Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 75 หรือว่าฉันชอบคุณ
บทที่ 75 หรือว่าฉันชอบคุณ?
บทที่ 75 หรือว่าฉันชอบคุณ?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ถึงช่วงบ่ายจะดีกว่าช่วงเช้า แต่ก็ยังห่างไกลจากความต้องการของตากล้อง
ซูโย่วอี๋กลับไปที่หอพักของเธอและสงสัยว่าคืนนี้เธอควรจะส่งโต้วโต่วกลับไหม เพราะพรุ่งนี้เธอต้องถ่ายทำฉากนี้อีก
เธอยังไม่ต้องการคืนมัน
มีปัญหาแล้ว
เธอกังวลกับการทิ้งแมวไว้ตามลำพังในหอพัก เธอจึงต้องพามันไปสูดอากาศภายนอก
เมื่อเห็นแมวแฟน ๆ ต่างก็ตื่นเต้น
[แมวมาจากไหน]
[สายเลือดบริสุทธิ์]
[ดีมาก อยู่เฉย ๆ อย่าส่งเสียงดัง มาดูโย่วโย่วออกกำลังกายกัน]
[เลือกตามที่ชอบได้เลย]
ซูโย่วอี๋พักเป็นครั้งคราว เมื่อโต้วโต่วเห็นโอกาสมันก็เริ่มที่จะกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเธอเพื่อหาที่พักผ่อนสบาย ๆ
ด้านผู้เฒ่าลู่ประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นในทีวีมาก
“หลี่ขุย ดูสิว่าโต้วโต่วชอบตอนโย่วโย่วแค่ไหน”
“มันก้าวร้าวมากตอนที่อยู่ที่บ้าน”
พ่อบ้านรู้ว่าชายชรารักโต้วโต่วมาก “บางทีแมวอาจแยกคนดีกับคนเลวได้”
ผู้เฒ่าลู่มีความสุขยิ่งกว่าที่ได้ยินเช่นนั้น
“หลี่ขุย คุณถามโย่วโย่วสิว่าเธอชอบโต้วโต่วหรือไม่ และถ้าเธอชอบโต้วโต่ว เราก็จะมอบมันให้เธอ”
พ่อบ้านพิมพ์ข้อความลงไปทันที
บังเอิญซูโย่วอี๋กำลังอ่านความคิดเห็นพอดิบพอดี
แฟนคลับอันดับหนึ่งของโย่วโย่ว: [คุณชอบโต้วโต่วไหม?]
เมื่อเห็นว่าชาวเน็ตรู้จักชื่อโต้วโต่ว ซูโย่วอี๋ก็เดาได้ว่าเขาเป็นเจ้าของแมว
เธอพูดอย่างรวดเร็วว่า “ขอบคุณที่ให้ฉันยืมแมวนะคะ โต้วโต่วได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี คุณต้องรักมันมากแน่ ๆ ฉันจะส่งมันคืนทันทีเลยค่ะ”
ชายชรายิ้มกว้างจนสุดหู “เธอนี่ช่างพูดจริง ๆ”
แฟนคลับอันดับหนึ่งของโย่วโย่ว: [ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าโต้วโต่วก็ชอบคุณเหมือนกัน]
เธอพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเกลี้ยกล่อมชาวเน็ตที่กระตือรือร้น
หญิงสาวเพิ่งอ่านความคิดเห็นและพบว่ามันมีมูลค่าหลายหมื่น
เธอไม่กล้ารับแมวที่มีค่าเช่นนี้มาเลี้ยงดูแน่
เมื่อซูโย่วอี๋กลับไปที่หอพัก เธออุ้มแมวน้อยอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะชนกับอะไรเข้า
โต้วโต่วเองก็เลียมือของเธออย่างรักใคร่
ที่ประตูด้านทิศเหนือ
ซูโย่วอี๋เห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงนั้นจากระยะไกล เมื่อเธอเข้าไปใกล้ก็พบว่านั่นคือลู่เฉิน
“ประธานลู่ คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
เขาเหลือบมองแมวในอ้อมแขนของเธอ ดวงตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ
“ผมคิดว่าวันนี้การถ่ายทำของคุณคงจะยุ่งเหยิง แต่จากที่ดูแล้วมันดูดีไม่น้อย”
เมื่อเห็นว่าโต้วโต่วตัวสั่น เธอคิดว่ามันจะไปหาลู่เฉิน เธอจึงเอื้อมมือออกไป แต่โต้วโต่วก็เบียดตัวเข้ามาที่ตัวเธออีกครั้ง
ซูโย่วอี๋จึงอุ้มมันไว้เหมือนเดิม “โต้วโต่วเชื่อฟังมาก แต่มีปัญหาเล็กน้อยกับการถ่ายทำของเราค่ะ”
“เล่าให้ผมฟังได้ไหม?”
