Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 603 โจรสลัด ยืมเงิน ทองคำดำ
“เจ้านาย,ข้าตรวจสอบแล้ว!” ผู้ช่วยของเขาพูดอย่างตื่นเต้น “กลุ่มนี้มีคนเพิ่มมา 40 คนและผู้นำของเขาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ในระหว่างทาง พวกเขาได้ขึ้นเรือของฉินอวี่หรันโดยบังเอิญและกล่าวกันว่าพวกมันพักอยู่ที่โกดังเก็บของและเพียงแต่ลงมือเมื่อเผชิญกับเรา ข้าได้ยินว่าเรือรบไม้โลหิตถูกส่งไปซ่อมบำรุงที่อู่ต่อเรือหย่งกวงข้าติดสินบนช่างซ่อมนิดหน่อย จากที่เห็นสภาพก็คือชุดปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งและเครื่องยิงคลื่นพลังเกลียวถูกใช้จนระเบิดพังเป็นชิ้นๆมันถูกใช้เกินพิกัดจนเกิดการระเบิด”
“เพิ่มมาสี่สิบคน” เหลียนไป่จวินพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนค่อยสมเหตุสมผล จากที่เห็นคนกลุ่มน้อยนี้บางทีอาจมีผู้นำทหารที่โดดเด่นอยู่ดวย ใช้การผสานพลังจึงทำให้คนทั้งสี่สิบคนแบ่งปันพลังบรรจุเข้าไปในเครื่องยิงคลื่น
ยอดฝีมือ!
สามารถทำเช่นนั้นได้พวกเขาเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง
นอกจากนี้อาศัยเพียงสี่สิบคนก็สามารถเปลี่ยนแปลงผลการสู้รบได้กลุ่มคนเช่นนั้นถ้าไม่ใช่มือดีแล้ว อย่างนั้นพวกเขาเป็นอะไร?
“พวกเขาไปที่ไหนต่อ?” เหลียนไป่จวินถาม
“พวกเขาแยกกับฉินอวี่หรันปัจจุบันนี้อยู่ที่ใดไม่มีใครทราบ” ผู้ช่วยของเขากล่าว “คนที่ติดตามฉินอวี่หรันติดสินบนไม่ง่ายนัก”
“ดูเหมือนว่าเป็นเหตุที่ไม่คาดคิด”เหลียนไป่จวินกล่าว การสู้รบมักเต็มไปด้วยอุปัทวะและสิ่งที่ไม่คาดคิดต่างๆและนอกจากนี้พวกเขาเป็นกลุ่มโจรสลัดก็หมายความว่าพวกเขาจะเผชิญเรื่องแบบนั้นมากขึ้น
ผู้ช่วยของเขามองดูเหลียนไป่จวินอย่างลังเล “เจ้านาย,อีกฝ่ายหนึ่งโกรธการกระทำของเรามาก พวกเขาคิดว่าเราทำลายข้อตกลงและพูดจาไม่น่าเชื่อถือ”
“โอว,งั้นปล่อยให้พวกเขาโกรธไปเถอะ” เหลียนไป่จวินไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น “เราเป็นโจรสลัด โจรสลัดน่าเชื่อถือตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ผู้ช่วยของเขาหัวเราะพยายามทำตัวฝืนความรู้สึก “ฮะฮะ งั้นข้าจะตอบพวกเขาอย่างนั้น! ทำลายอะไรกัน,พวกมันกล้าวิพากษ์วิจารณ์และสั่งเรา พวกมันเบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ?”
