Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 649 ความคิดของถังเทียน
พื้นสั่นสะเทือน สัตว์ร้ายคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวทะเลหมอกที่อยู่ห่างไกลเริ่มหมุนปั่นป่วนไม่หยุด พลังงานที่หนาแน่นกวาดไปทั่วเหมือนพายุหมุน ทำให้ฝุ่นและทรายบนพื้นฟุ้งขึ้นท้องฟ้ามืดครึ้มในทันใดราวกับไม่ใช่เวลากลางวัน
แสงเพลิงลุกโชนออกมาจากภายใจกลางทะเลหมอกเขียวเกิดเป็นควันหนาทึบ
เงาร่างหนึ่งขนาดเท่าภูเขาคลานออกมาจากทะเลหมอกเขียวลักษณะของมันไม่ชัดเจน เมฆดำปรากฏเหนือศีรษะของพวกมันขณะที่ทะเลหมอกเขียวมาถึงที่ระดับเอวของมันทำให้มันดูสง่างามมาก มันปล่อยรังสีกระแทกใส่ทะเลหมอกเขียวข้างล่างราวกับว่ามีอสูรเป็นหมื่นตัวรวมตัวกันคำราม
เย่เหล่าเอ๋อกำลังร้องไห้ นั่นคือปู่ทวดของเขา
เขาเก็บร่างเขาไว้ในทะเล วิญญาณของเขาตั้งใจจะปกป้องลูกหลานรุ่นหลังในอนาคต
การเสียสละของเขาแลกความสงบสุขให้ห้าตระกูลมานานถึง 200 ปี
เงายักษ์อื่นลุกขึ้นยืนจากภายในทะเลหมอกเขียว มือยักษ์กวาดไปที่ทะเลหมอกเขียวทำให้มันหมุนปั่นมันดูคล้ายกับปลาวาฬดูดแม่น้ำทำให้หมอกจับตัวและมีหอกอยู่ในมือของเขา
แต่ตาของหวีชิงอี้มีน้ำตาคลอเบ้า เขาคุกเข่ากับพื้นและเริ่มคำนับยักษ์ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลหวี
ยักษ์ตนแล้วตนเล่าตื่นขึ้นจากการหลับลึกและค่อยๆลุกขึ้นยืนจากทะเลหมอกเขียว
ศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนล้วนคุกเข่ากันหมด ภาพที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขาสร้างความตกใจกับพวกเขา ตั้งแต่ยังเล็ก พวกผู้ใหญ่บอกพวกเขาทุกคนว่าบรรพบุรุษล้วนแต่เสียสละ พวกท่านใช้ชีวิตปกป้องตระกูลของพวกเขาและต้องยากลำบากในการหาบ้านปัจจุบันให้พวกเขา สำหรับพวกเขาแล้วมีบันทึกเขียนไว้ในหลังสือที่ทำให้ทุกคนเทิดทูนบูชา แต่พวกเขาทุกคนอยู่ในอดีตอันไกลโพ้น”
แต่ในขณะนั้นเอง หลังจากร่างที่สง่างามลุกขึ้นยืนจากภายในทะเลหมอกเขียวทีละตนเพื่อป้องกันข้างหน้าพวกเขาไว้ ปกป้องพวกเขา
พวกเขาไม่มีใบหน้า แต่ก็ยังมีความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
บึ้ม ครืนนนน
ระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง แสงไฟลุกโชนถึงท้องฟ้า กองเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
ร่างวิญญาณที่อยู่ในทะเลหมอกเขียวพยายามจะปกป้องลูกหลานของพวกเขา
ความเสียสละอย่างกล้าหาญจากประวัติศาสตร์ที่อำมหิตปรากฏอยู่ต่อหน้ารุ่นผู้เยาว์ จากนั้นพวกเขาจึงได้ตระหนักถึงปณิธานที่เด็ดเดี่ยวความโหยหาและความเศร้าทั้งหมดที่สะสมอยู่ในความหมายเหล่านั้น
ประมุขตระกูลทุกคนตกใจพอกันและเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว
กลุ่มแสงสีขาวยิงออกมาจากกองเรือต่อเนื่องปราณวิญญาณที่คุ้นเคยทำให้พวกเขาจำผู้โจมตีได้ทันที
ทวีปกวงหมิง!