ซูโย่วอี๋เล่าธีมของโฆษณาและขั้นตอนการถ่ายทำให้เขาฟัง
ลู่เฉินพอได้ฟังก็เลิกคิ้ว “ฉันไม่รู้สึกว่ากำลังมีความรัก?”
“ใช่ อันที่จริง ฉันก็พอเข้าใจมันได้ เพราะยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงอายุ 24”
เมื่อมองดูสีหน้าผิดหวังของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ
“ให้ผมช่วยค้นหาความรู้สึกของคุณไหม”
“ยังไงคะ?” ซูโย่วอี๋ถามอย่างสับสน
ลูเฉินก้าวไปหาเธอ
ทั้งสองคนใกล้กันมากเรื่อย ๆ
จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา
ซึ่งมันเหมือนกับกลิ่นที่ติดอยู่บนตัวเธอ
ลมหายใจของเขารินรดเหนือศีรษะของเธอ และทันใดนั้นหญิงสาวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
เธอถอยหลัง แต่ลู่เฉินกลับจับเอวของเธอแล้วดึงเธอไปเข้าไปใกล้อย่างนุ่มนวล
ดวงตาคู่สวยทั้งสองสบกัน
เอวของเธอที่ลู่เฉินสัมผัสร้อนผ่าว และใบหน้าของซูโย่วอี๋ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
เขามองเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ในตอนนั้นสุนัขจิ้งจอกยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นมาปิดตา [โอ้ ซู่จู่ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น]
ทั้งสองเพิกเฉยต่อกล้องที่ประตูหอพักโดยไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ชาวเน็ตกำลังคลั่ง
[นี่ฉันดูอะไรอยู่]
[!!]
[ประธานลู่กอดโย่วโย่วก่อน!]
[กังวลว่าฉันจะไม่อิ่มเหรอ ขออาหารหมาเพิ่มหน่อย!]
[ฉันเหมือนสุนัขที่ถูกเตะบนถนนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด]
[ทำไมอาหารหมาถึงไล่ตามฉันไม่หยุด?]
