Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 56 ฝึกเธอได้ดี
บทที่ 56 ฝึกเธอได้ดี
บทที่ 56 ฝึกเธอได้ดี
ซูโย่วอี๋ยกยิ้ม
แทนที่จะตอบคำถามของเขา เธอกลับยืนขึ้นและพูดว่า “ประธานลู่ ในเมื่อคุณพูดแล้ว ก็อย่าลืมล่ะ”
“ฉันไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณแล้ว”
ลู่เฉินมองแผ่นหลังของเธอmujเดินออกไปจากคฤหาสน์เรื่อย ๆ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี และพูดออกมาว่า “น่าสนใจ”
ฟังจากที่เธอพูดเมื่อกี้นี้
ซูโย่วอี๋มาที่นี่ก็เพื่อเฉินซีซี
เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านพักคนชรา เขาก็รู้สึกผิดต่อเธออยู่ไม่น้อย จึงบอกความจริงออกไปตามตรง แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดมากขนาดนี้
ถึงเธอจะไม่ได้ฉลาดมาก แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้น
เขาลู่เฉินคนนี้ฝึกเธอได้ดีจริง ๆ!
หลังจากกลับมาที่หอพัก ซูโย่วอี๋ก็ตรงไปที่ห้อง 203
เมื่อเฉินซีซีเห็นเธอ ก็มีสีหน้าประหลาดใจ “พี่สาว ทำไมวันนี้พี่ว่างมาหาฉันได้ล่ะ”
ตั้งแต่เธอย้ายออกจากห้องเก่า ทั้งสองคนก็ยุ่งกับการเตรียมการแสดงของตัวเอง จึงไม่ค่อยได้เจอกันเลย
“รูมเมทคนใหม่ของเธออยู่ไหน?” เธอถาม
“ยังซ้อมอยู่เลย เราเข้ามาคุยกันก่อนได้นะ”
ว่าจบ เฉินซีซีก็ขยิบตาให้เธออย่างขี้เล่น
“การแสดงของเธอวันพรุ่งนี้เป็นยังไงบ้าง”
เฉินซีซีตอบอย่างเฉยเมยว่า “นั่นสิ ดีหรือไม่ดีก็ไม่สำคัญหรอก เพราะฉันยืนอยู่ด้านหลัง”
ซูโย่วอี๋มาที่นี่เพราะเธอกังวลว่ากระต่ายน้อยจะมีความคิดเช่นนั้น
มิฉะนั้นความนิยมที่เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาก็จะเสียเปล่า
“เฉินซีซี นี่เป็นการแสดงครั้งแรกของเธอบนเวที เธอจะทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ ได้ยังไง ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอใช้ความกล้าแค่ไหนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่บอกพ่อแม่ แค่ตอนนี้เธอเจออุปสรรคนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ท้อแล้วเหรอ?”
“ในเมื่อตอนนี้มันก็ดีกว่าที่เคยเป็นมากแล้วนี่”
“ถึงจะยืนอยู่ด้านหลัง แต่แฟน ๆ ของเธอ ฉัน หรือพ่อแม่ของเธอต้องไม่ละสายตาจากเธอแน่”
ดวงตาของเฉินซีซีเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของพี่สาว “ใช่ ฉันมีแฟน ๆ พวกเขาชอบฉันมากและให้กำลังใจฉันเสมอ ทั้งสนับสนุนฉันและโหวตให้ฉัน ฉันต้องเป็นตัวอย่างที่ดี แล้วพรุ่งนี้ฉันก็ต้องแสดงให้ดีด้วย”
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ใช่ ทำเพื่อคนที่รักเธอไง”
……
คืนนั้นซูโย่วอี๋นอนไม่หลับ
แต่เนื่องจากเธอผูกกับระบบ อาการนอนไม่หลับของเธอดูเหมือนจะหายไป
เจ้าจิ้งจอกลอยออกมาจากความมืด
[ซู่จู่ ระบบตรวจพบว่าคุณกำลังคิดมาก บางทีคุณอาจจะอยากคุยกับฉัน]
เธอหันไปถาม [ว่างเหรอ?]
สุนัขจิ้งจอก [ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ก็เห็นว่าคุณไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนี่นา]
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจ “เอาล่ะ ลืมมันไปซะเถอะ”
[คุณต้องการให้ฉันเปิดใช้งานการบังคับให้นอนหลับไหม?]
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
“นี่เจ้าจิ้งจอกเน่า เรื่องที่ผ่านมามันเหมือนกับความฝันเลย”
สุนัขจิ้งจอกไม่เข้าใจ การตัดขาดจากคนสารเลวและได้โอบกอดความฝัน มันเหมือนความฝันยังไง?
“การหย่ากับเฉินเฉินเหมือนกับการหันหลังให้ครึ่งชีวิตของฉัน เจ้าจิ้งจอก ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงน่าสมเพชกว่านี้แน่”
“ฉันบอกกับเฉินซีซีว่าตอนนี้มันดีกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ทำไมสำหรับฉันมันไม่เป็นแบบนั้นเลยนะ”
สุนัขจิ้งจอกมองไปยังซู่จู่ที่นอนขดตัวกลมอยู่บนเตียง เหมือนกับเด็กที่ต้องการความปลอดภัย
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจ “เจ้าจิ้งจอกเน่า ฉันขอกอดหน่อยได้ไหม”
กอด?
สุนัขจิ้งจอกไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ และความรู้สึกอยากกอดก็แปลกมากในความคิดของมัน
มันลดขนาดตัวลงให้พอเหมาะกับเตียง ก่อนจะนอนลง ตอนนี้มันมีขนาดเท่าหมอน
ขนของสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยเรียบและลื่นมาก ดวงตาสีฟ้าของมันก็สดใสราวกับอัญมณี ทันใดนั้นหญิงสาวก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ แน่นอนว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถต้านทานเจ้าสัตว์หน้าขน ตัวปุกปุยได้
เธอเอื้อมมือไปกอดสุนัขจิ้งจอกไว้ในอ้อมแขน
“ว้าว นายน่ารักมากเลย”
เธอเอาแต่ลูบขนบนหัวของมัน
[ปล่อยฉันนะ!] สุนัขจิ้งจอกตะโกนอย่างไม่พอใจ
ใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกแดงจากการสัมผัสที่นุ่มนวลของซู่จู่
เธอหัวเราะอย่างมีความสุขจนแทบหายใจไม่ทัน ทำให้สุนัขจิ้งจอกได้แต่อดทน
ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือจากมัน และสุนัขจิ้งจอกก็หันกลับไปมองเธอทันที [อย่ากอดฉันแบบนั้นอีก]
“ทำไม? นายไม่น่ารักเลยนะ ถ้านายตัวเล็กลงอย่างนี้ ต่อไปฉันก็จะไม่เรียกนายว่าจิ้งจอกเน่าอีก” ซูโย่วอี๋ถามอย่างสับสน
สุนัขจิ้งจอกเงยหน้าขึ้นและพูดว่า [ไม่มีทาง]
หลังจากเล่นจนพอ ในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไป
สุนัขจิ้งจอกนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างเตียงและมองไปที่ซู่จู่ด้วยใบหน้าครุ่นคิด
ตอนนี้กำลังมีบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ แม้ว่าระบบจะพัฒนา แต่ ‘ความเป็นมนุษย์’ ก็ดูเหมือนจะพัฒนาไปด้วย
ระบบได้เลียนแบบอารมณ์ของมนุษย์ทุกรูปแบบ แต่นั่นเป็นเพียงการเลียนแบบเท่านั้น
หากความอับอายและความขุ่นเคืองที่เป็นอยู่ตอนนี้คือเรื่องจริง
แล้วจุดสิ้นสุดวิวัฒนาการของระบบคืออะไร?
