Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 70 อย่ารู้สึกผิดกับความสุขของตัวเอง
บทที่ 70 อย่ารู้สึกผิดกับความสุขของตัวเอง
บทที่ 70 อย่ารู้สึกผิดกับความสุขของตัวเอง
หลังจากอวี๋ชิงจ้าวพูดจบ
ซูโย่วอี๋มองหญิงสาวอย่างสงสัย “เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอ เธอไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ” อวี๋ชิงจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ซูโย่วอี๋มองไปยังแผ่นหลังบางของอวี๋ชิงจ้าวซึ่งยังคงให้ความรู้สึกเย็นชาแต่ก็น้อยลงกว่าเมื่อก่อน
เวลา 14.00 น. ณ ห้องซ้อม
หลังจากพักผ่อนตลอดช่วงเที่ยง ทุกคนดูเหมือนจะกระตือรือร้นมากขึ้นและเสนอความคิดเห็นมากมาย
ซูโย่วอี๋ยืนอยู่หน้ากระดานและเขียนสรุปความคิดเห็นของแต่ละคน
หัวเรื่อง: ความรัก
สไตล์: เท่ หวาน และเซ็กซี่
องค์ประกอบการถ่ายทำ: กุหลาบ ผลไม้ ไวน์แดง
สถานที่: บาร์ สระว่ายน้ำ สวนหย่อม
ซูโย่วอี๋เคาะกระดานแล้วพูดว่า “ความคิดของเรามันยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง เราต้องเรียบเรียงเรื่องราวให้สมบูรณ์ ธีมหลักควรโดดเด่น และโฆษณาจุดเด่นของสินค้า”
สมาชิกในทีมขมวดคิ้วและคิดอย่างหนักราวกับว่าพวกเธอถูกถามโดยอาจารย์ในชั้นเรียน
กระต่ายน้อยทำหน้ามุ่ย “มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักออกแบบน้ำหอมที่มีต่อความรักต้องห้ามหรือเปล่า? ความรักต้องห้ามอาจเป็นที่ชื่นชอบก็ได้นะ”
แต่ชุ่ยเชียนต้งไม่คิดเช่นนั้น “ถึงอย่างไรเราก็ไม่ใช่นักออกแบบ หากเราคิดธีมผิดไป มันก็เหมือนทำข้อสอบผิดตอนเรียนมหาวิทยาลัยเลยนะ คะแนนของเราคงจะต่ำมาก”
หลังจากมองไปรอบ ๆ คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปยุ่งกับความรักต้องห้าม
ท้ายที่สุดคราวนี้ผู้ตัดสินไม่ใช่แบรนด์ แต่เป็นผู้ชม
ความคิดเห็นของนักออกแบบยังคงมีความสำคัญหรือไม่?
แน่นอนว่ามันสำคัญ!
ซูโย่วอี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจ
นักออกแบบคือจิตวิญญาณของผลิตภัณฑ์ หากโฆษณาถูกแสดงออกมาถึงความตั้งใจของนักออกแบบ โฆษณาแบบผิวเผินก็จะไม่ใช่โฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์นั้น
เธอคิดแบบนั้นและบอกกับสมาชิกในทีมของเธอ
อวี๋ชิงจ้าวที่เป็นอันดับหนึ่งพูดขึ้น “ฉันสนับสนุนความคิดของซูโย่วอี๋”
เมื่อเห็นว่าเด็กฝึกอันดับหนึ่งและสองคิดเหมือนกัน สมาชิกในทีมก็ไม่คัดค้านอีก
ด้านกระต่ายขาวตัวน้อยเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัยและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น แฟน ๆ จะชอบวิดีโอโฆษณาของเราไหม?”
[อย่านะ พวกเธอกำลังไปผิดทางแล้ว]
[ใช่ ยังดีที่ตอนนี้สังคมไม่ต่อต้านแล้ว]
[น้ำหอม น้ำหอม น้ำหอม พูดตามฉันสามครั้ง!]
[ข้างบน คุณคิดว่าภูเขาคือภูเขา และน้ำคือน้ำ? คุณนึกถึงอย่างอื่นบ้างได้ไหม]
[ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะการแข่งขันต้องมีคนถูกตัดออกไป ผลิตภัณฑ์น้ำหอมอย่างเดียวก็คงจะสวยงามมาก!]
[ฉันเห็นด้วยนะ คุณชนะไปกว่าครึ่งของเกมด้วยการขายน้ำหอม DORA อย่าคิดมากไร้สาระ!]
การสนทนาดำเนินมาถึงทางตัน เธอจึงได้แต่ปล่อยให้ทุกคนพักผ่อน
เมื่อไม่มีใครอยู่ หลินเจี้ยนจึงเดินไปหาซูโย่วอี๋และพูดว่า “ฉันมีไอเดียนะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะโอเคหรือเปล่า”
“พูดมาเลย”
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น หลินเจี้ยนก็กลายเป็นคนสันโดษและไม่พูดกับใครเลย เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะพูดกับใครก่อน ดังนั้นซูโย่วอี๋จึงรับฟังเพื่อเป็นการให้กำลังใจเธอ
“เราสามารถมีความคิดของตัวเองได้ แต่ว่านะ การถ่ายโฆษณามันต้องคลุมเครือและปล่อยให้ผู้ชมคิดต่อกันเอง”
ซูโย่วอี๋พยักหน้า “โอเค มีอะไรอีกไหม”
หลินเจี้ยนส่ายหัว
“เธอสามารถแสดงความคิดเห็นได้นะ เหมือนเมื่อก่อนไง”
หลินเจี้ยนก้มหัวลงพร้อมใบหน้าขมขื่น เธอย้อนอดีตไม่ได้
จากนั้นทุกคนก็เริ่มระดมความคิดกันอีกครั้ง ซูโย่วอี๋บอกความคิดเห็นของหลินเจี้ยนให้ทุกคนได้ฟังพร้อมเขียนลงบนกระดานว่า ‘การโฆษณาที่คลุมเครือ’
ชุ่ยเชียนต้งตบมือแล้วพูดว่า “นั่นสิ ทำไมฉันคิดไม่ออก”
ส่วนกระต่ายน้อยก็ถูมือของเธออย่างตื่นเต้น “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ลังเลที่จะพูด”
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของทั้งสองแล้ว ดูเหมือนพวกเธอกำลังขิงใส่กัน
ซูโย่วอี๋กลับเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว “กลับมาที่การถ่ายทำโฆษณา ฉาก โครงเรื่อง และคำโฆษณา”
“รักต้องห้าม”
…ค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่ดูตรงไปตรงมาเกินไป?
“จงกล้าที่จะไล่ตามความรักของคุณ”
…ไม่นะ! เหมือนกับเธอกำลังให้กำลังใจอยู่เลย
“ความรักก็เหมือนกรงขัง แต่คุณก็เต็มใจที่จะถูกขัง”
…มันยาวเกินไปและไม่น่าจดจำเลย
…ยิ่งกว่านั้น การถูกกักขังก็ดูจะเป็นเรื่องไม่ดี แสดงว่าเขาไม่มีความสุขเหรอที่มีความรัก…
มีความสุข?
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าคำนี้สำคัญมาก เธอจึงเขียนไว้บนกระดานดำ
“พวกเธอคิดยังไงกับคำว่ามีความสุข”
“มีความสุขไม่ใช่เรื่องผิด”
…ไม่ต่างอะไรกับ ‘รักต้องห้าม’
เมื่อเห็นพวกเธอพูดคุยกันทำเอาชาวเน็ตปวดหัวกันถ้วนหน้า
[เหมือนกำลังดูเด็กมหาวิทยาลัยโต้วาทีกันเลย]
[ปวดหัว!]
[มันโอเคไหมที่จะรู้สึกว่ารักแท้นั้นเป็นบาป]
[กลุ่มเด็กสาวที่อยากเป็นศิลปินกลับได้ทำงานเป็นนักวางแผน ทีมงานของรายการสุดยอดมาก!]