[ว้าว]
[โย่วโย่วสบายดีไหม]
[ชีวิตประจำวันอันแสนหวานของเจ้านายและศิลปินของเขา]
โต้วโต่วที่ถูกบีบอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองก็ร้องอย่างอึดอัด ทำให้เธอรู้สึกตัวและพูดด้วยความผิดหวังเล็กน้อยว่า “ประธานลู่ คุณปล่อยฉันได้ไหม”
ลู่เฉินปล่อยเธอและก้าวถอยหลัง เขามองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง
ซูโย่วอี๋มองไปทางอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก ขนตาหนาของเธอสั่นเล็กน้อย
“หึ”
ด้วยอารมณ์ที่ดี เขาถอยหลังไปสองก้าว
“เข้าใจไหม นี่คือความรู้สึกของการมีความรัก เขินอาย อึดอัด หน้าแดง และใจเต้นแรง…”
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าเธอถูกลวนลาม
เธออยู่ในกำมือเขาตั้งแต่แรกแล้ว
หญิงสาวจึงพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ พื้นฐานของการตกหลุมรักคือการที่คนสองคนรักกัน ตามที่คุณพูด ถ้าหน้าแดงและใจเต้นก็หมายความว่าฉันชอบคุณ”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก “ก็คงมีแต่คุณเท่านั้นที่รู้”
ซูโย่วอี๋โกรธจนตัวสั่น เธอพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ไม่มีทาง”
เธอดูเหมือนหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ถูกชายหนุ่มทำให้วิตกกังวล
ซึ่งลู่เฉินคิดว่ามันน่าสนใจ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังโกรธ เขาก็กระแอมในลำคออีกครั้ง “ขอโทษ ผมขอโทษ”
เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว ซูโย่วอี๋ก็ตะคอกอย่างไม่พอใจ
เธอไม่ยอมรับคำขอโทษของเขา
“ผมกังวลเรื่องโต้วโต่ว ว่าจะพามันกลับไปนอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนไม่จำเป็น”
“ฉันจะกลับแล้ว” ซูโย่วอี๋กล่าวโดยไม่สบตากับเขา
หลังจากไปถึงสระน้ำทิศเหนือ
เขาจ้องมองที่ด้านหลังของเธอเป็นเวลานานก่อนที่จะจากไป
ด้านซูโย่วอี๋มองไปที่โต้วโต่วที่ร้องเหมียว ๆ
[ซู่จู่ โต้วโต่วเป็นห่วงคุณ]
“ฉันสบายดี” ซูโย่วอี๋พูดพลางลูบขนของโต้วโต่ว
“เหมียว!”
หลังจากเข้ามาในห้อง เธอก็วางโต้วโต่วลงและคิดว่าคืนนี้จะให้มันนอนที่ไหน
เธอคุ้ยหาไปรอบ ๆ ห้องและตัดสินใจปูผ้าเพื่อให้โต้วโต่วนอนไปก่อน
เมื่อซูโย่วอี๋ย่อตัวลงเพื่อพับผ้า โต้วโต่วก็เข้ามาถูตัวเธออย่างออดอ้อน
“โต้วโต่วคืนนี้นอนที่นี่ได้ไหม?”
โต้วโต่วมองไปที่ผ้าแล้วมองไปที่เตียง
“เหมียว!”
แม้จะไม่มีการแปล เธอก็สามารถบอกได้ว่าโต้วโต่วไม่มีความสุข
มันต้องชอบใช้ชีวิตหรูหราเหมือนลู่เฉินแน่ ๆ มันคงไม่ต้องทำหน้าที่ที่แมวควรทำและมีสภาพความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย
ซูโย่วอี๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ด้วยใบหน้าที่น่าสมเพชของเธอ โต้วโต่วกำลังตกที่นั่งลำบาก
ซูโย่วอี๋เปิดกระป๋องแล้วพูดว่า “คืนนี้เธอคงต้องทนไปก่อน พรุ่งนี้ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน โอเคไหม?”
“เหมียว!”
เมื่อมองโต้วโต่วที่ฝังหัวลงในกระป๋องอาหารและส่งเสียงเคี้ยว เธอก็รู้สึกพึงพอใจ
เธอเหลือบไปเห็นผ้าเช็ดหน้าในถังขยะและนึกถึงใบหน้าเจ้าเล่ห์ของลู่เฉิน แต่เธอก็ยังหยิบมันขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์รู้สึกสับสน [ซู่จู่ คุณกำลังทำอะไร?]
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เธอเสริมว่า “ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ยังใหม่อยู่เลย”
เอาไปซักดีกว่า มันคงแพงน่าดู
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พูดเตือน [แต่นั่นมันถูกคนอื่นใช้ไปแล้ว]
“ซักแล้วฉันจะคืนให้เขา”
[แต่ลู่เฉินบอกว่าไม่ต้อง]
ซูโย่วอี๋มองไปที่สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์และพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องของนาย”
[คุณชอบเขาจริง ๆ เหรอ]
“นี่!”