“ทะเลหมอกเขียวไม่สามารถทนได้ต่อไปมากนัก” หวีเซียนจือกล่าว “เราไม่สามารถปกป้องสถานที่นี้ได้ต่อไปแล้ว”
แสงสีขาวออกมาจากเรือรบพุ่งไปยังทะเลหมอกเขียวส่งผลให้เกิดการระเบิดทันที ระเบิดสีขาวกวาดไปทั่วที่ราบ และทะเลหมอกพิษละลายเหมือนกับหิมะ ทะเลหมอกเขียวเสียหายอย่างหนัก และหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ร่างวิญญาณยักษ์ของบรรพบุรุษต่อสู้กับกองเรือรบอยู่ดุเดือด
มีมือยักษ์ข้างหนึ่งเหยียดนิ้วและจับเรือรบลำหนึ่งได้ ภายในเงื้อมมือเขา เรือรบเป็นเหมือนแผ่นไม้ที่ไร้ประโยชน์ อาวุธบนเรือรบพยายามระดมใส่มือนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ยักษ์คำราม ร่างช่วงล่างสลายตัวอย่างรวดเร็ว แสงรัศมีในมือของเขาสว่างเจิดจ้าขึ้น
แครก แครก แครก!
เรือรบเริ่มแตกร้าว
บึ้ม มันแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษชิ้นเรือกระเด็นกระจายไปทั่ว
ทหารของทวีปกวงหมิงบนเรือรบเปล่งแสงสีขาวและเข้าปะทะกับยักษ์
แสงสีขาวแพรวพราวฉายเจิดจ้าอยู่บนร่างท่อนบนของยักษ์ที่ยังเหลืออยู่ ยักษ์ไม่รู้สึกถึงอะไร แต่ร่างของเขาหมองลงอย่างรวดเร็วเหลือที่หน้าอกและแขนที่ผสานกลืนกับแสงสว่าง
มันคำรามและกระแทกฝ่ามือลงที่ทะเลหมอกเขียวทำให้หมอกเขียวทะลึกขึ้นบนเหมือนกับยอดเขาถูกยกออกมาจากพื้นจนสูงขึ้นและทุ่มใส่เรือลำอื่น
บึ้ม!
ระเบิดครั้งใหญ่ครอบคลุมเรือรบ เมื่อแสงสว่างหายไปมีกองเรือรบเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
“เราจะตรึงพวกมันเอาไว้ และให้ลูกหลานได้หนีไป” หลี่เล่อเถาพูดโดยไม่ลังเล
การสู้รบรุนแรง แต่พวกเขารู้ว่าทวีปกวงหมิงพบวิธีรับมือได้แล้ว พลังรบของวิญญาณบรรพบุรุษกำลังลดลง เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาล้มลงมากยิ่งขึ้น เพราะทะเลหมอกเขียวคือพลังของวิญญาณบรรพบุรุษยักษ์ ซึ่งอยู่ด้านหลังเรือรบกำลังทำลายอย่างยับเยิน
ความจริงทุกคนรู้ว่าเมื่อวิญญาณบรรพบุรุษยักษ์ถูกปลุกขึ้นจะเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของห้าตระกูล
“จะให้พวกเขาไปไหน?” จางอิงหลูสูดหายใจลึกและกล่าว
“จากนี้ไปให้พวกเขาติดตามเหมิ่งหนาน!” เย่ฟงเลี่ยหัวเราะ “ฮึ, เราไม่จำเป็นต้องคุยกันเรื่องนี้แล้ว”
“เราจะทำเช่นนั้น!” เว่ยต๋าเห็นด้วย เขามองถังเทียนจากระยะไกล, เว่ยหาวและเว่ยถิงถิงอยู่ข้างตัวเขา สายตาเขาพลันนุ่มนวลอบอุ่นทันที
เขาหันหน้ากลับมาและกลั้นความรู้สึกอัดอั้นตันใจ และตวาดด้วยความโกรธ “เหล่านักสู้ที่อายุเกิน 25 ปี ตามข้าออกไปสู้รบ!”
ร่างแล้วร่างเล่าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
***************************
บนเรือรบนั้น เหมยเฉินซิ่วมีสีหน้าที่มั่นคง ในทวีปกวงหมิง เขาไม่มีอะไร ในอดีตไม่กี่ปีมานี้ทวีปกวงหมิงได้ทำสงครามกับทวีปเล็กน้อยต่างๆโดยรอบและมีขุนพลแม่ทัพที่มีชื่อเสียงหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา มู่จือเสีย, ม่อซิน,ชิวซิ่วหัว, โกวเฉิง,เหวินเตาและเจียหยาห้าขุนศึกที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปกวงหมิง
เทียบกับพวกเขาแล้วเหมยเฉินซิ่วไม่ฉลาดเท่าชิวซิวหัวทั้งที่อายุเท่ากัน แต่ในแง่พลังแล้ว เขามีสถิติที่น่าประทับใจ
แต่เป็นเรื่องที่เงียบและไม่มีใครรู้ว่าเหมยเฉินซิ่วพบวิธีทำลายทะเลหมอกเขียวแล้ว มีน้อยคนนักที่รู้ว่าในเรื่องกลยุทธวางแผนสู้ในภูมิภาคใต้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเดียวที่วางแผน แต่เขาเป็นบุคคลหลัก เหมยเฉินซิ่วที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งเมื่อเร็วๆนี้อาสาเข้าร่วมปฏิบัติการณ์แทรกซึมในหมู่โจรสลัด
การแสดงฝีมือของเหมยเฉินซิ่วหลังจากนั้นโดดเด่นและน่าทึ่ง ในบรรดากลุ่มเล็กๆเขาเป็นคนแรกที่เข้าไปแทรกซึมและควบคุมโจรสลัดได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเขาควบคุมโจรสลัดไปปล้นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาได้ชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วน จากต่ำสุดขึ้นสู่สูงสุดโจรสลัดทุกคนมั่นใจในความสามารถของเขา การปล้นทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นการสุ่มปล้น แต่ความจริงเป็นการคัดเลือกจากเขาเป็นพิเศษทั้งนั้น ดังนั้นเขาจึงรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์และรายงานกลับไปทวีปกวงหมิง
ผู้คนภายใต้บังคับของท่านหญิงโหรวที่เคลื่อนพลออกไปปฏิบัติภารกิจแบ่งออกเป็นโจรสลัดห้ากลุ่ม มีเหมยเฉินซิ่วเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น
เหมยเฉินซิ่วไม่เร่งร้อนขึ้นหน้า เขามีความคิดที่แตกต่างจากแม่ทัพคนอื่น จากแรกเริ่ม เขาไม่คิดว่าจุดสำคัญของการต่อสู้ไม่ว่าพวกเขาจะเอาชนะห้าตระกูลเกาะใต้ได้หรือไม่ แต่เป็นตอนที่พวกเขาเก็บกวาดพวกนั้นได้ในรวดเดียว
เขาจัดการและฝึกกองเรือของเขาให้ต่างจากแม่ทัพคนอื่น เขาฝึกฝนโจรสลัดให้มีความคล่องแคล่วว่องไว จนพวกเขาไปมาได้ดังสายลม
“พวกมันต้องการหลบหนี ไล่ตามพวกมันไป” เหมยเฉินซิ่วพูดด้วยท่าทางเฉยเมย
******
“นายท่าน พวกนั้นคือโจรสลัด” สือเซินกล่าว
ถังเทียนสังเกตเห็นพวกโจรสลัดได้แล้ว
พวกเขาเริ่มต้นถอยเมื่อโจรสลัดเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาบินอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงสนามรบใหญ่พวกเขาเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน นักสู้บางส่วนของห้าตระกูลต้องการขัดขวางพวกโจรสลัด แต่พวกเขาคล่องแคล่วมากเกินไป หลบซ้ายเลี่ยงขวาและตัดตรงเข้าหาพวกเขา หลอกเส้นทางนักสู้และไล่ตามถังเทียน