“พวกเขาพยายามสุมหัวคิดในขนาดที่ใหญ่เกินไป” เหลียนไป่จวินกล่าว “คราวนี้ เราจะไม่เสี่ยงถลำลึกเกินไป น่าเสียดายที่ฉินอวี่หรันไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือเรา ถ้าไม่อย่างนั้นคงมีรายได้พอเลี้ยงทั้งกองเรือ”
“กะ..กองเรือ?” ผู้ช่วยของเขาตะกุกตะกัก เขาอยู่ในอาการตกใจ
“พวกเขามีเงินมาก” เหลียนไป่จวินพูดอย่างเฉยชา แต่ประกายเย็นชาฉายผ่านในดวงตาของเขา “ฉินอวี่หรันเป็นส่วนสำคัญที่สุดของแผนการพวกเขา”
“อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?” ผู้ช่วยหัวหน้าโจรสับสน เจ้านายพูดออกมามาก แต่ทำไมข้าไม่เข้าใจ? แต่เมื่อคิดถึงกองเรือที่หลุดพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้ เขาต้องสูดหายใจหนาวเหน็บและเม้มปากด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
สตรีคนเดียวแลกเปลี่ยนได้หนึ่งกองเรือ หรือว่าสตรีนางนี้สร้างขึ้นจากทอง? แม้แต่ทองก็มีค่าไม่พอ!
“เอาสลัดกระหล่ำปลีมาด้วย” เหลียนไป่จวินพูดโดยไม่เงยหน้า
****************
ภายในคฤหาสน์เลิศหรู
“ว่าไงนะ? เจ้าเจอโจรสลัดโจมตีอย่างนั้นหรือ? และเป็นกองเรือโจรสลัดด้วย? โอว พระเจ้าช่วย! ทะเลรอบๆทวีปทรายขาวของเรามีโจรสลัดแล้วหรือนี่?” สุภาพสตรีงดงามใช้พัดขนนกปิดปากนางใบหน้านางเต็มไปด้วยอาการตกใจ
สุภาพสตรีชั้นสูงทุกคนที่นั่งล้อมวงล้วนตกใจกันทุกคน
“ถูกแล้ว,สถานการณ์อันตรายมากในตอนนั้น” ฉินอวี่หรันหัวเราะ “แต่โชคเรายังนับว่าดี เราพบกลุ่มพ่อค้ากลุ่มหนึ่งระหว่างทาง และพวกเขาช่วยเราไว้มากในที่สุดก็ผลักดันโจรสลัดกลับไป”
นางรู้ว่าพี่เหมิ่งและกลุ่มไม่ต้องการให้คนภายนอกรู้ดังนั้นนางจึงอธิบายอย่างคลุมเครือ
“เจ้ามีเมตตาและใจดีและกุศลกรรมดีของเจ้าก็พิสูจน์ตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง” สตรีงามนางหนึ่งยกย่อง
“พวกเขาแข็งแกร่งมากนักหรือ?”
“คุณหนูอวี่หรัน ครั้งนี้เจ้าจะพักอยู่เมืองทรายขาวนานแค่ไหน?”
……
ในกลุ่มยังคงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเรื่องความโชคดีของฉินอวี่หรัน นางเชี่ยวชาญและสามารถพูดรับมือกับพวกเขาได้ดี
ในอีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์ ไป๋เสี่ยวและบุรุษวัยกลางคนนั่งดื่มสุราพลางสนทนากันอย่างอารมณ์ดี
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพบกับโจรสลัด นั่นทำให้ข้าตกใจกลัวเชียวนะ” บุรุษวัยกลางคนหัวเราะ “แต่ในที่สุด เมื่อว่าถึงพลังที่แข็งแกร่งของเจ้า เจ้ามักจะเอาตัวรอดออกมาได้เสมอ ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยกังวล”
“ลุงรอง,ท่านไม่ต้องห่วงข้าหรอก” ไป๋เสี่ยวกล่าว แต่หน้าของเขาไม่ถึงกับไม่สบายใจ
ลุงรองไป๋เยี่ยของเขามักจะเป็นแบบอย่างของเขาตั้งแต่อายุยังน้อย กลายเป็นหัวหน้าหน่วนตอนอายุ 16 ปีความสำเร็จเช่นนี้ ไม่ว่าในทวีปใดๆ ล้วนน่าตกใจทั้งนั้น หลังจากนั้น 20 ปีเวลาผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าเขาเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งและกลายเป็นขุนพลทหารสุดยอดของตระกูลไป๋ และเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงของตระกูลไป๋
ครั้งนี้เขามาที่เมืองทรายขาวเพื่อทำงาน และคาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกับหลานชาย
ไป๋เยี่ยหัวเราะ “ยังไงก็ตาม, เจ้าเป็นพวกแมลงสาบ ไม่ตายง่ายๆแน่นอน”
“ลุงรอง,ท่านพอมีเงินให้ข้าหยิบยืมสักหน่อยได้ไหม?” ไป๋เสี่ยวพูดขึ้นกะทันหัน เป็นการฉวยโอกาส
“ว่าไงนะ? เจ้าขาดแคลนเงินหรือ?” ไป๋เยี่ยวมองดูฉินอวี่หรันและล้อเลียน “เจ้าไล่ตามจีบสาวๆจนเงินหมดเชียวหรือนี่? แต่เสี่ยวไป๋ ถ้าเจ้าสามารถพาสาวงามกลับบ้านได้สักคน ลุงรองจะสนับสนุนเจ้าแน่นอน! ข้าจะทำบางอย่างให้พ่อเจ้ากังวลบ้าง ว่าแต่,ถ้าเจ้าไม่กล้า อย่างนั้นก็ยอมรับมาเถอะว่าเจ้ากลัว!”