[ฮ่า ๆ ฉันก็คิดอย่างนั้น มันตลกมาก!]
[คนเบื้องหน้าต้องทำในสิ่งที่คนเบื้องหลังทำ]
[ฉันเคยเขียนคำโฆษณาและวางแผน ฉันไปสมัครเข้าร่วมดีกว่า]
สมาชิกในทีมพูดคุยกันและหัวเราะออกมา และประโยคหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ
‘อย่ารู้สึกผิดกับความสุขของตัวเอง’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ
“อย่ารู้สึกผิดกับความสุขของตัวเอง”
เธอเงยหน้าขึ้นและพบว่าสมาชิกในทีมทุกคนกำลังมองมาที่เธอ
“แน่นอน”
ใครกันที่ไม่มีความสุขในความรัก?
และข้อถกเถียงที่ไม่สิ้นสุดก็นำความคิดของผู้คนไปสู่ความรักต้องห้าม
ประโยคนั้นสั้นกระชับได้ใจความ
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
สมาชิกในทีมปรบมือให้
“สมบูรณ์แบบ”
“ลีดเดอร์สุดยอดมาก”
“ลีดเดอร์ คุณสุดยอดมาก”
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะทันได้ตอบโต้ เธอพูดอย่างสบาย ๆ เธอรู้สึกว่าคำพูดที่เธอพูดนั้นเข้ากันได้ดี แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่ามันธรรมดามาก
“คิดดูอีกทีไหม”
สมาชิกในทีมคิดว่ามันไม่จำเป็น
ไม่นานอวี๋ชิงจ้าวก็ยืนขึ้นและพูดว่า “นั่นสิ เรามีเวลาไม่มาก เรายังมีเรื่องต้องคิดอีกมาก”
จากนั้นเธอก็เสริมว่า “ไอเดียของเธอเจ๋งมาก”
คืนนั้น จำนวนผู้ชมในห้องสตรีมของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ครึ่งแรกเป็นการออกกำลังกาย และอีกครึ่งหนึ่งเป็นการพูดคุย
[ตอนนี้คุณมีน้ำหนักเท่าไหร่]
[คุณดูผอมลงมาก!]
[ตอนแรกฉันคิดว่าเธอโม้ว่าจะลดน้ำหนักให้ถึง 50 กิโลกรัมภายในหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิด]
[ฉันขอโทษ ฉันจะออกกำลังกายไปพร้อมกับคุณแล้ว]
[ฉันทำทุกวันแต่ผลลัพธ์ยังไม่ค่อยดี บอกฉันทีว่าเธอแอบกินยาลดความอ้วนหรือเปล่า]
[ฉันก็ไม่ได้มีผลอะไรมากเหมือนกัน จะร้องไห้!]
เมื่อเห็นความคิดเห็นอย่างนั้น ซูโย่วอี๋จึงตอบกลับไปว่า “เพราะคุณยังออกกำลังกายไม่หนักพอ หลังจากจบการสตรีม ฉันก็ออกกำลังกายต่ออีกสองชั่วโมงที่หอพัก”
“ฉันไม่ได้กินยาอะไรเลย”
“แค่ใส่ใจกับอาหาร”
[ใช่ อาหารที่คุณกินต้องไม่มีน้ำมัน]
[แน่นอน คุณต้องไม่ตามใจปาก ประเด็นคือฉันไม่สามารถควบคุมมันได้!]
[ลืมไปเลย ต้องกินผัก]
อีกด้านหนึ่ง
ผู้เฒ่าลู่นอนดูสตรีมของซูโย่วอี๋อยู่ในห้องนั่งเล่นและแสดงความคิดเห็นไปด้วย
แฟนคลับอันดับหนึ่งของโย่วโย่ว [สุขภาพสำคัญที่สุด]
เมื่อเห็นใครบางคนกำลังกล่าวหาซูโย่วอี๋ ชายชราจึงรีบพูดอย่างร้อนรน “หลี่ขุย รีบพิมพ์สิ!”
พ่อบ้านจึงกลายเป็นเครื่องพิมพ์คอมเมนต์ในทันที