คือเจ็ดอารมณ์และหกความปรารถนาของมนุษย์หรือไม่?
สุนัขจิ้งจอกส่ายหัว มันไม่เข้าใจเลย และซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของระบบ
……
เวลา 06:00 น.
ทุกคนบนเกาะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเพลง ‘วัยรุ่นท้าฝัน’
ทุกคนจะออกจากเกาะตอน 07:30 น. และไปที่โรงยิม การซ้อมครั้งแรกจะเริ่มเวลา 09:00 น. การซ้อมครั้งที่สองจะเริ่มในเวลา 11:00 น.
และการแสดงต่อหน้าผู้ชมเป็นครั้งแรกจะเริ่มเวลา 15:00 น. พวกเธอมีเวลาเพียงสองชั่วโมงในการแต่งหน้าและทำผม
เฉินซีซีและพี่สาวของเธอนั่งอยู่ด้วยกัน เด็กสาวเต็มไปด้วยความร่าเริง เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานเธอนอนหลับสบาย ในแถวหน้าและแถวหลังล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่มซูโย่วอี๋
เธอหยิบหน้ากากอนามัยสองชิ้นออกจากกระเป๋าเป้กระต่ายแล้วพูดว่า “พี่สาว อย่าลืมเอานี่ไปตอนลงจากรถนะ”
“ต้องมีปาปารัสซีสักคนอยากถ่ายรูปพี่สาวตอนไม่แต่งหน้าแน่ ต้องระวังไว้ให้ดี”
ซูโย่วอี๋รับมันมาไว้ในมือ ตอนนี้เธอไม่ได้แต่งหน้า ซึ่งทีมงานของรายการทำราวกับว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่เธอก็ยังเตือนสมาชิกในทีม
เมื่อรถแล่นผ่าน โรงละครหลักหงไห่ คนในทีมก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “เมื่อไหร่เราจะได้แสดงคอนเสิร์ตที่นี่บ้างนะ”
สายตาของซูโย่วอี๋มองไปที่ประตูอันงดงามกว้างใหญ่
“แค่ได้แสดงที่สถานที่จัดคอนเสิร์ตที่ไหนสักแห่งฉันก็พอใจแล้ว ถือเป็นจุดสูงสุดในอาชีพการงาน”
ชุ่ยเชียนต้งตบหัวผู้พูดและพูดว่า “อย่าพูดอะไรที่เป็นลางไม่ดี”
จากนั้นชุ่ยเชียนต้งก็เข้ามาใกล้ซูโย่วอี๋และพูดว่า “ลีดเดอร์ คุณจัดคอนเสิร์ตที่นี่ได้แน่นอน”
“ทำไมต้องที่นี่ล่ะ” ซูโย่วอี๋ถามอย่างสงสัย
เธอเบิกตากว้างพร้อมกับพูดว่า “ลีดเดอร์ คุณไม่รู้หรือว่าโรงละครหลักหงไห่ เป็นสถานที่จัดการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คนที่จัดคอนเสิร์ตที่นี่ล้วนเป็นระดับซูเปอร์สตาร์ของประเทศ ถ้าจะทำการแสดงที่นี่ต้องขออนุญาตคณะกรรมการจัดงานเสียก่อนจึงจะเข้าไปโดยไม่เสียค่าสถานที่”
ซูโย่วอี๋แตะจมูกของเธออย่างประหม่า เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ
“สถานที่นี้รองรับผู้ชมได้ถึงหนึ่งแสนคน พระเจ้า! นี่มันน่าอิจฉามาก คุณรู้ไหม นักร้องที่ดังที่สุด อย่าง ฮันเจ๋อหยาง ครั้งหนึ่งเขาเคยจัดคอนเสิร์ตที่นี่ แต่คนเต็มทุกที่นั่ง บัตรใบเดียวอัปราคาเป็นหมื่น”