ไป๋เสี่ยวมีสีหน้าจนใจ “ลุงรอง ท่านคิดไปไกลถึงไหนแล้ว แม้ว่าข้าจะยกย่องอวี่หรัน แต่นี่ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ ข้าต้องการยืมเงินไปทำเรื่องอื่น”
“ไม่!” ไป๋เยี่ยส่ายหน้า “ถ้าไม่ใช่เพื่อเด็กสาว ข้าจะไม่ให้เจ้ายืมแน่!”
ไป๋เสี่ยวตะลึงมองดูไป๋เยี่ยความจริงเขาไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ว่าไง? เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไร?” ไป๋เยี่ยเลิกคิ้ว
“ลุงรอง,ข้าต้องการไปซื้อหอกต้นน้ำแข็งฟ้า” ไป๋เสี่ยวพูดขึ้นทันที
“หอกต้นน้ำแข็งฟ้า?” ไป๋เยี่ยตะลึง รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของทันที “หอกต้นน้ำแข็งฟ้า?เจ้าต้องการยืมเงินไปซื้อหอกต้นน้ำแข็งฟ้า?”
“ถูกแล้ว” ไป๋เสี่ยวพูดเบาๆ “ครั้งนี้ โจรสลัดที่เราพบพ่ายแพ้คนกลุ่มนี้ คนทั้ง 46 คนตอนแรกพวกเขาใช้ปืนใหญ่กระบี่รังผึ้ง จากนั้นก็ใช้เครื่องยิงพลังงานเกลียว จึงผลักดันพวกโจรสลัดกลับไปได้”
“จริงหรือ?” ไป๋เสี่ยวคุ้นเคยกับการสู้รบ และเขารีบคำนวณในใจทันทีและทันใดนั้นเขาเงยหน้าขึ้น “นั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก!”
สำหรับคน 46คนให้ควบคุมปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งและเครื่องยิงคลื่นพลังเกลียวแล้วเอาชนะสลัดได้ ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง ก็จำเป็นต้องมีอัตราการโจมตีถี่มาก”
ไป๋เสี่ยวช่วยแก้ไขข้อมูล “สลัดเหล่านี้มีเรือรบภูผาดำ,และเรือรบโจมตีเร็วสิบลำ”
“เป็นไปไม่ได้!” ประกายเจิดจ้าในดวงตาของเขาฉายขณะที่เขาโพล่งออกมา
“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นว่าเป็นไปไม่ได้” ไป๋เยี่ยกล่าว “แต่ข้าเห็นกับตาตัวเอง ปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งและเครื่องยิงคลื่นพลังเกลียวแตกกระจายเป็นเสี่ยง อาวุธทั้งสองชนิดไม่สามารถทนรับประจุพลังงานได้ ข้าเตรียมตัวจะวิ่งออกไปสู้ แต่เมื่อเห็นคลื่นพลังเกลียวยิงออกไปเต็มท้องฟ้า ข้าได้แต่ตะลึง”
“คนพวกนั้นมาจากไหน?” ไป๋เยี่ยตื่นเต้นมาก “ข้าอยากพบพวกเขา!”
ไป๋เสี่ยวไม่สนใจเขาและพูดต่อ “ข้าซื้อหอกต้นน้ำแข็งฟ้าจากพวกเขา แต่ข้ามีเงินไม่พอ จึงซื้อมาได้เพียงร้อยก้าน”
“เดี๋ยวก่อน! ไป๋เยี่ยตกตะลึง ”เจ้าเพิ่งบอกว่าหอกต้นน้ำแข็งฟ้า100 ก้านหรือ? ล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? เป็นไปได้ยังไงที่จะซื้อมามากมายขนาดนั้น?”
“ลุงรอง ข้าจะเข้าใจผิดไปได้ยังไงท่านลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นอาจารย์ของข้า?” ไป๋เสี่ยวท้วง
“นั่นสินะ” ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ข้าจะให้เจ้า 100 ล้าน น่าจะพอนะสินค้าเหล่านั้นเป็นของดีและสมควรซื้อไว้ และเอาไปฝากเป็นของโปรดของครูเจ้าก็ดีเหมือนกัน เขามีแผนจะสร้างพิษน้ำเงินในปีนั้นไม่ใช่หรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะมีกิ่งต้นน้ำแข็งฟ้าไม่พอละก็”
“แค่นั้นไม่พอหรอก” ไป๋เสี่ยวส่ายศีรษะ
“พวกเขายังมีอีกมากนักหรือ?” ไป๋เสี่ยวตกใจ “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด?”
“ไม่แน่นอน” ไป๋เสี่ยวตอบ “ลุงรอง เอาเงินมาให้ข้าก่อน ข้าแจ้งอาจารย์ข้าไปแล้ว ขอให้ทางครอบครัวส่งเงินมาให้”
“200ล้าน แค่นั้นน่าจะพอ ข้าจะกลายเป็นยาจกอยู่แล้ว” ไป๋เยี่ยพูดอย่างจนใจ
“ไม่พอ!” ไป๋เสี่ยวส่ายศีรษะรัว
“เจ้าผู้นั้นมีอยู่อยู่เท่าใดกันแน่?” ไป๋เยี่ยตกใจ
“อย่างน้อยก็เป็นพัน” ไป๋เสี่ยวประมาณการ
“เฮ้..เสี่ยวไป๋ นี่เจ้ากำลังไข้ขึ้นหรือเปล่า” ไป๋เยี่ยยื่นมือมาแตะที่หน้าผากของไป๋เสี่ยวเขาไม่เชื่อไป๋เสี่ยวแม้แต่น้อย “ถ้าเจ้าบอกว่าเขามีหนึ่งหรือสองร้อย อย่างนั้นข้าคงจะเชื่ออยู่บ้าง แต่ตอนนี้เจ้าบอกว่าเขามีเกินกว่าพัน? ฮ่าฮ่า เจ้าต้องหลอกกันเล่นแน่ๆ! เด็กไร้เดียงสาแท้ๆ! มีแต่คนแคระน้ำเงินระดับสูงเท่านั้นถึงจะมีหอกน้ำแข็งฟ้า และพวกเขาคงไม่ขายให้อย่างแน่นอน คนพวกนั้นต้องหลอกเจ้าแน่นอน”
“ข้าตรวจหอกมาก่อนแล้ว” ไป๋เสี่ยวพูดตามตรง
“เจ้าแน่ใจนะ?” รอยยิ้มของไป๋เยี่ยเริ่มหายไป
“ข้าแน่ใจ!” ไป๋เสี่ยวพูดอย่างไม่ลังเลใจ
ไป๋เยี่ยยืนขึ้น
ไป๋เสี่ยวฉุดเขากลับมาทันที “ลุงรอง ท่านจะไปไหน?”
