Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 648 แผนการท่านหญิงโหรว
“พวกเขาเข้าไปในเกาะใต้หรือ?”
เสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลฟังสบายหูแต่คนที่ฟังทั้งหมดต่างยืนตัวตรง สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดจริงจัง ไม่มีใครกล้าหละหลวมราวกับว่าพวกเขาเป็นทหารที่ทะมัดทะแมงมีแต่ชุดคลุมยาวสีดำที่มีรูปเครื่องหมายกะโหลกแดงอยู่ที่หลังของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องหมายของโจรสลัด
ท่านหญิงโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มสีดำแขนเรียวยาวเหมือนหยกของนางกำลังเท้าคาง พร้อมกับรอยยิ้มยั่วยวนใจ
หน่วยสังเกตการณ์รายงานนาง “ถูกแล้ว, หลิงเซี่ยช่วยทำหน้าที่คนนำทาง นางมีสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยถิงถิงแห่งเกาะใต้ เหมิ่งหนานให้ของพวกเขาสองสามชิ้นและหลังจากนั้นไม่นาน ประมุขห้าตระกูลก็ออกมาต้อนรับเขาเข้าไปข้างใน”
ท่านหญิงโหรวอุทาน “โอว” พลางกระพริบตา “สามารถทำให้ประมุขทั้งห้าตระกูลออกมาต้อนรับได้ ของนั่นควรจะเป็นอะไร?”
“เราไม่กล้าเข้าไปใกล้พวกเขา เกรงว่าจะทำให้พวกเขาตื่นตัว ระยะไกลเกินไป ดังนั้นข้าน้อยไม่สามารถเห็นได้ชัด” คนสังเกตการณ์ก้มหน้า ใจสั่นสะท้าน
“เจ้าทำได้ดีแล้ว” ท่านหญิงโหรวพูดอย่างเป็นกันเอง
คนสังเกตการณ์ผู้คาดว่าจะถูกลงโทษถอนหายใจโล่งอก อารมณ์ของท่านหญิงยังดีกว่าท่านสวี่มาก
“มีข่าวคราวท่านสวี่หรือไม่?” ทันใดนั้นท่านหญิงโหรวถาม ท่านสวี่เป็นคนตัวสูง เมื่อนางออกจากทวีปทรายขาว นางไม่ได้ไปพร้อมกับเขา
ในบรรดาคนที่ยืนตรงอยู่นั้นมีคนหนึ่งยืดตัวกล่าว “เราได้รับข่าวว่ากลุ่มโจรสลัดของท่านสวี่ถูกทำลายไปแล้ว”
ท่านหญิงโหรวมีท่าทีเศร้าใจและถอนหายใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านสวี่จะประสบเคราะห์กรรม สวรรค์ช่างอิจฉาอัจฉริยะผู้กล้า แต่ความสามารถของเขาจะไม่สูญเปล่า ข้าจะรายงานเบื้องสูงให้อวยยศเขาชั้นหนึ่งในฐานผู้พลีชีพในการปฏิบัติหน้าที่
ทุกคนปลาบปลื้มใจ รางวัลผู้พลีชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ชั้นหนึ่ง คือรางวัลสูงสุดที่มอบให้แม่ทัพผู้ยินยอมเสียสละตนเอง ที่สำคัญยิ่งกว่าครอบครัวของเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี พวกเขาทุกคนเป็นนายทหารและทหารของทวีปกวงหมิงต้องแอบซ่อนเป็นโจรสลัดและทำธุรกิจในเงามืด แต่ทวีปกวงหมิงไม่เคยยอมรับความคงอยู่ของพวกเขา
หลังจากพวกเขาเสียสละชีวิตแล้ว ครอบครัวพวกเขาจะได้รับการดูแล ดังนั้นพวกเขาไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
ท่านหญิงโหรวลุกขึ้นยืนและมองดูพวกเขาทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวอย่างจริงจัง “ทุกคน! ขอให้วางใจได้เบื้องสูงไม่เคยลืมความเสียสละและการทำงานของทุกคน ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานมากแล้ว มีวีรบุรุษมากมายยังคงเคียงบ่าเคียงไหล่กันสงครามยังจะดำเนินต่อไป ผู้บริสุทธิ์จะต้องตายไปอีกเท่าไหร่ในการสู้รบ ครอบครัวอีกมากมายเท่าใดที่ถูกไฟเผาผลาญเลือดไหลรินมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการหยุด! ขอเพียงแต่มีผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ ขอเพียงแต่แสงแห่งทวีปกวงหมิงสาดส่องไปทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์โลกก็จะสงบอย่างแท้จริง และทุกคนจะมีชีวิตอย่างมีความสุขและกลมเกลียวกัน!”
ทหารทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยทุกคนแสดงอาการซาบซึ้ง พวกเขาเป็นชาวทวีปกวงหมิงจากแก่นแท้และมีความภักดีอย่างที่สุด
ในขณะนั้นภาพพจน์ของท่านหญิงโหรวยิ่งทรงอำนาจในสายตาของพวกเขา ศรัทธาและความเชื่อมั่นของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
‘ใช่แล้วขอเพียงเราสามารถช่วยโลกไว้ได้! ทวีปกวงหมิงเท่านั้นสามารถสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกได้!’
“ขอเพียงใช้เลือดและเพลิงล้างโลก เราจะสามารถสร้างสันติภาพขึ้นมาใหม่ได้! จงแผดเผาความปรารถนาแผดเผาร่างด้วยด้วยเลือดและเพลิงเหมือนกับกระบี่ที่แทงผ่านเมฆครึ้มก็สามารถมองเห็นแสงได้! เพราะแสงสามารถส่องสว่างโลกได้!’
สีหน้าของท่านหญิงโหรวเปลี่ยนเป็นตื่นตัวในวันเวลาปกตินางจะนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ตอนนี้เสียงของนางดังและกึกก้อง
“เพื่อแสงสว่าง!”
นายทหารและทหารผู้น้อยส่งเสียงโห่ร้องกันทุกคนหน้าของทุกคนแสดงแววคลั่งไคล้
“จงมองถึงชัยชนะข้างหน้า,เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย!” หน้าของท่านหญิงโหรวเต็มไปด้วยการเทิดทูนไม่มีร่องรอยของความหยิ่งยโส
“เพื่อชัยชนะ!’ บุรุษทุกคนตะโกนลั่น
******
กองเรือที่พรางตัวในเงามืดเคลื่อนตัวเงียบๆมองดูน่ากลัวมาก
เมื่อขุนพลคนสุดท้ายออกจากห้อง ท่านหญิงโหรวกลับนั่งลงที่เก้าอี้ของนาง ใบหน้าของนางมีแววเหนื่อยล้า
“ท่านหญิง,เราจะต้องชนะได้แน่นอน!” ผู้รับใช้ใกล้ตัวนางชูกำปั้นนางอย่างตื่นเต้น
ท่านหญิงโหรวเม้มปากนาง แต่ไม่พูดอะไรสักคำ นางต้องทำสิ่งที่จำเป็น และที่เหลือให้เป็นเรื่องของโชคชะตา นางไม่เข้าใจกระบวนศึกและไม่สามารถนำและสั่งการด้วยตนเองโดยตรง นางทำได้แต่เพียงปลุกใจทหารหาญเท่านั้น
“ท่านสวี่ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นท่านหญิงโหรวจึงต้องคอยตามเช็ดตามล้างเขาด้วย” หญิงรับใช้บ่นพึมพำ หน้าของนางเต็มไปด้วยอาการดูถูก
ท่านหญิงโหรวรู้สึกจนใจ นางไม่เคยคาดเลยว่ากลุ่มของนางจะไม่ประจำอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ นางคิดถึงความพ่ายแพ้ของเหออิงดังนั้นจึงวางแผนให้เขาใช้โจรสลัดบุกเข้าทวีป ใครจะรู้กันว่าท่านสวี่จะหลีกหนีไปซ่อนตัวจากอันตราย เหลยเอ้อฟู่ส่งเบาะแสให้ซัวปี่หลังจากเขาตายแล้ว และช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดพันธมิตรโจรสลัดถูกซัวปี่ทำลาย โจรสลัดที่ก่อตั้งเป็นพันธมิตรจนมีอำนาจมากขึ้น แต่ใครจะรู้กันว่าเหลียนปั่วจวินจะหันหลังให้พวกเขา
