Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 660 สู้รบรุนแรง
ตอนที่ 660 สู้รบรุนแรง
ดวงอาทิตย์น้อยหลายดวงพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้าเป็นแถวแนวโค้งสีส้มพุ่งกระแทกใส่แถวของศัตรู
บึ้มบึ้ม บึ้ม!
เมื่อกระทบเข้ากับตัวเรือรบโจมตีเร็วรังสีธนูกลมก็ระเบิดทันทีพร้อมกับปล่อยพลังงานสีส้มทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตัวเรือพอไม่มีม่านพลังป้องกันภายใต้คลื่นพลังงานรุนแรงสีส้มจึงอ่อนยุ่ยเหมือนกับกระดาษและแตกกระจายเป็นผุยผงทันที
ระเบิดแสงไฟลูกแล้วลูกเล่าเจาะทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง
พวกโจรสลัดทุกคนตาเบิกกว้างตกใจระลอกคลื่นพลังงานที่รุนแรงสะท้านแก้วหูพวกเขาจนหูอื้อไปชั่วคราว แสงรังสีที่ทะลุทะลวงปกคลุมเต็มไปทั่วทุกพื้นที่ ทั่วทั้งพื้นที่สว่างไสวไม่มีเงาหรือเสียง เพลิงลุกไหม้รอบๆ เรือรบที่หักพัง หมอกละอองเลือดระเหยอยู่ในท้องฟ้าลอยละล่องเหมือนกับใบไม้ที่เคลื่อนไปตามแรงคลื่นซัด…
ฉากภาพที่เจ็บปวดเกิดขึ้นอยู่ในความเงียบ
โจรสลัดทั้งหมดไม่ได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อยและตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
มีเพียงขุนพลที่อยู่บนเรือรบแถวหน้าตะโกนลั่น “โจมตี! โจมตีเดี๋ยวนี้!”
“จะ..โจมตีตรงไหน?” รองหัวหน้าประจำเรือโพล่งขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ศัตรูของพวกเขาโจมตีมาจากทุกตำแหน่งทิศทางจะให้พวกเขาโจมตีไปทางไหน?
ก่อนที่ผู้บัญชาการเรือจะทันได้ตอบจู่ๆ ก็มีบางคนร้องขึ้นด้วยความกลัว “แย่แล้ว! พวกเขากำลังขึ้นบนเรือของเรา!”
ทุกคนบนเรือได้รับการเตือนทันที ใบหน้าของพวกเขาแสดงความหวาดผวา ‘ถ้าศัตรูขึ้นเรือได้…’
พวกเขาไม่กล้าคิดถึงฉากเช่นนั้นเลย
“ป้องกันเอาไว้!” คนหัวหน้าตะโกน เสียงของเขาสูง ขุนพลที่มาจากทวีปกวงหมิงไม่มีประสบการณ์การต่อสู้อย่างดุเดือดแบบนั้น เหมือนกับว่ความรู้ประสบการณ์ต่อสู้ในอดีตของเขาทั้งหมดสูญเสียไปหมด
‘กับดัก! เป็นกับดักจริงๆ! ศัตรูเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว!’
การตัดสินใจเช่นนี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
หลิงซิ่วคือคนที่แข็งแกร่งประดุจเหล็ก เขามักจะเป็นผู้นำหน้าอยู่เสมอ ดวงตาสีแดงเพลิงของเขาลุกโชน เขาวิ่งขึ้นหน้าพร้อมกับหอกของเขา
ลูกเรือบนเรือเพียงเห็นแต่ดาวสีเงินแผ่อยู่ข้างหน้า รังสีเงินวิ่งมาข้างหน้าของพวกเขา ตอนนั้นพวกเขาจึงตระหนักได้ว่าแสงสีเงินนั้นความจริงก็คือคนผู้หนึ่ง
ทหารนั้นกรีดร้องและไม่มีเวลาทันตั้งตัว แสงเงินระเบิดกระจายเต็มหน้าของเขา รังสีเงินนับไม่ถ้วนเป็นเหมือนทะเลดวงดาวกระแทกใส่เรือเร็วโจมตี
หอกดาวแกะ!
ซี่ ซี่ ซี่!
รังสีเงินหนาแน่นหนักหน่วง ทหารยกอาวุธในมือขึ้นตามสัญชาตญาณและรู้สึกเหมือนกับว่าถูกเครื่องจักรหนักกระแทกใส่ พวกเขาร้องครวญคราง และกระเด็นออกไปทุกคน ก่อนที่ทหารเหล่านี้จะร่วงถึงพื้น ทหารทุกคนหลั่งเลือดจากหู, จมูกและปากร่างกายปราศจากชีวิต
บึ้ม,ปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งแตกทำลายเป็นผุยผงจากรังสีเงินสองเท้าของหลิงซิ่วยืนอยู่บนเรือแล้ว
เมื่อเห็นผลงานที่น่ากลัวของหลิงซิ่ว ศิษย์ตระกูลหวีที่ติดตามอยู่ด้านหลังหลิงซิ่วรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มสูงขึ้นพวกเขาโห่ร้องขณะบุกขึ้นเรือรบ
ในระยะไกล ปิงมองดูฉากภาพดังกล่าว การขึ้นเรือได้ลำหนึ่งจะทำให้การสู้รบโหดร้ายและรุนแรงมากขึ้น และแม้แต่ทหารที่ฝึกมาดีแล้วก็ยังกลัวที่จะทำเช่นนั้น แต่ปิงกล้าใช้มือใหม่บุกขึ้นเรือเป็นเพราะเขาได้เปรียบในการซุ่มโจมตี และเพราะหลิงซิ่ว
‘หนึ่งหอกหนึ่งชีวิต’‘หลิงซิ่วผู้แกร่งกร้าว’ มีอารมณ์ร้อนแรง ความตั้งใจสู้ของเขามีมากมายเหลือเฟือเสมอ เขารู้สึกไม่หวาดหวั่นและจะวิ่งเข้าสู้รบก่อนเสมอเขาใช้การสู้ระยะประชิดและร่วมประสานงานซึ่งเป็นด้านสำคัญที่สุดก็ดูดีสง่างาม
เมื่อหลิงซิ่วเข้าต่อสู้อย่างห้าวหาญสง่างามทำให้เขาดูแข็งแกร่งที่สุดเกินกว่าทุกคน
บนเรือรบไม่เพียงแต่หลิงซิ่วจะมีใบหน้าขลาดกลัวต่อศัตรูแปลกหน้าที่อยู่ต่อหน้าเขา แต่ความตั้งใจต่อสู้ของเพิ่มขึ้นสูง เขาคำรามเหมือนฟ้าผ่าและวิ่งตะลุยเข้าหาพวกเขา หอกเงินในมือของเขาถูกใช้ไม่มีหยุด ไม่ว่าตรงไหนที่เขาไปก็จะมีคนพ่ายแพ้ถูกบดขยี้จนโลหิตไหลนอง
ศิษย์จากตระกูลหวีที่หลิงซิ่วสอนเพิ่งจะมาถึงและกระโจนเข้าหาศัตรู
หวีชิงอี้ฉลาดมากเขารู้ว่าพลังของพวกเขายังห่างไกลจากหลิงซิ่ว เขารู้ว่าเมื่อเทียบกับโจรสลัดฝีมือดี พวกเขายังเป็นรองเล็กน้อย ดังนั้นพวกเขาทุกคนจึงจับกลุ่มสามคนบ้าง ห้าคนบ้างหอกของพวกเขามักใช้ด้วยกันเสมอ โจมตีพร้อมกัน ด้วยรูปแบบการต่อสู้ที่เอาเปรียบเช่นนั้น พวกโจรสลัดจึงพ่ายแพ้ และเขาจะถูกกำจัดทีละคนๆ
โจรสลัดทุกคนบนเรือรบเป็นทหารเก่าทั้งนั้น และหลายๆคนเป็นสมาชิกหลักและเป็นทหารฝีมือดีของทวีปกวงหมิง
ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น นักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงสามคนมองหน้ากันเองและพวกเขากระโจนเข้าหาหลิงซิ่วทันที อีกสองสามคนหันหน้าและวิ่งเข้าใส่หวีชิงอี้!
พวกเขาสามารถเห็นได้ว่าศิษย์ของตระกูลหวีมีฝีมือการต่อสู้ระดับทั่วๆไป แต่สามารถสร้างความเสียหายได้เนื่องจากหวีชิงอี้ ต้องแยกหวีชิงอี้ออกมาจากกลุ่ม และปล่อยให้มือสมัครเล่นแสดงฝีมือที่ไม่ธรรมดานั้น
ตรึงหลิงซิ่ว ฆ่าหวีชิงอี้!
ยอดฝีมือของทวีปหมิงกวงทุกคนตัดสินใจใช้กลยุทธในทันทีนั้น พวกเขาทำการตัดสินใจทันที
เมื่อเห็นนักสู้ฝีมือดีของทวีปกวงหมิงพุ่งเข้าหาเขา หลิงซิ่วคำราม เขาเขาเคลื่อนไหวหอกอย่างนุ่มนวล ปลายหอกสั่นสะท้านเล็กน้อย และกลายสภาพเป็นทะเลรังสีเงิน
แต่ร่างของเขายังคงเหมือนรูปสลักไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิ้วเดียว มีแต่เพียงปลายหอกที่ถูกควบคุมด้วยความถี่อย่างน่าอัศจรรย์ ดวงดาวสีเงินเรียงรายไปข้างหน้ากลายเป็นแม่น้ำดวงดาว คนสองสามคนนั้นเข้ามาใกล้ทุกที แต่หลิงซิ่วไม่สนใจพวกเขา เขายังคงกวัดแกว่งหอกสร้างรังสีเงินอย่างเฉยเมย ชั้นรัศมีบางๆยังคงครอบงำและไหลต่อเนื่องเหมือนทะเลดวงดาวไม่มีสิ้นสุด
ยอดฝีมือทั้งสามปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้า หนึ่งในนั้นมีมือที่มือเขาปกคลุมไปด้วยเข็มแสง อีกคนหนึ่งทั่วทั้งตัวคลุมไปด้วยเพลิงขาว และคนสุดท้ายถือกระบี่แสงที่เหมือนกับหิมะ
ทั้งสามคนรู้สึกดีใจ พวกเขาเป็นสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเรือรบ แม้ว่ารังสีหอกของศัตรูของพวกเขาจะหนาแน่นมาก แต่สำหรับพวกเขาไม่มีอะไร ตราบใดที่พวกเขาทำลายผ่านรังสีหอกได้ศัตรูของพวกเขาก็จะพินาศ
ในดวงตาของเขาศัตรูใกล้เข้ามาทุกทีๆ แต่แววตาสีแดงเพลิงของเขายังคงลุกโชน
หลิงซิ่วก้าวมาข้างหน้าทันทีผมสีเงินยาวประบ่ากระพือยุ่งเหยิง ทะเลรังสีเงินรอบตัวเขาพลันสว่างเจิดจ้าทันที
หอกเงินแทงออกไป
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยรังสีเงินถูกดึงดูดในเวลาเดียวกันสร้างเป็นสายเส้นแสงแพรวพราวมากมายนับไม่ถ้วนตรงเข้ามาในตัวหลิงซิ่ว
ผมยาวของเขาโบกสะบัดขณะที่เขาถลันตัวไปข้างหน้าเข้าไปในแสงสีขาว
เวลาเหมือนกับจะหยุด
แสงสีเงินขนาดหัวแม่มือยิงออกมาจากปลายหอกทะลวงผ่านหัวใจของยอดฝีมือทั้งสามและทะลุออกด้านหลัง
หอกผดุงธรรม!
นี่คือไม้ตายสังหารแรกที่หลิงซิ่วได้รับมาผ่านการรู้แจ้ง และมีเหตุผลที่จะบอกว่าได้ว่ามันไม่เหมาะกับหลิงซิ่วในปัจจุบันนี้อีกต่อไป แต่หลิงซิ่วไม่ยินดีจะทิ้ง ด้วยการระเบิดอารมณ์ของเขา ยังมีความอ่อนโยนลึกๆอยู่ในตัวเขาที่ผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้
วิชานี้ทำให้เขานึกถึงอาจารย์ของเขา
อาจเป็นเพราะความคิดถึงอาจารย์ของเขา ความคิดถึงที่จะไม่มีวันจางหายไป
เพราะมันคือแก่นของเขา เพราะมันคือคุณธรรมของเขา
ถึงจะโง่จะอ่อนแอ แต่มันก็ยังเป็นของเขา หลิงซิ่วทุ่มเทอย่างสุดกำลัง ไตร่ตรองถึงมันต่อไป และยังคงรู้แจ้งเพราะมันเพิ่มมากขึ้น ยิ่งเขาคิดถึงก็ยิ่งรู้มากขึ้นเรื่อยๆ
‘อาจารย์, ข้าคิดถึงท่าน’
หอกผดุงธรรมในมือของหลิงซิ่วปลดปล่อยรังสีอันตรายได้ในที่สุด และเริ่มก่อให้เกิดพลังที่น่ากลัวอย่างเหลือล้น
เมื่อเขาดึงหอกกลับรังสีทะลุทะลวงก็หายไป และศพทั้งสามก็ร่วงลงจากฟ้า โดยไม่ต้องหันไปดูเขาแทงหอกไปทางตำแหน่งของหวีชิงอี้
ควั่บ,ร่างของเขาหายไปทันที
หอกวิ่ง!
เขาปรากฏตัวที่ด้านหลังหวีชิงอี้เหมือนภูตพรายและแทงหอกเงิน คอของนักสู้จากทวีปกวงหมิงแตกปริ ละอองเลือดฉีดพุ่ง อีกสองคนหวาดกลัวและหันหลังหนี แต่หลิงซิ่วไม่เปิดโอกาสให้เขาทำเช่นกัน
ทั้งสองหอกสร้างรูแผลที่หลังของพวกเขา พวกเขาวิ่งไปได้สองสามก้าวก่อนจะล้มลงกับพื้นเสียชีวิต
เมื่อศิษย์ตระกูลหวีเห็นหลิงซิ่วปรากฎตัวจากในอากาศเบาบาง พวกเขาตื่นเต้น
วิชาหอกตระกูลหวีไม่สิ, วิชาหอกดาวแกะทรงพลังมากจริงๆ น่ากลัวมาก! หลิงซิ่วถ่ายทอดวิชาหอกดาวแกะให้พวกเขาแล้ว แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากไปกว่าได้เห็นประจักษ์ถึงพลังวิชาหอกนี้
ในอนาคตพวกเขาจะสามารถทรงพลังได้มากเท่ากับท่านหลิงซิ่ว!
ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในใจของทุกคน เปลวเพลิงจะเผาผลาญไปได้นานหลายปี
เรือรบและเรือโจมตีเร็วทั้งหมดที่แล่นเข้าไปในป้อมล้วนถูกจมถูกทำลาย หน่วยกะโหลกถือโอกาสวิ่งเข้าไปในกระบวนของศัตรูและสร้างความปั่นป่วน
แต่ในความปั่นป่วนนั้นหน่วยกะโหลกสามารถแสดงฝีมือได้ แม้ว่าอายะจะมีความมั่นใจกับคนของนาง แต่อายะก็ยังเลือกนำเข้าโจมตี หน่วยกะโหลกเหมาะกับการสู้รบที่ยุ่งเหยิง
มีทางเลือกขนาดเล็กให้แทรกซึมผ่านเข้าไปและฆ่า หน่วยกะโหลกเป็นเหมือนมีดบินที่ฟันแทง ทุกครั้งที่บินไป เป็นต้องฟันได้เลือดเนื้อ
เทียบกับหน่วยกะโหลก กองกำลังนางแอ่นของเซี่ยอวี่อันเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ กระบวนพยุหะของกองกำลังนางแอ่นหนาแน่นรัดกุมเหมือนกำแพงเคลื่อนที่ พวกเขาค่อยๆก้าวไปข้างหน้าซึ่งเป็นการกระทำอย่างมีจุดมุ่งหมาย
ในสนามรบที่ยุ่งเหยิงแบบนั้นมีคนรวมตัวกันมากกลุ่ม การเข้าไปอย่างมืดบอดจะไม่ทำให้การรบทำได้เร็ว แต่กลับตรงกันข้าม การตั้งกระบวนไว้หนาแน่นรัดกุมและค่อยๆก้าวไปข้างหน้าจะสร้างแรงกดดันต่อจิตใจของศัตรูอย่างมาก และศัตรูจะพลังทลายจากภายในได้อย่างรวดเร็ว
อิงเยี่ยนผู้อยู่ภายนอกป้อมกวงจื้อเป่าแตกตื่นตกใจและตะโกนสุดเสียง ‘ไป! เข้าไปเดี๋ยวนี้!”
ป้อมกวงจื้อเป่ายังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง พื้นสั่นสะเทือนกึกก้องและไฟภายในป้อมทำให้คนที่อยู่ข้างนอกห่างออกไปรู้สึกกลัว
ซุ่มโจมตี!
เป็นการซุ่มโจมตีจริงๆ!
อิงเยี่ยนไม่สามารถเข้าใจได้ ‘เป็นไปได้ยังไงที่จะมีการซุ่มโจมตีภายในป้อมกวงจื้อเป่า? หรือว่าแผนโจมตีของข้าถูกเปิดโปง?’
เขาไม่เคยคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาจะอดทนเงียบอยู่ได้จริงๆ มากจนทำให้สถานที่นี้ปรากฏเหมือนกับว่างเปล่า อิงเยี่ยนรู้สึกเสียใจที่ทำผิดพลาดยิ่งใหญ่ป้อมที่สำคัญขนาดนั้น จะไม่มีคนคอยป้องกันได้ยังไง?
‘ข้าช่างเขลาเสียจริง!’
แสงเพลิงที่พวยพุ่งสู่ฟ้าทำให้หัวใจของอิงเยี่ยนเจ็บปวด เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขาตั้งแต่เขานำกองโจรสลัด กองกำลังเกือบ 70% ของเขาติดอยู่ภายในป้อม
ในเวลาเช่นนั้นเขาไม่สนใจอะไรอื่นอีกต่อไป เป็นเหมือนกับว่านักพนันที่สูญเสียคะแนนไปด้วยความโกรธและทุ่มเทเกทับบนโต๊ะพนันจนหมดหน้าตัก ถ้าเขาไม่ช่วยกองทัพของเขาที่อยู่ภายในไว้ งานหนักที่เขาทำมาจะสูญเปล่าแผนการทั้งหมดของเขาก็จะล่มสลายไปหมด
ตาของอิงเยี่ยนแดงด้วยความโกรธโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีกองทัพหนึ่งที่มาถึงด้านหลังพวกเขาอย่างเงียบงัน