“ก็ไปยืมตังค์น่ะสิ!” ไป๋เยี่ยเปล่งรังสีอำมหิต “เราไม่ยอมปล่อยให้หอกน้ำแข็งฟ้ามากมายขนาดนั้นตกไปอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น โชคของตาแก่นั่นยังดีนะ เราต้องฉวยโอกาสเอาไว้และหวังว่าเขาจะสามารถค้นคว้าวิจัยหอกได้”
********
ที่สมาคมการค้าสวีจี้หนิงไห่เพิ่งเดินมาถึงห้องค้นคว้าและวิจัย เมื่อผู้จัดการคนหนึ่งเดินเข้ามา “หนิงไห่ มีก้อนโลหะอยู่บนโต๊ะของเจ้า เจ้านายต้องการให้เจ้าประเมินเต็มรูปแบบ ด่วนด้วย”
“ได้เลย!” หนิงไห่ไม่ถามถึงราคา มันเป็นของเขา
เขานั่งลงบนโต๊ะและสังเกตเห็นก้อนโลหะ ก้อนโลหะสีดำเป็นเงามัน เขาหยิบขึ้นมาดูและประหลาดใจกับน้ำหนักของมัน มันหนักมากกว่าที่เขาคิด นี่ทำให้เขาตื่นเต้น จากเท่าที่เห็นความหนาแน่นของมันใหญ่มาก
หนิงไห่คือผู้เชี่ยวชาญการประเมินค่าวัสดุที่มีชื่อที่สุดของสมาคมการค้าสวีจี้ และรับผิดชอบในการประเมินความคุ้มค่าของวัสดุ นี่เป็นอาชีพที่ต้องโลภมาก มีเงินเดือนสูงและงานที่ทำก็ค่อนข้างสบาย
สำหรับหนิงไห่งานแบบนี้ทำได้ง่ายๆ ต่อให้มัดมือไพล่หลังก็ตาม
ตัดสินจากมูลค่าของวัสดุต้องใช้กระบวนการที่มั่นคง ตราบใดที่เขาทำตามกระบวนการ ก็จะไม่มีปัญหาอะไร
หนิงไห่จิบชาและกินขอบขบเคี้ยวการรอผลจะต้องใช้เวลาครึ่งวัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและเขาก็งีบหลับตลอดตอนบ่าย
เวลาผ่านไปจนถึงตอนเย็นภาพพระอาทิตย์อัสดงค์ปรากฏอยู่ที่หน้าต่าง รายการประเมินโลหะดำเสร็จสิ้นลงจนได้
หนิงไห่หยิบรายงานขึ้นมาดูตามปกติ แต่เมื่อเหลือบมองแค่เล็กน้อยเขาถึงกับสะดุ้งทันทีและพูดซ้ำๆ “เป็นแบบนี้ได้ยังไง? เป็นแบบนี้ได้ไง?”
จำนวนตัวอักษรแพรวพราวที่เขียนอยู่บนกระดาษอาจปรากฏเฉพาะอยู่ในโลหะที่โดดเด่นซึ่งตระกูลชั้นสูงส่งมา
หรือว่าข้าทำอะไรผิดพลาดตรงส่วนไหน? เขาทึ้งผมตัวเองก็ยังรู้สึกเจ็บปวด เพราะนั่นหมายความว่าเขาต้องเริ่มทำอีกครั้ง ข้าไม่อาจทำผิดพลาดซ้ำได้ นี่คือสมาคมการค้าสวีจี้ มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก ถ้าเจ้านายรู้ว่าข้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ล่ะก็ ข้าคงได้ตกงานเป็นแน่
เขาเลิกทำเหลาะแหละและเริ่มงานอย่างจริงจัง ตกกลางคืน เขาไม่ได้กลับบ้าน และยังคงหมกมุ่นอยู่กับงานทดสอบซ้ำอย่างรอบคอบ เขาดำเนินงานอย่างเข้มข้นเต็มรูปแบบถึงหนึ่งวันเต็ม
ในวันที่สองปรากฏผลออกมาในที่สุด
เมื่อรายงานครั้งที่สองปรากฏอยู่ต่อหน้าหนิงไห่ เขาตกตะลึงไปหมด “โอว…พระเจ้าช่วย!”
หลังจากผ่านไปสิบวินาทีเขาค่อยเรียกความรู้สึกกลับคืนมา และด้วยอารามตกใจ เขาถลาวิ่งออกมา เขาจำเป็นต้องแจ้งเจ้านายถึงการค้นพบที่ยิ่งใหญ่
ไม่ว่ายังไง เราต้องซื้อก้อนโลหะดำทั้งหมดให้ได้!