ทวีปกวงหมิง คนเหล่านี้มาจากทวีปกวงหมิงแล้วปลอมตัวเป็นโจรสลัด
ถังเทียนไม่เคยคิดเลยว่าทวีปกวงหมิงที่เพิ่งจะพ่ายแพ้ในทวีปทรายขาวจะยังคงมีพลังและกองกำลังอยู่มาก หลังจากถ่วงเวลาสู้นานไป ทวีปกวงหมิงก็ค่อยๆ กำความได้เปรียบ แม้ว่าเรือรบของทวีปกวงหมิงจะถูกวิญญาณยักษ์บรรพบุรุษทำลายอย่างต่อเนื่องและมีคนร่วงลงไปในหมอกเขียวและกลายเป็นวิญญาณ แต่วิญญาณร่างยักษ์ของบรรพบุรุษก็ยังคงหายไปอย่างต่อเนื่อง
บอลแสงสีขาวยิงออกมาจากเรือโจมตีเร็วมีผลสะกดข่มทะเลหมอกเขียว ทำให้สะอาดสว่างขึ้น
กองทัพใหญ่ของทวีปกวงหมิงยังไม่ยอมหยุด ขณะที่พวกเขาค่อยๆ กดดันไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แม้ว่ากองพลที่หนึ่งของซัวปี่จะปรากฏขึ้นก็ตาม พวกเขาคงไม่สามารถหยุดกองทัพขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ห้าตระกูลเกาะใต้ไม่มีกองกำลังใดๆอยู่เลย
วิญญาณบรรพบุรุษร่างยักษ์คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวแสดงจุดสิ้นสุดของปลายทางพวกเขาแล้ว
ภายในเรือรบ เสียงสะอื้นร้องไห้ดังระงมไปทั่ว ผู้เยาว์ทั้งหมดใบหน้าซีดขาว เด็กหนุ่มน้ำตานองหน้า และเด็กผู้หญิงร้องสะอึกสะอื้น
ถังเทียนรู้สึกหงุดหงิดสภาพความวุ่นวายรอบด้านเขา จึงคำรามลั่น “ทุกคน…เงียบ!”
พวกเขาทุกคนมองถังเทียนอย่างตกใจ
ถังเทียนรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ตอนแรกเมื่อเขามาที่นี่ เขาพยายามมองหาความช่วยเหลือและหวังว่าจะได้พันธมิตร แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะไม่ได้รับพันธมิตรแต่อย่างใด แต่ต้องมากลายเป็นพ่ออุปถัมภ์พากลุ่มเด็กอ่อนแอหลบหนี
เมื่อเขาเห็นท่าทีวิงวอนของหลี่เยี่ยเถา ถังเทียนที่ต้องการจะปฏิเสธไม่รู้จะพูดยังไง
แต่แม้ว่าพวกเขาต้องการจะหลบหนี นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เรือธนูดำเป็นเรือรบขนาดเล็ก และปัจจุบันนี้ยังบรรทุกคนไว้เต็มเปี่ยม ดังนั้นความเร็วของเรือธนูดำจึงตกลงอย่างมาก สำหรับคนที่พยายามหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่ามีเรือโจรสลัดไล่หลังที่มีความเร็วมากกว่าพวกเขา
แย่จริง!
ฝ่ายตรงข้ามมีกองเรือ แต่พวกเขามีแค่เรือรบ ดังนั้นความกดดันจึงเพิ่มขึ้น แม้ว่าเรือรบธนูดำจะเป็นเรือรบระดับเงิน และพอจะต่อต้านเรือรบสองสามลำ แต่กองเรือรบที่ไล่ตามหลังพวกเขามีอยู่สามลำที่เป็นเรือรบระดับเงิน
ทวีปกวงหมิงคือทวีปที่ร่ำรวยและมีฝีมือจริงๆเหมือนกับวิหารเซียนของสมาพันธ์ชาวยุทธ โจรสลัดทั้งหมดแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ
“ที่นี่ไม่มีสถานีของกองกำลังใดๆ หรือ?” ถังเทียนหันไปถามหลิงเซี่ย
หน้าของหลิงเซี่ยขาว นางส่ายหน้า “ไม่, เกาะใต้ไม่มีแผ่นดินที่คนอยู่อาศัยได้ นอกจากห้าตระกูลแล้ว ไม่มีเมืองอื่นเลย”
“อย่างมาก เราก็สู้ตาย!”
