Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 632 กลยุทธ์หมายเลขห้า
ตอนที่ 632 กลยุทธ์หมายเลขห้า
เหออิงจ้องมองคลื่นสีดำที่มาถึงอย่างตกใจ
‘กองทัพนั่นมาจากไหนกัน? มีกองทัพอยู่ในในเมืองทรายขาวที่ข้าไม่รู้ได้ยังไง?’ เหออิงเริ่มตื่นตระหนกเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับความรู้สึกสูญเสียการควบคุมตัวเอง
“พวกเจ้าเป็นใคร?” เหออิงตะโกน “นี่คือแผ่นดินของกองพลที่สอง ผู้บุกรุกจะต้องถูกปราบปราม!”
หน่วยหน้าทะลวงฟันที่อยู่ข้างๆ เขามีปฏิกิริยาในที่สุด ทุกคนเตรียมเผชิญกับศัตรูที่กำลังมาถึง เฉียวอี้อันไม่สนใจหลี่หรันและกลุ่มของเขาอีกต่อไปและเหาะมาอยู่ข้างตัวเหออิง
ถังโฉ่วมองดูถังเทียน เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ชัดเจนและไม่รู้ว่าเหออิงกับถังเทียนเป็นสหายหรือศัตรู
ถังเทียนหมั่นไส้เหออิงอยู่นานแล้ว โบกมือทันที “ศัตรู”
ศัตรูตามคำนิยามสำหรับถังโฉ่วก็หมายความว่าไม่มีอะไรต้องเจรจากัน สำหรับถังโฉ่ว ศัตรูมีจุดจบประการเดียวนั่นคือต้องกำจัด!
การยืนยันสถานะของพวกเขา ถังโฉ่วใจเข้าบุคลิกของเขาได้ทันที
ตาของเขาเป็นประกายร้อนแรง ตลอดทั้งร่างปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันเยือกเย็น เขาจดจ่อมากยิ่งขึ้นและมองไปรอบๆ ทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าเขาแจ่มชัดเหมือนกลางวัน
ท่าทางที่ระมัดระวังของหน่วยกองหน้า กระบี่ของเฉียวอี่อัน…
เขาตัดสินได้ทันทีว่าพวกเขาคือกลุ่มนักสู้โดดเดี่ยว เขาได้รับรายงานของปิงเกี่ยวกองทัพของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียด และรู้ว่าหน่วยเล็กๆจะมีชื่อเฉพาะว่ากองหน้าหน่วยทะลวงฟัน
ถังโฉ่วคือผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และได้เริ่มวางแผนไว้แต่แรกหลังจากได้อ่านรายงานแล้ว วิธีรับมือกับกองทัพดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจะลืมหน่วยกองหน้าทะลวงฟันนี้ได้ยังไง?
“กองกำลังกะโหลก กลยุทธ์หมายเลขห้า!”
ถังโฉ่วพูดโดยไม่ลังเลชื่อของกะโหลกชมพูเป็นที่น่าขันและน่ารังเกียจสำหรับทหารที่แข็งกร้าวและเด็ดขาดอย่างถังโฉ่ว แม้แต่ชื่อกองกำลังกะโหลกสำหรับถังโฉ่วก็ยังรู้สึกรังเกียจ ชื่อแบบนั้นจะเหมาะกับกองทัพได้ยังไง? แต่อายะก็ไม่ยอมลดราวาศอกในจุดนี้ นี่คือกลุ่มที่บรรพบุรุษของนางสร้างขึ้นมา ถ้าพวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อไปเป็นอย่างอื่นนางไม่มีทางยอมรับได้
ความจริงนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อสตรียอมตายเพื่อทำอะไรบางอย่าง ต่อให้ขุนศึกผู้ลือชื่อก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อได้ยินว่ากลยุทธ์หมายเลขห้า อายะใจตึงเครียดทันที กลยุทธ์นี้ถูกสร้างมาจากกลยุทธ์บ่วงดาบกระโจน ถังโฉ่วคิดค้นจัดการใหม่โดยทำให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
เพราะกลยุทธ์นี้ ทั้งกองกำลังจึงต้องลำบากยากแสนเข็น
ในอดีตอายะมักจะภูมิใจกับการฝึกฝนของกองกำลังกะโหลกชมพู ทุกคนต้องรู้ว่ากองทหารรับจ้างส่วนใหญ่จะฝึกฝนน้อย แต่ตรงกันข้ามสำหรับกองกำลังกะโหลกชมพูสามารถอยู่มาได้ถึงสามชั่วคน เป็นเพราะพวกเขายังคงฝึกฝนอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง
นายจ้างทุกคนยกย่องการฝึกฝนของพวกเขาและนายจ้างหลายคนก็ชื่นชมว่าการฝึกฝนของกะโหลกชมพูโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับกองทัพที่แท้จริง
อายะมักคิดเช่นนั้นเสมอ จนกระทั่งนางพบกับถังโฉ่ว
‘ฝึกบ้าบออะไรกัน’
เป็นครั้งแรกที่นางเกลียดการฝึกอย่างหนักไม่เพียงแต่นางเท่านั้นทุกคนในกลุ่มกะโหลกชมพูรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาตกอยู่ในนรกเบื้องต่ำที่สุด ดังนั้นการฝึกกลายเป็นเรื่องน่ากลัวมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกของกองพลนางแอ่นมีมาตรฐานและความรุนแรงเท่ากัน อายะคงมีความคิดว่าถังโฉ่วคงมีความเกลียดกลุ่มกะโหลกชมพูเป็นแน่ กะโหลกชมพูคงต้องไปล่วงเกินคนมีอำนาจแน่ ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงมืดมัว มิฉะนั้น…
แต่อายะและพวกยังคงยืนกราน
กลยุทธ์หมายเลขห้า!
ราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณ ทหารทั้งหมดของกองกำลังกะโหลกคลายตัวเหมือนกับสปริงและวิ่งไปข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนตกใจ เหออิงอดแค่นเสียงไม่ได้ งานของผู้บัญชาการกองพลที่สองมิใช่ได้มาเพราะมีเครือข่ายโยงใยมาตรฐานการนำและสั่งการของเขาโดดเด่น ดังนั้นเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวที่สับสน ดังนั้นเขาเริ่มหัวเราะ โอว..พวกนี้ก็แค่เสือกระดาษ
ความเคลื่อนไหวใดๆ ของกองทัพจำเป็นต้องให้ความสนใจใกล้ชิด วิธีการเคลื่อนไหวของพวกเขา วิธีการประสานพลังงาน ฯลฯแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการคือแกนหลักและในการควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของกองทัพเห็นได้ชัดว่ากองกำลังที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา สตรีผู้นี้ไม่มีสัญชาตญาณใดๆ ของผู้บัญชาการเลย
ไม่มีการประสานงานที่เหมาะสมพอจะอ้างอิงได้ แต่ถ้าผู้บัญชาการรู้สิ่งที่พวกเขากำลังทำก็อาจทำให้พวกเขาเป็นกระสุนมนุษย์ได้ง่ายๆ
กระสุนมนุษย์!
เหออิงแค่นเสียง แม้ว่ากองหน้าทะลวงฟันจะไม่มีจำนวนมาก แต่พวกเขาเป็นยอดฝีมือกันทุกคน ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่ด้อยไปกว่ากองทัพที่แท้จริง รับมือกับกระสุนมนุษย์อย่างนี้ก็เหมือนกับหั่นผัก
“ฆ่าพวกมัน!”
เหออิงคำรามทำให้กองหน้าทะลวงฟันยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและพวกเขาคำรามโห่ร้องขณะกระโจนเข้าหาศัตรูของพวกเขา
ศัตรูเป็นแค่กระสุนมนุษย์ขนานแท้ เมื่อสองฝ่ายเตรียมเข้าประจัญบาน พวกเขาก็ต้องถอยกลับจริงๆ
อ่อนเสียเหลือเกิน!
เหออิงอดเย้ยหยันมิได้ หน่วยกองหน้าทะลวงฟันของเขาแต่ละคนดุร้ายแข็งแรง จะดีมากเลยถ้าศัตรูสู้ไม่ถอย แต่เมื่อพวกเขาถอยทหารที่น่ากลัวเหล่านั้นก็จะโต้ตอบกลับหนักยิ่งขึ้น
เป็นไปตามคาดกำลังใจของหน่วยหน้าทะลวงฟันเพิ่มขึ้นมาก ราวกับว่ากินยาโด๊บ ตาของพวกเขาจับจ้องมองศัตรูเหมือนกับว่าพวกเขาได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว
อายะขบฟันแน่น หน้าของนางแดงก่ำ นางกำลังจะนำกำลังของนางหนีอย่างใจจดใจจ่อ จากนั้นนางตระหนักได้เพียงว่า ความเคลื่อนไหวกลยุทธ์ที่ได้ฝึกเกี่ยวกับตีวงล้อมก็คือเตรียมตัวจะหนี
นางอายและโกรธ นางต้องการจะแสดงความโกรธออกมา เป็นครั้งแรกในประวัติการสู้รบของนางที่นางจะต้องก้มหน้าหนี จากรุ่นปู่สู่รุ่นบิดาของนาง พวกเขามักคิดเสมอว่าในฐานะทหารคนหนึ่งนางกล้าหาญ การนำทหารของนางขึ้นหน้า..
‘ถ้าพวกท่านรู้ว่าข้ากำลังจะนำทหารของพวกท่านหลบหนีจริงๆ พวกท่านจะคลานออกมาจากโลงด้วยความโมโหหรือเปล่า?’
นี่มันน่าขายหน้าเกินไป!
น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตานาง นางมักจะต่อสู้แนวหน้าเสมอและฆ่า
เจ้าโรคจิตนั่นเปลี่ยนกลยุทธ์บ่วงดาบกระโจนเสียจนยุ่งเหยิง..
ไม่ว่านางจะรู้สึกอายเพียงไหน แต่การฝึกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้สลักลึกลงในใจนาง กลุ่มของนางคือส่วนที่สำคัญที่สุดของรูปกระบวนกลยุทธ์ และนางคือหัวใจสำคัญของกลุ่ม ใช่แล้ว ตอนนี้นางคือหัวใจสำคัญของกลุ่ม เจ้าแม่ทัพโรคจิตบอกว่านางเป็นผู้บัญชาการที่ยังขาดคุณสมบัติ และแค่นั้นก็แทบจะทำให้หน่วยกะโหลกก่อการจลาจล อายะนำกะโหลกชมพูมาหลายปี และทุกคนเชื่อใจนาง
แม้ว่าอายะจะโกรธเรื่องนี้ แต่นางก็ห้ามคนของนาง เพราะนางสังเกตว่าหน่วยกะโหลกไม่มีการนำบัญชาการ และนางคิดว่าเจ้าแม่ทัพโรคจิตจะควบคุมพวกเขาอย่างตาบอด
นางยังคงนับเวลา
….สี่ ห้า….
เจ็ด, แปด!
ตอนนี้เลย!
แยก เลี้ยว ประชิดกระบวน!
ทั้งร้อยคนเคลื่อนไหวเหมือนกันในเวลาเดียวกัน ก้าวของทุกคนชะงักพร้อมกันกระบวนการทั้งหมดเป็นไปโดยธรรมชาติ
อายะเงยหน้านางและมองดูรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของศัตรู ขณะนั้นพลังการผสานของทุกคนสมบูรณ์แล้ว
ม่านพลังงานที่เห็นได้ทะลักออกมาจากขบวนศึกของพวกเขาปกป้องพวกเขาไว้ตรงกลาง
จากมุมมองของพวกเขา ศัตรูกำลังทะยานตรงเข้ามาหาพวกเขา อาวุธของพวกเขากวัดแกว่งเปล่งประกายแสง ขณะที่อายะควบคุมพลังงานของกลุ่มของนาง มีสิ่งเดียวที่นางต้องยอมรับคือ เจ้าแม่ทัพโรคจิตพูดอย่างสมเหตุผล แม้ว่านางจะสามารถควบคุมหน่วยกะโหลกทั้งหมดได้ แต่ความสามารถในการควบคุมของนางยังไม่นับว่าดี แต่ภายใต้สถานการณ์ของคนร้อยคน นางอาจทำได้ดี
ปัง ปัง ปัง!
พลังโจมตีของฝ่ายตรงข้ามปะทะบนม่านพลังงานเหมือนกับคลื่นน้ำ ม่านพลังงานแผ่เป็นระลอกออกไปอย่างรุนแรง ทุกคนรู้สึกเจ็บที่อกของพวกเขาขณะที่พลังงานในร่างของพวกเขาได้รับผลกระทบ พลังโจมตีรุนแรงแข็งแกร่งมากกว่าที่อายะคาดไว้ จนทำให้นางตกใจ ยอดฝีมือ! พวกเขาเป็นยอดฝีมือกันทุกคน! พลังโจมตีของแต่ละคนนั้นเด็ดขาดและน่ากลัว
นางไม่เคยพบยอดฝีมือแบบนั้นมาก่อนในชีวิตของนาง
อายะทนฝืนใช้พลังของนางทั้งหมดควบคุมพลังงานทั้งหมด แม้ว่าระลอกบนม่านพลังงานจะทรงพลังมาก แต่มันไม่สามารถทำลายม่านพลังได้
ในท่ามกลางพลังระเบิด ม่านพลังงานเปลี่ยนถ่ายพลังโจมตีที่รุนแรงจนทำให้นางตัวชา
นางตกใจ ศัตรูไม่สามารถหยุดได้ และจากทุกๆสองคนจะมียอดฝีมือระดับเงิน นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมียอดฝีมือมากนัก มันน่ากลัวมาก พวกเขาเป็นศัตรูที่พวกเขาสามารถรับมือได้หรือ?
หลังจากตกใจ หัวใจของอายะเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สมาชิกข้างๆ นางเริ่มตัวแดงลามขึ้นมาถึงคอ ทุกคนทุ่มเทพลังทั้งหมด
หลังจากนั้นราว 10 วินาที ม่านพลังปกป้องจะแตกสลาย
เราจะตายที่นี่กันหรือ?
