Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 654 เข้าสู่ทวีปเหย่เหรินโจว (คนเถื่อน)
- Home
- Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน
- ตอนที่ 654 เข้าสู่ทวีปเหย่เหรินโจว (คนเถื่อน)
ในตอนเหนือสุดของทวีปเหย่เหรินโจว มีสงครามใหญ่เกิดขึ้น
เกินกว่าร้อยเผ่าแบ่งออกเป็นสองกองทัพใหญ่อย่างชัดเจนต่างฝ่ายต่างประจัญหน้ากันบนที่ราบหิมะกว้างใหญ่ ในทวีปเย่เหริ่นโจว มีสงครามเกิดขึ้นถี่มากเกินกว่าทวีปใดๆในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศโดยทั่วไปของดินแดนที่โหดเหี้ยมก็คือพวกเขานับถือความแข็งแกร่งทำให้ทุกเผ่าภายในทวีปเข้าร่วมสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น
ที่ตั้งอยู่ในภูเขาอาบาของทิศใต้ก็คือราชวงศ์ภูผาเหล็ก และที่ตั้งอยู่ในทุ่งราบหิมะก็คือราชวงศ์ราชาน้ำแข็ง ทั้งสองมักจะขัดแย้งกันเสมอในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็หมดความอดทนและสู้กันจนตาย
สงครามครั้งนี้มีอิทธิพลใหญ่ต่อโครงสร้างในส่วนหนึ่งของทวีปเหย่เหรินโจว
ที่แนวหน้าของทั้งสองฝ่าย มีแท่นบูชาขนาดต่างๆ อยู่ทั่วทุกแห่ง เปลวไฟลุกขึ้นจากหม้อเผาภายในบ้านปล่อยควันโขมงเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ปรุงอยู่ในหม้อเหล็ก ไอน้ำในหม้อระเหยออกขณะที่น้ำเดือดพล่าน
บนแท่นบูชาต่างๆ มีพ่อมดหมอผีจากเผ่าต่างๆ ทุกคนเต้นหยองแหยงมือถือไม้เท้ากระดูกสีหน้าของพวกเขาเหมือนกับคนบ้าอย่างแท้จริง
ในราชสำนักทั้งสองนั้น พวกเขามีคนเกินร้อยเผ่าพันธุ์ แต่ละเผ่าก็บูชาเหล่าเทพเจ้าแตกต่างกันไป ดังนั้นเครื่องเซ่นของพวกเขาจึงแตกต่างกันไปการบูชาก่อนการสู้รบเป็นประเพณีของชาวทวีปคนเถื่อนที่เห็นได้โดยทั่วไป เหมือนกับว่าจะสามารถเพิ่มพลังให้กับทหารได้มาก
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทวีปอื่นๆ เชื่อว่าทวีปคนเถื่อนนั้นไร้อารยธรรม
พลังงานที่แปลกประหลาดท่วมเพิ่มมาจากแท่นบูชาแต่ละแท่นคลุมเต็มอากาศเหนือพื้นหิมะ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงราชาทั้งสองฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แววตาของพวกเขาประหลาดใจ
ทวีปเหย่เหรินโจวเคารพนับถือพลังอำนาจมากที่สุด และทุกราชวงศ์จะถูกจัดตั้งขึ้นโดยมหาราชา มหาราชาทุกพระองค์จะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลัง ในแผ่นดินรกร้างแค่อาศัยสติปัญญาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถสร้างราชวงศ์ได้
ราชวงศ์ภูผาเหล็กมีมหาราชาเถี่ยจี๋ ราชวงศ์น้ำแข็งเหนือมหาราชาอาซือหมิงเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง ความรู้สึกของพวกเขาไวต่อพลังงานเหนือคนธรรมดา
แต่ขณะนั้น พวกเขาแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
ในสงครามใหญ่เช่นนี้การเสียสละแนวหน้าเป็นเรื่องธรรมดามาก ทั้งสองฝ่ายจะประกอบพิธีบวงสรวงในอากาศ หรือควรจะพูดให้ตรงเหตุผลก็คือพลังจากทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันกลางอากาศ แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงบทนำในการสู้รบ
แต่พลังบูชายัญจากเผ่าพันธุ์ต่างๆรวมตัวผสมผสานกันในอากาศไม่ต่างกันกับการสู้ระหว่างศัตรู
พวกเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แปลกอย่างนั้นมาก่อน
ในเวลาอันรวดเร็วพ่อมดหมอผีบนปะรำบูชายัญรู้สึกได้ถึงบางอย่างว่าผิดปกติ ดูเหมือนว่ามีกระแสวังวนอยู่ในอากาศกำลังดูดซับพลังของพวกเขาอย่างเต็มที่ พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่าพลังจากแท่นบูชายัญของพวกเขาทะลักเข้าไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ครืดดดดดด
หนึ่งในเผ่านักรบตระหนักได้ทันทีว่าอาวุธในมือของเขากำลังสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระจากมือของเขา
เขาตกใจ และหันหน้าไปดู ในสายตาของเขา อาวุธกำลังสั่น
ครืดดด ครืดดดครืดดด ครืดดด!