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเขายังมีชีวิตนางจะต้องให้เขารับผิดชอบเป็นธรรมดา แต่ใครจะรู้กันว่าเขาตายแล้ว ถือว่าเขาโชคดีไป เพื่อปลอบขวัญจิตใจทหาร ท่านหญิงโหรวต้องช่วยเขาปลอบขวัญทหารแทน
“อย่าพูดอะไรไม่ดีถึงคนที่ตายไปแล้ว” ท่านหญิงโหรวพูดอย่างเฉยชา
หญิงรับใช้แลบลิ้น นางยังคงเงียบ เมื่อเห็นว่าท่านหญิงโหรวเหนื่อยอ่อนนางวิ่งเข้ามาและช่วยนวดไหล่ให้นายหญิงทันที
ท่านหญิงโหรวหลับตาและไตร่ตรอง
ทวีปกวงหมิงมีเป้าหมายสองอย่างในทวีปทรายขาว
เป้าหมายแรกคือควบคุมทวีปทรายขาว และทำให้กลายเป็นจุดที่ทวีปกวงหมิงจะกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้ ถ้าทวีปนี้ยังไม่ถูกควบคุม อย่างนั้นพวกเขาจะต้องถูกทำลายและทำให้ทวีปทรายขาวตกอยู่ในความวุ่นวายและจากนั้นใช้ความวุ่นวายแผ่ขยายอำนาจเข้าภูมิภาคใต้ จากนั้นยุแหย่เกี่ยวข้องให้ทวีปทั้งหมดในภูมิภาคใต้เกิดสงครามกลางเมืองเพื่อบั่นทอนกำลังของพวกเขา
เป้าหมายที่สองก็คือทำลายห้าตระกูลเกาะใต้
ถ้าเป้าหมายแรกล้มเหลว อย่างนั้นบางทีสิ่งเดียวที่ทำให้สำเร็จได้ก็คือเป้าหมายที่สอง
ทหารของท่านสวี่สูญเสียไปหลายชีวิต และนางรู้ว่าสถานการณ์ยากกอบกู้กลับคืน ดังนั้นนางจึงจับตาดูเกาะใต้ ทวีปทรายขาวยังคงมีเหตุการณ์แทรกซ้อนอยู่มาก กองกำลังของซัวปี่คอยระมัดระวังจัดการเศษเดนของโจรสลัดที่ยังเหลือ
ไม่มีใครให้ความสนใจที่เกาะใต้ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของนาง
ท่านหญิงโหรวมีส่วนร่วมสำคัญในด้านงานข่าวกรองและจัดการให้ทหารที่แฝงตัวเป็นโจรสลัดรวมตัวกันที่เกาะใต้ นางต้องการฉวยโอกาสก่อนที่ซัวปี่และพวกจะตั้งตัวได้จัดการโค่นล้มตระกูลเกาะใต้ แม้ว่านางจะไม่มีเวลามาก แต่นางยังคงจัดการพวกเขาได้อย่างเหมาะสม แม้ว่าพวกโจรสลัดจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีคนที่แทรกซึมอยู่ และไม่ถึงกับสูญเสียมาก
โจรสลัดทั้งหมดนี้เลือกมาจากนักสู้ฝีมือดีจากทวีปกวงหมิงในฐานะที่เป็นแกนหลัก ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงเหนือกว่าโจรสลัดธรรมดา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปดังใจคิด พวกเขาเลือกจะรักษาชีวิตตนเองอย่างรวดเร็ว
เมื่อท่านหญิงโหรวเห็นกองทัพใหญ่ที่นางเรียกระดมมา นางรู้สึกดีใจ
ท่านหญิงโหรวซ่อนตัวเองเมื่อได้ยินว่าเหมิ่งหนานต้องการไปเกาะใต้และพาคนไปด้วยน้อยมาก นางรู้ว่าเป็นโอกาสของนาง! ‘ถ้าเหมิ่งหนานเข้าไปในเกาะใต้ก็หมายความว่าข้าสามารถกำจัดพวกเขาได้หมดไม่ใช่หรือ?’