อายะถูกกดดันหนักอย่างสิ้นเชิงจนไม่ทันสังเกตว่ามีหน่วยเล็กอีกสองหน่วยที่กวาดพลังเข้ามาและผสานการโจมตีของพวกเขา
พวกเขาก่อวงล้อมได้สำเร็จ!
สองหน่วยเล็กคล้ายกับดาบที่คมกล้าซึ่งจู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาตรงกลางและฟันใส่กองหน้าหน่วยทะลวงฟันในระดับเอว
จากนั้นเป็นกลุ่มเล็กอีกหกกลุ่มฟันข้างหน้าในมุมเฉียง
ในเวลาแค่สิบวินาทีหน่วยกองหน้าทะลวงฟันถูกแบ่งออกอย่างสิ้นเชิง
อายะเรียกความรู้สึกกลับคืนมาได้หลังจากผ่านไปสิบวินาที เพราะการโจมตีใส่ม่านพลังปกป้องลดลงอย่างมาก อายะเหมือนกับได้เกิดใหม่ นางเงยหน้าขึ้น การประเมินสถานการณ์ถึงกับทำให้นางต้องตกใจ
มีร่างของศัตรูหลายคนอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยศัตรูก็เริ่มโจมตีใส่อายะอีกครั้ง อายะเตรียมรับมือศัตรูแล้ว เมื่อหน่วยย่อยโผล่ออกมาอีกครั้ง ก็กวาดศัตรูออกไปได้อีก
ศัตรูอื่นอีกสองคนหลั่งเลือดนองพื้น ผู้โชคดีรอดตายก็เริ่มถอยทันที
“หัวหน้า, อย่ายืนงงสิ!” บุรุษตาสามเหลี่ยมตะโกนและยังคงเร่งฝีเท้าตามหน่วยย่อย
อายะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น เวลานี้งานของนางไม่ใช่มัวแต่ยืนงง แต่ต้องสร้างวงล้อมขนาดเล็กและเข้าโจมตีให้เสร็จสมบูรณ์
หน้าดำของถังโฉ่วโผล่ขึ้นมาในใจนาง นางสั่นทันทีและตะโกนอย่างตื่นเต้น “ไป!”
ซวยแล้ว!
‘เมื่อศึกนี้จบข้าคงโดนลงโทษให้ฝึกหนักกว่าเก่าแน่…’
เหออิงจ้องมองสนามรบด้วยความตกใจ,การตัดแบ่งอย่างต่อเนื่องและฟันใส่หน่วยกองหน้าทะลวงฟันทำให้เขาสะท้านใจ พลังของศัตรูเหมือนกับมีดที่คม ดาบของพวกเขาทั้งหมดมีความแม่นยำมากเหมือนใช้เครื่องจักรคำนวณเป็นอย่างดี
หน่วยกองหน้าทะลวงฟันที่ไม่มีใครหยุดได้นี้กลับต้านทานไม่ได้เลยในขณะนั้น พลังความแข็งแกร่งที่น่าภาคภูมิใจไม่สามารถแสดงอำนาจออกมาได้เลย
เหออิงรู้เหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้ ฝ่ายตรงข้ามยังรักษาความได้เปรียบในเรื่องพลังไว้ได้ตั้งแต่ต้นกระบวนศึกของพวกเขายืดหยุ่นมาก ลงมือได้แม่นยำและรวดเร็วเหมือนเครื่องจักรกล แม้ขณะเมื่อหน่วยกองหน้าทะลวงฟันที่เหลือสามถึงห้าคน ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมีส่วนร่วมเคลื่อนไหวและฟันใส่พวกเขาโดยไม่หยุดชะงักเหมือนกับเป็นเครื่องจักรกลที่สมบูรณ์แบบ
กลยุทธ์ที่เข้มแข็งทำให้ตลอดทั้งตัวของเหออิงเย็นเฉียบ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงไม่มีรังสีของผู้บัญชาการ เพราะกระบวนศึกของพวกเขาไม่จำเป็นต้องมี
‘มีกลยุทธ์ที่แปลกประหลาดแบบนั้นในโลกนี้ได้ยังไง…’
ไม่เพียงแต่เหออิงเท่านั้นที่ร่างเย็นเฉียบ ทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกสั่นสะท้านถึงไขสันหลัง พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูเครื่องหั่นเนื้อขนาดใหญ่ หั่นอย่างต่อเนื่องไม่มีอารมณ์ไม่มีความเมตตา ไม่รู้สึกเบื่อโดยปราศจากความกระตือรือร้นทั้งสิ้น
ด้านนอกคฤหาสน์จันทรา เสียงตะโกนลดน้อยลง เสียงร้องโหยหวนเริ่มหยุดลง