ปรากฏการณ์คลื่นเสียงดังหึ่งหึ่ง ทำให้ผิวของพวกเขาชา
เถี่ยจี๋และอาซือหมิงสีหน้าเปลี่ยนมีพลังมาบรรจบกันในท้องฟ้า และในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ขยายตัวกลายเป็นพายุหมุนที่น่ากลัว มหาราชาที่ทรงพลังทุกคนรู้สึกได้ว่าหัวใจพวกเขาเต้นแรง
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ท้องฟ้าจู่ๆก็เกิดเป็นรอยแสงแยกขาดจากกันเป็นแนวคล้ายกับดาวตกมันคือแรงเสียดทานระหว่างกระแสพลังงานและอากาศความเร็วสูง เกิดเป็นรัศมีสว่าง แสงเหล่านั้นกำลังมารวมกันจากทุกมุม วิ่งเข้าหากระแสวังวนไร้ลักษณ์เหนือแผ่นผืนหิมะ
รอยแตกแยกนับหมื่นรวมตัวเป็นกระแสวังวนที่สว่างไสว
กระแสวังวนเริ่มสว่างสดใสมากขึ้น คลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกับคลื่นมหึมาที่ดังกึกก้องออกมาด้านนอก
พลังที่แข็งแกร่งทำให้หัวใจทุกคนสั่นไหว และนักรบประจำเผ่าที่กล้าหาญรู้สึกหวาดกลัวทุกคน พรึ่บ มีบางคนเข่าอ่อนและคุกเข่าลงกับพื้น ราวกับว่าระลอกพลังได้กดบังคับเขาลงไป ในกองทัพใหญ่ทั้งสอง พวกทหารเริ่มคุกเข่าหน้าของพวกเขาทุกคนก้มลงมองหิมะ หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยความยำเกรงและหวาดกลัว
บนพื้นหิมะ เหลืออยู่แต่เพียงมหาราชาทั้งสองที่ยืนอยู่อย่างเข้มแข็ง ทั้งสองคนกำลังต่อต้านพลังที่กล้าแข็ง
เสียงที่น่ามึนงงหายไปทันที พื้นที่กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
วังวนแสงหยุดหมุน และกลายเป็นรูปประตูแสงในท้องฟ้า
ทันใดนั้นตาทั้งสองของมหาราชาทั้งสองเบิกกว้าง
มีร่างหนึ่งค่อยเดินออกมาจากประตูแสง และตามด้วยอีกคนหนึ่งจากนั้นก็มีร่างหลายร่างทะยอยเดินออกมาร่างแล้วร่างเล่า
‘วิญญาณผู้กล้า!’
‘มีวิญญาณผู้กล้ามากมายจริงๆ!’
มหาราชาทั้งสองมองดูอย่างตื่นตะลึง พวกเขาเหม่อมองบนท้องฟ้า
ที่อื่นนอกจากทวีปเหย่เหรินโจวทุกคนจะเรียกพวกเขาว่าคู่หูวิญญาณ แต่ในดินแดนที่ป่าเถื่อนโหดร้าย พวกเขาจะถูกยกย่องว่าเป็นวิญญาณผู้กล้า วิญญาณผู้กล้าถูกมองว่าเป็นการช่วยเหลือคุ้มกันจากบรรพบุรุษ คนที่สามารถได้รับวิญญาณผู้กล้าก็สามารถได้รับการปกป้องคุ้มกันจากบรรพบุรุษ เถี่ยจี๋และอาซือหมิงมีความรู้มากกว่าคนอื่น พวเขารู้ว่าวิญญาณผู้กล้าคือนักสู้ผู้แข็งแกร่งซึ่งมีอารมณ์ที่รุนแรงก่อนที่พวกเขาจะตาย ดังนั้นจึงก่อเกิดเป็นวิญญาณผู้กล้า เหมือนกับที่อื่นวิญญาณผู้กล้าก็เหมือนกับคู่หูวิญญาณ และสามารถซื้อขายกันได้
แต่….
วิญญาณผู้กล้าทั้งหมดมีเสื้อผ้าเหมือนกันมีการตั้งขบวนที่แข็งขัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นกองทัพ
‘กองทัพวิญญาณผู้กล้า…’
ในทวีปเหย่เหรินโจว การก่อเกิดวิญญาณผู้กล้ามีเกณฑ์อยู่สองข้อ ประการแรก เขาต้องมีความตั้งใจและความปรารถนาแรงกล้า อีกประการหนึ่งมีพลังแข็งแกร่งเพียงพอเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต ในทวีปเหย่เหรินโจวมีแต่มหาราชาเท่านั้นที่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างวิญญาณผู้กล้าออกมา
‘กองทัพของวิญญาณผู้กล้า…นั่นหมายความว่า ถ้าพวกเขายังมีชีวิต ก็เท่ากับเป็นกองทัพมหาราชาไม่ใช่หรือ?’
มหาราชาทั้งสองคนตกตะลึงไปหมดหลังจากวิญญาณผู้กล้าเดินออกมาจากประตูแสงเงียบๆ ทีละคน พวกเขาก็ยังมีออกมาเรื่อยๆ ราวกับว่าเบื้องหลังประตูแสงมีวิญญาณผู้กล้าอย่างไม่จำกัด
ขนาดของกองทัพวิญญาณผู้กล้าต่อหน้าพวกเขาทำให้สองมหาราชารู้สึกมึนงง
ทันใดนั้น มีร่างที่อยู่ในชุดเขียวเข้มเดินออกมาจากประตูแสง ทำให้มหาราชาทั้งสองตกตะลึง
ในอากาศ สุภาพสตรีสาวอยู่ในเครื่องแบบทหารสวมมงกุฎเพอร์ซูส ผมดำขลับของนางโบกสะบัดอยู่ในสายลม นางมองลงมาบนพื้นแผ่นดินกว้างใหญ่
***********************
การมาถึงของกลุ่มของถังเทียนขู่ขวัญทุกคนจนกลัว
จี๋ซานและคนสอดแนมอีกคนได้แต่เงียบทหารทุกคนปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันจนทำให้พวกเขากลัว เมื่อกองเรือเข้ามาในทวีปซางโจว พวกหน่วยสอดแนมพบว่าเรือรบที่มีอยู่ในสมาคมการค้าสวีจี้และเครื่องหมายตระกูลไป๋ทำให้พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินว่าถังเทียนกำลังกลับสวีจินและไป๋เยี่ยไล่ตามมาทันในครึ่งทาง
สมาคมการค้าสวีจี้คือหนึ่งในองค์กรทำธุรกิจอาวุธที่ทรงพลังภายใต้ท้องฟ้านี้ ขณะที่ตระกูลไป๋เป็นตระกูลที่มีอำนาจแข็งแกร่งและหยั่งรากลึกในภูมิภาคใต้ เพียงแค่ทวีปซางโจวมีสัมพันธ์โยงใยกับมหาอำนาจทั้งสอง ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดแล้ว
จี๋ซานกับเรย์มอนพับแผนการยึดทวีปซางโจวไปโดยปริยาย แทบจะในทันทีพวกเขารายงานกลับไปยังผู้บริหารระดับสูงและพวกเขาก็ต้องกลับไปด้วยความขมขื่น
“นายท่าน!” ถังโฉ่วทักทายปิง
“ทำได้ดี!” ปิงพ่นควันเป็นวงและพยักหน้าด้วยความพอใจ “ถ้าเจ้ายังเป็นไปอย่างนี้ ข้าคาดได้ว่าอีกไม่นานเจ้าก็คงแซงข้าได้!”
ถังโฉ่วยังคงตอบจริงจัง “ผู้น้อยจะต้องแซงนายท่านให้ได้!”
“อย่างนั้นเจ้าก็ต้องพยายามให้หนัก!” ปิงหัวเราะลั่น เขาไม่โกรธแม้แต่น้อย
เซี่ยอวี่อันและพวกที่เหลือไม่กล้าหายใจแรง ในใจพวกเขา ถังโฉ่วเป็นเทพเจ้าสงครามไปแล้ว พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าคู่หูวิญญาณที่ดูธรรมดาข้างหน้าพวกเขาจะถูกท่านถังโฉ่วเรียกว่า“นายท่าน” เรื่องนี้ทำให้เกิดแรงกดดันในใจพวกเขา
‘พลังของเจ้านายยากจะหยั่งถึงจริงๆ’
ป้อมไพรกระบี่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงใหม่ดูแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อาเฮ่อร่วมกับสวีจินและไป๋เยี่ยขณะพาชมป้อมไพรกระบี่ อาเฮ่อเกิดมาในตระกูลสูงอยู่แล้วมีความละเอียดอ่อนในการพบปะต้อนรับผู้คน ดังนั้นหน้าที่นี้จึงเป็นของเขา
“เป็นงานฝีมือเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร” ไป๋เยี่ยยังคงชื่นชม “ข้าเคยเห็นฐานทัพป้อมปราการมากมายมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบเห็นป้อมปราการที่โดดเด่นอย่างนี้ สงสัยจริงๆว่าใครเป็นผู้สร้างป้อมนี้?”
สวีจินที่ยืนอยู่ข้างไป๋เยี่ยยังคงอยู่ในอาการมึนงง เขายังไม่หายจากอาการตกใจเมื่อเขาได้เห็นทะเลทรายสีดำ หินดำกว้างไกลไม่มีสิ้นสุดซึ่งก็หมายความว่าสมบัติจำนวนมหาศาล แม้ว่าเขาจะไม่เคยขาดแคลนเงิน แต่เขาก็ยังหลงใหลทะเลทองดำอยู่ดี
ไป๋เยี่ยก็ตกใจพอกัน แต่เขาไม่ได้ตกใจที่ปริมาณของหินดำ แต่กลับเป็นป้อมไพรกระบี่
อาเฮ่อหัวเราะ “เป็นหัวหน้าวิศวกรจักรกลของเรา”
ไป๋เยี่ยคิดดูแล้ว แค่คำว่า ‘หัวหน้า’ ก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้มีเพียงคนเดียว
“ข้าพอจะพบกับท่านผู้นี้ได้หรือไม่?” ไป๋เยี่ยพูดด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์ระดับสูงอย่างนั้น ถ้าข้าสามารถเรียนรู้จากเขาสักเรื่องหรือสองเรื่อง ข้าคงตายได้อย่างไม่เสียใจเลย”
“ขออภัยจริงๆ นางไม่ได้อยู่ที่นี่ ”อาเฮ่อพูดพลางขอโทษพลาง
“นั่นช่างน่าเสียดายจริงๆ” ไป๋เยี่ยรู้สึกเสียใจจริงๆ ใจของเขายังคงคิดหาทุกวิถีทางพยายามเพื่อให้พบกับคนมีปัญญาขนาดนั้น
ตั้งแต่แรก ไป๋เยี่ยเห็นบางอย่างในตัวเหมิ่งหนาน และคิดว่าเขามีศักยภาพพอจะกลายเป็นพันธมิตรกับตระกูลไป๋ได้ แต่พอเวลาผ่านไปเหมิ่งหนานทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้น และค่อยๆ เผยให้เห็นพลังของเขา ทำให้ไป๋เยี่ยต้องประเมินความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเสียใหม่
นอกจากนี้เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเซี่ยอวี่อันและคนอื่นๆ
ไป๋เยี่ยเองถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นประจักษ์กับการฝึกที่โหดหินและอันตราย และสิ่งที่เขาไม่เคยคิดก็คือเซี่ยอวี่อันและพวกยังคงตรากตรำอยู่ต่อ
เหมิ่งหนานก็คือพยัคฆ์ร้ายที่น่ากลัวมีทั้งเขี้ยวและเล็บเติบโตเต็มที่
ไป๋เยี่ยรู้สึกสงสารทวีปฝานซิงโจวขึ้นมาทันที มีพยัคฆ์ร้ายอยู่ข้างๆ ตัวพวกเขา พวกเขาไม่มีทางหลับและกินได้อย่างเป็นสุขแน่นอน
การคาดเดาของไป๋เยี่ยถูกต้อง หยางจื่อชิงและฮัสกีกระวนกระวายใจแล้วและพบว่าพวกเขาประเมินทวีปซางโจวต่ำเกินไปเพียงไหน คำตอบทั้งหมดที่หยางจื่อชิงเตรียมไว้ก่อนจะมาที่นี่ถูกเทกระจาดทิ้งหมด เพราะแม่ทัพเฒ่าฮัสกีบอกเขาไว้อย่างชัดเจนว่าทวีปซางโจวแข็งแกร่งมากกว่าทวีปฝานซิงโจว
ทวีปฝานซิงโจวเป็นเหมือนบ้านที่มีรอยรั่วเต็มไปหมดโย้เย้ต้านลมและฝน ขณะที่ทวีปซางโจวเต็มไปด้วยความมั่นคงและพลัง
เป็นครั้งแรกที่หยางจื่อชิงพบกับถังเทียน ผู้ปกครองที่แท้จริงของทวีปซางโจว
‘อายุน้อยมาก’
หยางจื่อชิงอุทานในใจ แต่เขาไม่กล้าดูแคลนอีกฝ่ายหนึ่ง สามารถเป็นผู้นำที่เด็ดขาดได้ทั้งที่อายุเยาว์ขนาดนั้น ใครจะมีคุณสมบัติดูถูกเขาเล่า?
ตาของเขาเป็นประกายขณะที่เขามองดูปิงที่กำลังพ่นควันอยู่ห่างๆข้างตัวถังเทียน ต่อหน้าเขาการเคลื่อนไหวฟุ่มเฟือยไม่มีความหมาย หยางจื่อชิงมีประสบการณ์กับเขาแล้ว และรู้ว่าปิงรับมือได้ยาก
“เราหวังว่าจะสร้างสัมพันธไมตรีกับทวีปซางโจว ไม่ทราบว่าท่านเจ้าครองทวีปจะคิดเห็นเป็นเช่นไรบ้าง?” หยางจื่อชิงไม่พยายามเล่นแง่และพูดตรงประเด็นทันที สำหรับทวีปฝานซิงโจวในปัจจุบัน เวลาสำคัญที่สุดการเสียเวลาสำรวจที่นี่ พิสูจน์แล้วมีแต่จะสร้างความเสียหายใหญ่ให้กับพวกเขา
“สัมพันธไมตรี? เราทำได้แน่นอน!” ปิงพ่นควันเป็นวงและพูดต่อ “เราต้องดูมูลค่าที่ทวีปของเจ้ายินดีจ่ายก่อน”
‘ความรู้สึกของเศรษฐีจอมเจ้าเล่ห์เป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด’
หยางจื่อชิงเตรียมตัวมาก่อนแล้ว และพูดโดยไม่ลังเล “เรายินดีมอบสะพานลอยในทะเลแสง เป็นของขวัญจากเจ้าครองทวีปเรา”
ถังเทียนและปิงตกใจทั้งคู่ พวกเขาคิดว่าทวีปฝานซิงโจวจะจ่ายให้มากมายอย่างไม่เต็มใจ แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าทวีปฝานซิงโจวเตรียมจ่ายให้อย่างฟุ่มเฟือยขนาดนั้น
สะพานลอยแห่งทะเลแสง มีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น