เย่เหล่าเอ๋อพูดเสียงแหบแห้ง เขากัดฟันกรอด นัยน์ตาแดงจนเห็นเส้นเลือด
เว่ยหาวลุกขึ้นยืนเช่นกัน สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว “เราจะสู้!”
เสียงหนึ่งที่เต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ยห้ามพวกเขา
“สู้ตายหรือ? ต่อให้สู้ตายแล้วจะเอาพลังที่ไหนไปสู้ตาย ด้วยกำลังพวกเจ้าทุกคนน่ะหรือ?”
ถังเทียนมองดูพวกเขาทุกคนอย่างเย็นชา
“เจ้า…” เย่เหล่าเอ๋อมองถังเทียนอย่างโมโห หวีชิงอี้ยืนขวางระหว่างพวกเขาทันที และพูดกับถังเทียน “ท่านเหมิ่งโปรดยกโทษให้เราด้วย เย่เอ๋ออารมณ์ไม่ดี เขาไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินท่าน”
ถังเทียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ก็ได้ ก็ได้ สือเซิน,อีกนานเท่าใดกว่าพวกเขาจะไล่ทัน?”
“ไม่เกินครึ่งชั่วโมง” สือเซินคำนวณ และกล่าว “นายท่านข้าน้อยจะ…”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของสือเซิน ถังเทียนรู้สึกอบอุ่นใจ เขาตบไหล่สือเซิน “อย่าพูดคำแบบนั้นออกมา ครึ่งชั่วโมงนี้พอจะให้เราคิดบางอย่างออก
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประตาย ทันใดนั้นเขาจ้องมองธนูบรอนซ์ในมือของเว่ยถิงถิงทันที มันคือของขวัญที่เขาให้นาง
เดี๋ยวก่อน!
ใจของถังเทียนเหมือนมีประกายความคิดผุดขึ้นมา เขาถาม “เว่ยถิงถิง พลังของธนูเป็นยังไงบ้าง?”
เว่ยถิงถิงไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะถามคำเช่นนั้นในเวลาแบบนี้ นางอึ้งไปเล็กน้อยและตอบ “แข็งแกร่งมาก!”
“แข็งแกร่งขนาดไหน?” ถังเทียนถาม
“สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ของข้าได้เป็นสองเท่า” เว่ยถิงถิงพูดด้วยความมั่นใจเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้ทดสอบ…”
ถังเทียนหัวเราะทันที “ข้าคิดได้วิธีหนึ่งแล้ว! ข้ามีความคิดอย่างหนึ่ง!”
“ความคิดอะไร?” สือเซินเป็นคนแรกที่ตั้งตัวได้ ตาของเขาเป็นประกาย
“นั่นไงเล่า” ถังเทียนชี้ไปที่ธนูบรอนซ์ในมือของเว่ยถิงถิง
ทุกคนอดผิดหวังไม่ได้ นั่นมันความคิดอะไร แม้ว่าสมบัติวิญญาณจะแข็งแกร่งก็ตาม แต่ในการสู้รบแบบนั้นมันมีประโยชน์ไม่มาก
ถังเทียนไม่สนใจจะอธิบาย เขาตะโกนทันที “เปิดทางให้ข้าหน่อย”
ทุกคนไม่เข้าใจ พวกเขาถอยออกไปสองสามก้าว เปิดพื้นที่ว่าง
“ถอยไปอีก”
ทุกคนได้แต่ถอยไป เรือรบอัดแน่นด้วยผู้คนอยู่แล้ว แต่ทุกคนยังต้องเบียดเสียดกันเต็มที่
พวกเขาไม่เข้าใจว่าถังเทียนจะทำอะไร และรู้สึกเพียงแต่ว่าสีหน้าของเขาน่าพิศวงงงงวย
สีหน้าของคนเย่อหยิ่ง ทะเยอทะยาน เหยียดหยามและพอใจตนเองเหมือนกับคนร่ำรวยที่ทรงอิทธิพล
ตู้อควาเรียสเงินที่อยู่ในมือของเขาเปล่งแสงสว่าง