Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 65 ฉันเดาว่าพี่ต้องไม่เคยเรียนเรื่องจิตสำนึกหรือศีลธรรมแน่เลย
- Home
- Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว
- บทที่ 65 ฉันเดาว่าพี่ต้องไม่เคยเรียนเรื่องจิตสำนึกหรือศีลธรรมแน่เลย
บทที่ 65 ฉันเดาว่าพี่ต้องไม่เคยเรียนเรื่องจิตสำนึกหรือศีลธรรมแน่เลย
บทที่ 65 ฉันเดาว่าพี่ต้องไม่เคยเรียนเรื่องจิตสำนึกหรือศีลธรรมแน่เลย
ยังมีคำพูดให้กำลังใจอีกมากมาย
[ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เธอสตรีมทุกวัน เธอเป็นไอดอลที่คิดบวกมาก และฉันจะสนับสนุนเธอเสมอ]
[โย่วโย่วควรกินให้อิ่ม อย่าหักโหมเกินไปเพื่อลดน้ำหนัก เหล่าส้มโอจะเป็นห่วง]
[สวัสดีตอนเช้า สวัสดีตอนบ่าย สวัสดีตอนเย็น เธอต้องสบายดีทุกวัน]
ในตอนแรกที่ซูโย่วอี๋อ่านข้อความ เธอตอบกลับอย่างจริงจัง แต่เมื่อตอบไปมาก ๆ เข้า เธอก็รู้สึกเหนื่อย
เนื่องจากมีข้อความมากเกินไป เธอจึงออกและเข้าสู่หน้าหลักของเวยป๋อ
ตอนแรกมีผู้ติดตามเพียงสิบคนรวมถึงเฉินเฉิน ซูหยินและคนรู้จักอยู่สองสามคน
แต่ตอนนี้เธอกลับมีผู้ติดตามมากกว่าแสนคน
ซูโย่วอี๋แทบไม่เชื่อสายตา
แสนคน?
ในความเป็นจริงจำนวนผู้ติดตามของเธอควรมีมากกว่านั้น แต่หลายคนสงสัยว่าบัญชีนี้จะเป็นของปลอม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจมัน
“ซีซี เธอมีแฟนกี่คนในเวยป๋อ”
กระต่ายน้อยเปิดเวยป๋อและส่งให้เธอดู
เฉินซีซีมีผู้ติดตามทั้งหมด 380,000 คน
แตกต่างจากเธอ ในเวยป๋อของเฉินซีซีมีข้อความสำหรับระบุตัวตนของเฉินซีซี
มันเขียนว่าเธอเป็นเด็กฝึกของ 22 วันปั้นดาว
เมื่อเทียบกับกระต่ายน้อย ผู้ติดตามของซูโย่วอี๋ไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้น
“ซีซี เธอยืนยันตัวเองยังไงเหรอ?”
“ง่ายมาก ฉันจะจัดการให้พี่เอง แต่มันต้องใช้บัตรประจำตัวของพี่นะ”
หลังจากนั้นไม่นาน
“พี่สาว ฉันยืนยันให้พี่แล้ว หลังจากการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และได้รับการอนุมัติตัวตน ทีนี้เวยป๋อของพี่ก็จะเหมือนกับของฉัน เรามาติดตามกันดีกว่า”
หลังจากนำโทรศัพท์ของเธอกลับมาดู ซูโย่วอี๋จึงตัดสินใจถ่ายรูปโปรไฟล์ใหม่ลงในเวยป๋อ
เฉินซีซีรับหน้าที่เป็นคนถ่ายส่วน ส่วนเธอรับหน้าที่ยิ้มให้กล้อง
“พี่สาว รอยยิ้มของพี่มันดูเสแสร้งไปหน่อย”
“ตลกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เหมือนพี่กำลังถูกทำโทษให้เอามือไพล่หลังเลย”
“พี่สาว ทำไมพี่ไม่ร้องเพลงล่ะ”
ซูโย่วอี๋อาย มันยากเกินไปสำหรับเธอที่จะถ่ายมันเป็นวิดีโอ
หลังจากนั้นไม่นาน รูปภาพคู่ของเธอและเฉินซีซีก็ถูกอัปโหลดพร้อมข้อความ ‘วันนี้อากาศดี!’
กระต่ายน้อยแชร์โพสต์นี้ทันที
[โย่วโย่ว มันไม่ง่ายเลยที่น้องสาวของฉันจะโพสต์เวยป๋อกับคุณ]
แฟน ๆ ต่างก็ตื่นเต้น
[พระเจ้า ได้เห็นหน้าโย่วโย่วแล้ว]
[ว้าว ดูสิ่งที่ฉันพบ โย่วโย่วและกระต่ายตัวน้อยอยู่ด้วยกัน]
[ใช่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ที่บ้าน]
[พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกัน!]
[คู่จิ้นที่ฉันเชียร์ต้องเป็นของจริง]
[ลูกอมกระต่ายขาวตัวใหญ่] พี่สาวฉันจะโกรธถ้าพวกเธอพูดไร้สาระ
ลูกอมกระต่ายคือชื่อเวยป๋อของเฉินซีซี
เมื่อแฟน ๆ พบว่าได้รับการตอบกลับจากไอดอลของพวกเขา พวกเขาดีใจจนแทบจะกรีดร้องออกมา แล้วรีบพิมพ์ว่า [กระต่ายน้อย อย่าโกรธนะ ฉันขอโทษ ฮ่าฮ่า]
ชาวเน็ตได้ตามไปที่เวยป๋อของซูโย่วอี๋อย่างรวดเร็วเพื่อติดตามเธอ
ส่งผลให้โทรศัพท์ของเธอค้างและไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ เธอที่ต้องการดูหัวข้อเกี่ยวกับรายการวาไรตี้ 22 วันปั้นดาว แต่เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล้มเลิก
ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว หญิงสาวบิดขี้เกียจและยืนขึ้นเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู
เฉินซีซีเอียงคอมองจากโซฟาแล้วพูดว่า “เอ๊ะ มีคนเคาะประตู เดี๋ยวฉันไปเปิดให้”
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะห้าม กระต่ายน้อยก็กระโดดไปเปิดประตูแล้ว
คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือคนสองหน้าซึ่งภายนอกดูไม่มีพิษมีภัยแต่ภายในกลับกลวงอย่างเหอมี่มี่
เฉินซีซีหันกลับมามองพี่สาวของเธอและพบว่าเธอไม่ได้ทักทายคนที่อยู่ข้างนอกเลย จึงคิดว่าพี่สาวไม่รู้จักคนคนนี้
“คุณมาหาใคร?”
เหอมี่มี่มองเฉินซีซีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างประหลาดใจ
ตามคำบอกเล่าของเฉินเฉิน ซูโย่วอี๋ไม่มีเพื่อนไม่ใช่เหรอ?
แล้วสาวน้อยผมสีชมพูสดใสคนนี้คือใคร?
“ฉันมาหาซูโย่วอี๋”
ก่อนที่เฉินซีซีจะตอบ พี่สาวของเธอก็ตะโกนบอกเธอ
“เฉินซีซี ปิดประตู”
“อ๋อ” กระต่ายน้อยพยักหน้า เธอรู้สึกว่าท่าทีของพี่สาวแปลกไป แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านี้
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เหอมี่มี่ก็เดินเข้ามา
เฉินซีซีขมวดคิ้วและตะโกนว่า “พี่สาว เธอยังไม่ได้เปลี่ยนรองเท้าเลย”
เหอมี่มี่เดินตรงไปหาพี่สาวโดยไม่สนใจเฉินซีซี
ฮะ?