เหมิ่งหนานคือหนามตำใจของท่านหญิงโหรว ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวกะทันหัน เป้าหมายแรกของพวกเขาคงจะสำเร็จไปแล้ว! เบื้องหลังของเหมิ่งหนานยังคงลึกลับ เขามีพลังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบทั้งยังร่ำรวย นางแค่วางแผนเคลื่อนไหวครั้งต่อไป แต่เหมิ่งหนานก็บังเอิญเข้ามาร่วมอีก ถือว่าสวรรค์ประทานโอกาสให้แล้วมิใช่หรือ?
แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้สูญเสียไปก่อนหน้านั้นเมื่อปะทะกับเหมิ่งหนาน แต่ท่านหญิงโหรวยังมั่นใจในการสู้รบที่จะเกิดขึ้น
ห้าตระกูลเกาะใต้ยากจะจับได้ ไม่ใช่เพราะพลังของพวกเขา แต่เพราะพวกเขาใช้ทะเลหมอกเขียวมานานจนเดี๋ยวนี้มีสัตว์พิษและแมลงพิษอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกนั้นก็คือเป็นเวลาสองร้อยปีมาแล้ว ห้านักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าตระกูลใช้พลังเต็มที่เชื่อมโยงกฎของพวกเขา
กฎธรรมชาติที่แตกต่างกันห้าอย่างสามารถสร้างรูปแบบพลังที่หลากหลาย
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ชาวทวีปกวงหมิงได้ต่อสู้กับทะเลหมอกเขียวมาหลายครั้งหลายครา ดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในทวีปกวงหมิง
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ
*****************
ช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา ถังเทียนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ปิดบังหรือซ่อนเร้นอะไร เขาพูดทุกเรื่องที่เขารู้ทันที หลังจากนั้นประมุขห้าตระกูลปิดประตูปรึกษากันและไม่ออกมาภายนอกเป็นเวลาสองสามวัน
ถังเทียนไม่สามารถรบกวนอะไรได้ เขาบอกทุกอย่างให้พวกเขาทราบไปแล้ว และเขาปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง
ตั้งแต่เขาให้สมบัติบรอนซ์จากกลุ่มดาวคนธนูกับเว่ยถิงถิง ถังเทียนกลับกลายเป็นที่นิยมทันที
“พี่เหมิ่ง! มาดื่มกันเถอะ! ข้าได้น้ำพุมาจากที่ไกลมากๆมันหวานมาก!”
เมื่อเห็นบุรุษร่างใหญ่มองดูเขาตาเป็นมันหน้าเขาแฝงแววโปรดปราน ถังเทียนพูดอย่างจนใจ “พี่เว่ย, ข้าไม่กระหายเลย”
“ไม่กระหายเหรอ? งั้นเจ้าหิวไหม? หิวหรือเปล่า? ข้าจะย่างเนื้อกวางอย่างดีให้ รับรองว่าอร่อย!” เว่ยหาวพูดประจบ
เว่ยหาวก็คือพี่ชายของเว่ยถิงถิงตั้งแต่เขาได้ยินว่าเว่ยถิงถิงได้อาวุธวิญญาณจากถังเทียน เขาก็ตามตื๊อเซ้าซี้ทุกวัน
ถังเทียนไม่สามารถทนต่อการตามตื๊อของเขาได้อีกต่อไป เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าคนของกลุ่มดาวคนธนูจะมีหนังหน้าหนานัก ‘คนผู้นี้หนังหนาขนาดไหนกันนี่’ ถังเทียนไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขามอบสมบัติดวงดาวระดับบรอนซ์เขาหนึ่งชิ้น “พรุ่งนี้ไม่ต้องตามหาข้าอีกนะ!”
“รับรองว่าไม่!” เว่ยหาวคว้าสมบัติดวงดาวได้ก็เผ่นอ้าวทันที
สมบัติวิญญาณของเว่ยถิงถิงสะดุดตาของทุกคน แต่พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เว่ยหาวคว้ามาได้หนึ่งชิ้น ดังนั้นศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนอิจฉาทันที ‘เราไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลเว่ยได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดแน่!’
‘นั่นก็คือสมบัติวิญญาณ!’
ถังเทียนมีความสุขที่ชีวิตได้มีเวลาว่าง เวลาสองวันผ่านไปอย่างไร้เรื่องราว ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีที่เขารู้สึกอิสระเสรีได้เสียที
“เหมิ่งหนาน, ข้าขอท้าให้เจ้ามาสู้กับข้า!” เย่เหล่าเอ๋อตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการ เขาจะตามตื๊อต่อไปได้ยังไง? ‘เจ้าสามารถประจบเหมิ่งหนาน บิดาเจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
เย่เหล่าเอ๋อยืนอยู่นอกบ้านถังเทียนและตะโกนท้าทายอยู่หนึ่งชั่วโมงสิ้นเปลืองพลังงานไปมาก แค่เสียงเอะอะโวยวายของเขาก็ทำให้กระเบื้องบนพื้นสั่นสะเทือนได้แล้ว
ถังเทียนไม่อาจทนรำคาญได้อีกต่อไปโยนสมบัติดวงดาวชั้นบรอนซ์ชิ้นหนึ่งออกมา “ไปให้พ้น!”
เย่เหล่าเอ๋อดีใจ กอดสมบัติแน่นและออกไปจริงๆ
เขาเพิ่งออกไปได้ ขณะที่สี่สาวพี่น้องตระกูลหลี่รีบวิ่งเข้ามาพร้อมถือติ่มซำร้อนๆเข้าไปในห้องของถังเทียน ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสี่สาวแต่ละคนถือสมบัติวิญญาณคนละชิ้นออกมาและหัวเราะร่าเริงอย่างมีความสุข
ติ่มซำอร่อยมากจนถังเทียนแทบจะกลืนลิ้นตนเอง
เนื่องจากสมบัติดวงดาวบรอนซ์มูลค่าไม่มาก เขาจึงสามารถให้พวกนางได้คนละชิ้น
ศิษย์คนอื่นๆ ต่างอิจฉากันหมดและยังคงคิดหาวิธีการเป็นของตนเอง วิธีการของเย่เหล่าเอ๋อใช้เป็นครั้งที่สองไม่ได้ เย่เหล่าเอ๋อค่อนข้างให้ความสนใจ หลังจากได้รับสมบัติวิญญาณของเขาแล้ว เขาเริ่มเฝ้าประตูเหมือนกับเป็นเทพทวารบาล ช่วยถังเทียนป้องกันคนอื่นๆ ไว้ เย่เหล่าเอ๋อแข็งแกร่งมากและน้อยคนนักที่จะสู้กับเขาได้
พี่น้องสี่สาวตระกูลหลี่มีฝีมือในการทำติ่มซำนั่นเป็นวิธีการเฉพาะตนไม่ซ้ำใคร
หวีชิงอี้เดินมาที่หน้าประตูของถังเทียน ไม่สนใจสายตาถมึงทึงของเย่เหล่าเอ๋อ เขาพูดขึ้น “อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ ท่านได้รับบาดเจ็บภายใน ข้าน้อยผู้นี้เชี่ยวชาญในการรักษา ข้าสามารถช่วยท่านได้”
สมบัติดวงดาวกลุ่มดาวแกะลอยออกมาทันที
หวีชิงเอ๋อวิ่งเข้ามาหาสือเซิน จากนั้นสือเซินเข้าใจว่าคนที่หวีชิงอี้พูดถึงก็คือเขา สือเซินประทับใจร่างกายชราของพวกเขาบาดเจ็บภายในจริงๆและเพราะพวกเขาไม่ได้รักษาในอดีต พวกเขาจึงปล่อยเอาไว้ แต่ใครจะรู้กันว่าหวีชิงอี้จะมองเห็นได้
‘แต่นายท่านหลงกลง่ายเหลือเกิน…’
สือเซินรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินไป แต่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเขาได้ เขามีความสุขมากกว่า
นอกจากห้าตระกูลแล้ว มีเพียงตระกูลจางยังเหลืออยู่ จางหนานเหยียนเดินขึ้นมาอย่างมั่นใจ “ผู้น้อยนี้มีธุรกิจบางอย่าง….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบคำ เสียงกึกก้องทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน