Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว - บทที่ 78 ฉันต้องการตบคุณสองที
บทที่ 78 ฉันต้องการตบคุณสองที
บทที่ 78 ฉันต้องการตบคุณสองที
ในเวลานั้นหลินเจี้ยนกำลังเป็นคนแต่งหน้าให้ซูโย่วอี๋
แต่อวี๋ชิงจ้าวหยิบแปรงจากมือของหลินเจี้ยนไปแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอแต่งแบบไหนแล้วจะดูดี”
หลินเจี้ยนไม่พูดอะไรและปล่อยให้อวี๋ชิวจ้าวจัดการทุกอย่าง
ไม่นานเธอก็แต่งหน้าเสร็จ
และเมื่อทุกคนเห็นซูโย่วอี๋ ต่างก็ตกตะลึง
เพราะตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าสวยมาก
แม้รูปลักษณ์การแสดงในการประเมินรอบแรกของซูโย่วอี๋จะสวยงามเพียงใด แต่ก็ยังห่างไกลจากเธอในตอนนี้
ผมสีดำของซูโย่วอี๋ถูกมัดหลวม ๆ ไว้ที่ด้านหลังศีรษะ และติ่งหูมีตุ้มหูเล็ก ๆ สีขาวดูน่ารักเหมาะกับเธอ
แม้แก้มของเธอจะกลม แต่ก็มีโครงหน้าที่ชัดเจน และผิวของเธอที่เปล่งประกายจากลูกปัดสะท้อนแสงจากชุด
เมื่อแสงแดดส่องผ่านช่องว่างของใบไม้และตกลงบนร่างของเธอ
ยิ่งเสริมให้หญิงสาวดูเปล่งประกาย
การแสดงเริ่มขึ้น
ซูโย่วอี๋ทำเหมือนกับเธอง่วงนอนมาก เธอหลับตาอย่างผ่อนคลายแต่ก็สวยงาม
รูปร่างของเธอดูเจ้าเนื้อ แต่ก็ดูบอบบางและนุ่มนิ่ม
มีคนกำลังมา?
เธอเปิดตาที่กำลังหลับใหลและดวงตาสีอำพันของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสนและรอยยิ้ม เธอก้มหน้าลงอย่างเขินอายเมื่อคนคนนั้นจ้องมองมาที่เธออย่างไม่ละสายตา
การแสดงทั้งหมดจบลงในครั้งเดียว
ตากล้องใช้เวลาสักครู่และพูดขึ้น “พักก่อน”
และเขามีลางสังหรณ์ว่าโฆษณานี้จะได้รับความนิยมแน่
เพราะการแสดงของตัวละครหลักทั้งสองที่ผลักดันให้โฆษณานี้ไปถึงขีดสุด
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว เมื่อเธอกลับไปที่ห้องสตรีม มันก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว ซูโย่วอี๋จึงตัดสินใจอย่างกล้าหาญให้ทุกคนในทีมไม่สตรีมเพราะพวกเธอเหนื่อยมามากแล้ว
ชายชราอยู่ในห้องสตรีมและไม่เห็นใครเลย และพื้นที่แสดงความคิดเห็นก็มีความคิดเห็นนับร้อยปรากฏ
[นี่คือห้องถ่ายทอดสดของโย่วโย่วหรือเปล่า?]
[เธออยู่ที่ไหน?]
[เธอไม่กล้าออกมาเหรอ?]
[ใช่ เธออุตส่าห์ใช้พี่ชายของฉันเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเองแท้ ๆ แต่ทำไมไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน?]
[ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร]
[ก็แค่ผู้ชายหล่อกับหมูอ้วน น่าขยะแขยง จะอะไรนักหนา]
[ฉันรู้สึกโล่งใจที่เห็นคนจำนวนมากด่าเธอ]
หัวใจของผู้เฒ่าลู่เจ็บปวดเมื่อเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงโทรหาลู่เฉิน
[เจ้าหลานไม่รักดี โย่วโย่วอยู่ที่ไหน ทำไมเธอไม่มาสตรีม?]
ลู่เฉินรู้สึกสับสน
[ผมไม่รู้]
[ไม่รู้? เมื่อตอนบ่ายหลานชี้แจงอะไรไป? ตอนนี้ชาวเน็ตมาด่าโย่วโย่วที่ห้องสตรีมเต็มไปหมด ถ้าปู่เป็นเธอ ปู่ก็คงไม่กล้าสตรีมเหมือนกัน]
[หลานมักรู้อยู่เสมอว่าหลานกำลังทำอะไร แต่ทำไมหลานถึงไม่รู้ว่าควรทำอะไรในครั้งนี้ล่ะ]
เธอกำลังเจอกับสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่ได้เกิดจากเธอเลยด้วยซ้ำ
[ไปหาเธอ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หลานเห็นดีแน่]
เขารู้สึกได้ถึงความโกรธของชายชราผ่านทางโทรศัพท์
[อย่าโกรธเลยครับ ผมจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้]
หลังจากวางสาย เขาก็โทรหาจ้าวเว่ยเฉิงก่อน
[ประธานลู่ สมาชิกในทีมของเธอทั้งหมดไม่ได้มาสตรีม ต้องเป็นเพราะการถ่ายทำล่าช้าแน่ ๆ ผมจะติดต่อตากล้องของทีมทันที แล้วจะโทรไปบอกคุณครับ]
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เขาคงรู้สึกผิด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เปลี่ยนชุดลำลองแล้วออกไป มุ่งหน้ากลับไปที่ภูเขา
ตั้งแต่การถ่ายทำโฆษณาเสร็จสิ้นลง กลุ่มของเธอทั้งกลุ่มก็มีความสุขมาก ทุกคนเริ่มร้องเพลงใต้แสงจันทร์
“ขอให้ลีดเดอร์มีอนาคตที่สดใส”
“พี่สาวจ้าว จงเจริญ!”
“ถ้าเราร่วมมือกัน เราจะอยู่ยงคงกระพัน”
“ไปที่ไหน หญ้าก็ไม่งอกสักต้น”
หลังจากการแข่งขันที่ยาวนาน เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหาเวลามาผ่อนคลายอย่างนี้
ทั้งที่เธออายุเพียง 24 ปี ยังเด็กอยู่เลยแท้ ๆ
โต้วโต่วส่งเสียงร้องเป็นครั้งคราว ดูราวกับมีความสุข
เหมือนมันกำลังร้องเพลงไปกับพวกเธอ
“มีคนกำลังมา”
เฉินซีซีชี้ไปที่ร่างสูงตรงหน้าเธอ
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนหยุดและมองดูบุคคลนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่านั่นคือท่านประธานลู่เฉิน
กลุ่มคนที่เคยโหวกเหวกก็สลายตัวยืนขึ้นทันทีและทักทายเขาทันทีทันใด
“สวัสดีค่ะ ประธานลู่”
เขาพยักหน้ารับและจับจ้องไปที่ซูโย่วอี๋
เธอสวมเสื้อพิมพ์ลายดอกไม้ เผยให้เห็นไหล่และแขนที่กลมกลึง
ชุดเดรสรัดรูปแนบตัวเธอเหมือนลูกพีช
ดวงตาและคิ้วบางของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดี
ลู่เฉินรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกแมวข่วน ความกังวลเมื่อกี้นี้หายไปจนหมดสิ้น
สมาชิกในทีมมองไปที่ชายตรงหน้าอย่างสงสัย
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาเธอ
“คุณเป็นอะไรไหม?”
ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสน “ฉันจะเป็นอะไร?”
ในทางกลับกัน ลู่เฉินที่รีบเดินมาที่นี่ ทำให้มีเหงื่อบาง ๆ บนหน้าผากของเขา
เฉินซีซีเห็นอย่างนั้นก็ยื่นทิชชูให้เขาแล้วพูดว่า “พี่ชายลู่ เช็ดเหงื่อของคุณหน่อย”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขามองไปที่ซูโย่วอี๋และพูดว่า “ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
ซูโย่วอี๋โบกมือให้สมาชิกในทีมที่กำลังซุบซิบกัน “พวกเธอกลับไปก่อน”
แต่เห็นได้ชัดว่าสมาชิกในทีมอยากรู้อยากเห็นมาก พวกเธอหันกลับมาหลังจากก้าวไปสามก้าว
หลังจากฝูงชนจากไป ชายหนุ่มก็พูดขึ้นว่า “ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้”
“คุณมาที่นี่เพื่อขอโทษฉันเหรอ?” ซูโย่วอี๋ถามด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าสิ่งที่ลู่เฉินทำเมื่อคืนนี้ไม่เหมาะสม แต่เขาไม่จำเป็นต้องขอโทษเธอสักหน่อย
สมองของเขามีปัญหาหรือเปล่า?
“ค่ะ ฉันยกโทษให้คุณ”
“อย่าตอบเร็วนักสิ คุณดูนี่ก่อน”
เขายกโทรศัพท์ให้ซูโย่วอี๋ดู
นิ้วของเธอเลื่อนอ่านข่าวซุบซิบเกี่ยวกับ แฟนสาว ความกำกวม และการแสดงความรักใคร่
จนเธอทนคำด่าจากชาวเน็ตไม่ไหว
ซูโย่วอี๋รู้สึกสับสน ตกใจ และโกรธ
“ลู่เฉิน ไอ้คนสารเลว!”
เธอต้องถูกชาวเน็ตรุมด่า แถมแฟนคลับโย่วโย่วผู้น่าสงสารก็ยังถูกโจมตีจากแฟน ๆ ที่ไร้เหตุผลอีกด้วย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่เฉินก็พูดว่า “ผมชี้แจงไปว่าผมกอดคุณเพราะคุณสุขภาพไม่ดีและกำลังจะเป็นลม”
ซูโย่วอี๋ได้ยินอย่างนั้นก็แทบบ้า “ไอ้คนงี่เง่า พวกเขาจะเชื่อว่าฉันสุขภาพไม่ดีได้ยังไง ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเรียกฉันว่านังเจ้าเล่ห์ แสร้งทำเป็นอ่อนแอ คุณเป็นคนทำมันทั้งหมด!”
“ทำไมคุณไม่บอกไปว่าคุณชอบฉันและต้องการให้ฉันมาเป็นคนรัก?”
ตอนนี้เธอก็โดนด่าแบบไม่มีเหตุผล
มันทำให้เธอโกรธอีกครั้ง
ลู่เฉินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากหัวเราะกับท่าทางของเธอ
เธอดูเหมือนแมวน้อยที่กำลังขู่ฟ่อ
“คุณยังหัวเราะได้อยู่อีกเหรอ?”
ซูโย่วอี๋ โยนโทรศัพท์คืนเขาแล้วเดินตรงเข้าไปหา
ยิ่งมองเขา เธอก็ยิ่งโกรธ
ลู่เฉินจับมือเธอและกล่าวคำขอโทษอีกครั้ง “ผมขอโทษ ถ้าคุณโกรธผมจริง ๆ ผมจะเพิ่มโบนัสเป็นค่าตอบแทนในการเซ็นสัญญาของคุณ”
“ปล่อยฉัน ฉันไม่ต้องการแบบนี้”
เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง “แค่คุณพูดมา ผมทำได้ทุกอย่าง”
ด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ ซูโย่วอี๋จึงกล่าวว่า “แน่นอน คุณทำได้”
“งั้นฉันขอตบคุณสักสองที!”
…
แน่นอน เธอไม่ได้ตบเขาในตอนท้าย แต่เมื่อเห็นว่าลู่เฉินขอโทษเธอจริง ๆ เธอจึงไม่ยืนกราน
“จริงสิ ฉันต้องรีบไปทำอาหาร ฉันหิวจะตายอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ”