซีซีและฉูรั่วฮวนไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน และการที่ฉูรั่วฮวนกลั่นแกล้งเธอมันไม่มีเหตุผลพอ”
ลู่เฉินพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า “คุณเลยคิดว่าการที่คุณทำให้ฉูรั่วฮวนขุ่นเคืองในบ้านพักคนชรา นั่นทำให้เธอเกลียดคุณและเอาไปลงกับเฉินซีซี”
การพูดคุยกับคนฉลาดเป็นเรื่องง่าย
ซูโย่วอี๋เยาะเย้ยตัวเองและพูดว่า “คุณก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”
“คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
“ให้เฉินซีซีออกกล้องให้ได้มากที่สุด”
ลู่เฉินมองมาที่ซูโย่วอี๋ด้วยสายตาเรียบเฉย และทันใดนั้นก็มีความคิดอยากจะแกล้งเธอ
“คุณรู้ไหมว่าคำพูดของผมมีค่าแค่ไหน คุณแน่ใจเหรอที่จะใช้โอกาสนี้กับเฉินซีซี”