นี่ซูโย่วอี๋ผอมลงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เป็นเพราะการหย่าร้างเลยทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอดูดีขึ้นมาก
เธอเปิดกระเป๋าและหยิบการ์ดสีแดงออกมาด้วยความรู้สึกรำคาญ “คำเชิญไปงานหมั้นของฉันกับเฉินเฉิน ส่งถึงคุณโดยเฉพาะ”
ซูโย่วอี๋มองไปยังการ์ดที่มีภาพเฉินเฉินในชุดสูทและมองเหอมีมี่ในอ้อมแขนอย่างรักใคร่
ซูโย่วอี๋พูดอย่างเย็นชาว่า “กรุณาไปวางไว้บนโต๊ะ ฉันไม่รับ”
“นอกจากนี้ การบุกรุกเข้ามาในบ้านของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของถือเป็นเรื่องเสียมารยาท”
เหอมี่มี่ไม่คิดว่าปฏิกิริยาของซูโย่วอี๋จะเยือกเย็นขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงจับมือซูโย่วอี๋และพยายามยัดการ์ดเชิญใส่
“รับไปเถอะ ยังไงก็เป็นงานหมั้นของอดีตสามีคุณ”
เหอมี่มี่เน้นคำว่า ‘อดีตสามี’ อย่างตั้งใจ
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสะใจ
แต่ซูโย่วอี๋ก็ยังไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
เมื่อมองการยั่วยุของเหอมี่มี่ ภาพที่เฉินเฉินกอดผู้หญิงอีกคนพลันปรากฏ แต่เธอกลับไม่รู้สึกกระวนกระวายใจใด ๆ เลย
ถูกต้อง อะไรที่เป็นขยะก็สมควรทิ้งไป
“ฉันขออวยพรให้เธอมีอายุยืนยาว ฉันไม่มีของขวัญจะให้ เพราะเธอไม่เหมาะสมที่จะได้รับมัน”
เฉินซีซีถามด้วยความประหลาดใจ “อดีตสามี?”
พี่สาวเคยแต่งงานและหย่าร้างเหรอ?
เหอมี่มี่กังวลว่าจะไม่มีใครสนใจเธอ เธอจึงปิดปากและพูดว่า “ใช่ พี่สาวของคุณแต่งงานแล้ว แต่น่าเสียดายที่เธอถูกอดีตสามีทิ้ง ซึ่งเขาก็เป็นคู่หมั้นของฉันด้วย”
เฉินซีซีเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอกำลังทำอะไร!
“พี่สาว คุณเคยแต่งงานแล้วเหรอ?” เด็กสาวชี้ไปที่บัตรเชิญในมือของเหอมี่มี่
เธอตอบว่า “ไม่ แต่ฉันกำลังจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้”
เด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความสับสน “แล้วทำไมพี่ถึงภูมิใจนัก ถ้าฉันเป็นพี่ ฉันคงสงสารตัวเองมาก ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะแต่งงานกับผู้ชายมือสอง”
“เธอ!”
เหอมี่มี่มองไปที่รอยยิ้มของเด็กสาวอย่างไม่สบอารมณ์ “น้องสาว เธอไม่ควรพูดไร้สาระ ฉันแต่งงานกับเฉินเฉินเพราะฉันรักเขา มันเป็นการแต่งงานที่ถูกต้องไม่ใช่เหรอ?”
เฉินซีซีหน้ามุ่ย “ก็พี่ขโมยสามีเก่าของพี่สาวฉันไปไม่ใช่เหรอ?”
“จะเรียกว่าขโมยได้ยังไงเฉินเฉินยอมหย่าเพื่อฉันนะ”
เฉินซีซีรู้สึกขยะแขยงหญิงสาวตรงหน้ามาก
นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ที่พยายามแย่งสามีของคนอื่นมาเป็นของตัวเองหรอกเหรอ ทำไมถึงภูมิใจนักล่ะ?
เธอมาที่บ้านของภรรยาเก่าเพื่ออวดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
ถึงซูโย่วอี๋จะทนได้!
แต่เฉินซีซีทนไม่ได้
“อืม… ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายงั้นเหรอ ฉันเดาว่าพี่ต้องไม่เคยเรียนเรื่องจิตสำนึกหรือศีลธรรมแน่เลย ถึงได้ไม่รู้สึกละอายใจ ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่กำลังภูมิใจเรื่องอะไร ฉันแนะนำนะ พี่ควรกลับไปเกิดใหม่ดีกว่าจะได้มีคุณธรรมขึ้นมาบ้าง”