Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 692 รู้ไหมว่าทำไม?
เจียย่านั่งเงียบ บุรุษหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขามีใบหน้าขาวและสง่างาม ดวงตาคมกล้าเหมือนกระบี่ทำให้คนอื่นไม่กล้ามองหน้าเขา ได้แต่สงวนท่าทีไว้
สายตาของเจียย่าอดมีแววยกย่องไม่ได้
ชื่อเสียงของชิวซิ่วหัวโด่งดังเหนือกว่าตัวเขาเองเล็กน้อย เจียย่าเป็นคนที่มีนิสัยรักสงบไม่ชอบต่อสู้และไม่มีความต้องการอำนาจมากนักมีความสุขสำหรับการเปลี่ยนแปลงของชิวซิ่วหัว
“บางทีข้าอาจจะไม่ไปก็ได้” เจียย่าวางแก้วชาและยิ้ม
ชิวซิ่วหัวไม่ตอบ นอกจากเป็นห้าพยัคฆ์กวงหมิงแล้ว เขากับเจียย่ามีสัมพันธ์กันดีที่สุด ทุกครั้งที่เขามายังที่พักของเจียย่า เจียย่าจะอยู่ในชุดยาวสีน้ำตาลเหมือนหลวงจีน ถุงเท้าขาวของเขาซักไว้สะอาด และดูธรรมดาเรียบง่าย เขามีดวงตากลมเล็กและคิ้วโก่งริมฝีปากบางประดับรอยยิ้มน้อยๆ อยู่เสมอ อารมณ์ที่สงบราบเรียบของเขามักจะทำให้ความอึดอัดในอกชิวซิ่วหัวหายไปชั่วคราว
เขาใช้มือทั้งสองข้างยกถ้วยชาจิบ มันคือชาดิบซึ่งมีรสขมมาก
“ข้ายังขาดความตั้งใจจะเอาชนะ และด้วยการสู้รบในพื้นที่ใหม่ดูจะไม่เหมาะกับข้าเสียเลย ท่านมู่จะไม่ไปแน่หรือ เขาจำเป็นต้องปกป้องทวีปเว่ยเย่กวน นั่นคือป้อมที่จะตรงไปสู่ป้อมแมวทวีปคนเถื่อน และเมื่อเร็วๆ นี้ทวีปคนเถื่อนมีความไม่สงบางอย่าง ข้าได้ยินมาว่าเทพธิดาสงครามกวาดดินแดนที่นั่นไปทุกที่ ท่านมู่กังวลว่าตราบเท่าที่เผ่าในทวีปคนเถื่อนรวมตัวติด พวกเขาจะเป็นภัยคุกคามต่อเรา ทำให้ท่านมู่รู้สึกปวดหัว”
ชิวซิ่วหัวรับฟังอย่างเงียบๆ เขาเพิ่มอันดับขึ้นมาอยู่กลุ่มห้าพยัคฆ์กวงหมิงเป็นอย่างน้อย และไม่ว่าเครือข่ายหรือเบื้องหลัง เขาไม่สามารถเทียบได้กับอีกสี่คน
“พวกคนที่เหลือก็คือม่อซิน, เจ้า, และโกวเฉิงเหวินเตา พวกเจ้าทั้งสามคนควรจะไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิวซิ่วหัวขมวดคิ้วหนา ดวงตาของเขาคมเป็นประกายราวกับกระบี่ที่ถูกชักออกจากฝักและสดใสราวกับหิมะ ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่เกินไปกว่าที่เขาคาดเดา แต่เมื่อได้ยินจากเจียย่า หัวใจของเขายังคงตึงเครียดเล็กน้อย
กรีฑาพลลงใต้จัดเป็นกิจกรรมทางทหารที่ยิ่งใหญ่ ต่อเมื่อกิจกรรมทางทหารนี้ประสบความสำเร็จจึงสามารถประเมินพลังของผู้บัญชาการทัพได้ เพียงแต่เมื่อมีสงครามจึงจะมีความสำเร็จทางทหารได้ และแม่ทัพคนใดๆ ในใจล้วนแต่ปรารถนาจะรบทั้งนั้น ผู้ที่ต้องการความยิ่งใหญ่จำเป็นต้องได้กิจกรรมทางทหารขนาดใหญ่
สงครามเป็นเวทีให้แม่ทัพ และเป็นที่ให้แม่ทัพได้สู้ตายอีกด้วย
ความรู้สึกของชิวซิ่วหัวคือต้องการสู้ เจียย่าเลิกยิ้มทันที และพูดอย่างไม่สบายใจ “ความจริงการตัดสินใจกรีฑาพลลงใต้เป็นสิ่งที่ประธานผู้อาวุโสลังเลอยู่ เราไม่เคยเตรียมตัวกรีฑาพลลงใต้มาก่อน แต่เพราะมีเหตุเปลี่ยนแปลงในสวรรค์วิถี เราถูกบังคับให้ตัดสินใจเช่นนี้ เวลาสำหรับการกรีฑาทัพลงใต้จะเตรียมการภายในสองเดือน ด้วยเวลาเตรียมตัวน้อยเช่นนั้นยังไม่เพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมทางทหารขนาดใหญ่ได้ และนั่นคือสิ่งที่ข้ากังวลที่สุด”
ชิวซิ่วหัวกล่าวว่า “เราแค่จำเป็นต้องโจมตีพวกเขาด้วยความเร็วและพลังปานสายฟ้าฟาด และโค่นล้มทวีปซางโจว ข้าได้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของทวีปซางโจวแล้ว มันอยู่ในภูมิภาคใต้ แต่ไม่ไกลจากเรามาก ถ้าเราต้องการโค่นทวีปนี้ลง เราจำเป็นต้องครอบครองหนึ่งในสามของภูมิภาคใต้ ตราบใดที่เราควบคุมขนาดของการสู้รบในระดับที่เหมาะสมก็ช่วยลดแรงกดดันให้กับเราได้”
“ถูกแล้ว” เจียย่ามีสีหน้าผ่อนคลาย แต่ลึกลงไปในดวงตาของเขายังมีความกลัวแฝงอยู่เบาบาง “นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่ต่อต้านการตัดสินใจการกรีฑาพลลงใต้ หนึ่งในสามของภูมิภาคใต้ ถ้าพวกเจ้าทั้งสามทุ่มกำลังเต็มที่ ก็มีโอกาสจะได้ครอบครองสูงมาก แต่สงครามอย่างการกรีฑาพลลงใต้แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นเราไม่อาจคาดการณ์ปฏิกิริยาจากทวีปต่างๆ ของภูมิภาคใต้ได้ ถ้าพวกเขารวมกลุ่มกำลังกัน การโจมตีทวีปซางโจวของเราอาจเกิดความสูญเสียมากมาย
ความคิดว่าไม่สามารถโค่นล้มทวีปซางโจวไม่เคยเฉียดเข้ามาในใจของเจียย่าเลย กำลังของทวีปซางโจวค่อนข้างจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับทวีปกวงหมิง พวกเขายังด้อยอยู่มาก ทั้งสองทวีปมีระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้การรุกคืบครั้งใหญ่นี้มีสามแม่ทัพพยัคฆ์กวงหมิงเข้าร่วม นับเป็นครั้งแรกของทวีปกวงหมิงในรอบสองสามร้อยปี แต่เขารู้ว่าเมื่อทวีปกวงหมิงเริ่มกรีฑาพลลงใต้ พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของสากลโลก ถ้าทวีปต่างๆ ของภูมิภาคใต้รวมกำลังกัน นั่นจะเป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขามากขึ้น
“นั่นคือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องเร็ว” ชิวซิ่วหัวกลับมายังจุดหลักของเรื่อง ประกายตาจริงจังของเขาฉายวูบ “ตราบใดที่เราเร็วเพียงพอ พวกเขาจะไม่มีเวลาตั้งตัวได้ทัน ตราบใดที่เรารวดเร็วพอ ก่อนที่พวกเขาจะทันร่วมมือกัน เราจะสามารถโค่นล้มทวีปซางโจวได้ และพวกเขาจะแตกกระจายเป็นธรรมดา”
เจียย่าหัวเราะ การตัดสินใจของชิวซิ่วหัวเหมือนกับกระบี่ที่คมกล้า ไม่ว่าสถานการณ์จะวุ่นวายเพียงไหน เรื่องก็สามารถคลี่คลายอย่างรวดเร็วจนชัยชนะตกอยู่ในมือของเขา
‘บางทีการสู้รบครั้งนี้เตรียมไว้สำหรับแม่ทัพอย่างเราก็ได้’
เจียย่าเต็มไปด้วยความกังวล การกรีฑาพลใหญ่ขนาดนั้นโดยไม่มีการวางแผนระยะยาว ทั้งยังเป็นสถานการณ์ที่ถูกบังคับ ทำให้พวกเขาสูญเสียการเตรียมตัวตอนต้นไปแล้ว
ต้องขอบคุณ, ทวีปกวงหมิงได้ดำเนินการตามแผนของบรรพบุรุษพวกเขาอย่างมีศรัทธา แม้ว่าขณะนี้จะตกอยู่ในความโกลาหล แต่การเตรียมตัวและลงทุนระยะยาวจะทำให้มั่นคงมาก ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรหรือการพัฒนากองทัพของพวกเขา พวกเขาก้าวหน้ามากในช่วงเร็ววันนี้ และด้วยแม่ทัพระดับลือชื่อถึงสามคนนำทัพ ทวีปกวงหมิงมั่นใจว่าจะสามารถยึดภูมิภาคใต้ได้ถึงหนึ่งในสาม
แม้ว่าเจียย่าจะยังรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาไม่คิดว่าทวีปกวงหมิงจะล้มเหลว
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “เมื่อไหร่เจ้าจะแต่งงาน?”
“คิดว่าหลังจากสงครามจบ” ใบหน้าขาวของชิวซิ่วหัวแดงเล็กน้อย เขาค่อนข้างเขิน
เป็นครั้งแรกที่เห็นชิวซิ่วหัวมีสีหน้าอย่างนั้น ทำให้เจียย่าอดหัวเราะลั่นไม่ได้
***************
อูหม่าเทียนเข็นรถที่เต็มไปด้วยขาหมูทอดผ่านสนามฝึกฝน เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาสองสามวันนี้ ขาหมูทอดของอูหม่าเทียนกลายเป็นเมนูโปรดของค่ายฝึก และทหารต่างๆ มักจะสั่งปริมาณเป็นภูเขาเลากา อูหม่าเทียนยังกลายเป็นคนส่งอาหารคนโปรดของกองทัพต่างๆ แม้แต่ทหารยามเห็นเขาก็ยังจะยิ้มให้
สายตาของอูหม่าเทียนมักจะมองตรงไปที่ทหารทั้งหลายในสนามฝึก
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดูการฝึกทหาร และเขามักจะมีบางอย่างที่ได้รับจากพวกเขา ในเมืองหยวนซานเป็นสถานที่ยากจนเกินกว่าจะทำอะไร ไม่ว่าเขาจะฝึกอะไร เขาก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เมื่อเขาเข้ากองทัพครั้งแรกเขากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และต้องการจะสร้างหน่วยรบฝีมือดี แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาต้องยอมพ่ายแพ้ต่อความเป็นจริง การฝึกมีน้อยมาก แม้แต่เงินเดือนประจำก็ยังไม่ค่อยได้รับ
นอกจากเขาแล้ว ทุกคนก็ต้องหาลำไพ่พิเศษอื่นทำเพื่อป้องกันตัวเอง และหลายคนทำงานที่ไม่สะอาดนัก แต่เขา.. พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหาโอกาสฝึกซ้อม ในกรณีที่มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น พวกเขาจะได้ไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป
ทำเรื่องสกปรกกับคนร้ายอื่นเป็นเรื่องธรรมดา
อูหม่าเทียนไม่ได้เบนสายตาออก และยังคงดูต่อไป
“เป็นยังไงบ้าง? เจ้าสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ตัวเขาทันที อูหม่าเทียนค่อยรู้สึกตัวและมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ เป็นสุภาพสตรีสวมเครื่องแบบนายทหาร มีจานขาหมูทอดอยู่ในมือ นางกินไปคุยไป
เขาจำนางได้ ทุกครั้งที่เขามาส่งขาหมูทอด นางจะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาหา ‘สัมภเวสีหิวโหยที่ไม่รู้จักไปผุดไปเกิดหรือนี่? ฮึ่ม.. จากที่มอง เจ้าต้องเป็นคนที่มีเครือข่ายเส้นสายเป็นแน่ ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงว่างมากในเมื่อทุกคนกำลังวุ่นวายกับการฝึก? นอกจากนี้ เจ้ายังเป็นผู้หญิง ผู้หญิงทำแบบนี้ได้หรือ?’
อูหม่าเทียนนึกอย่างรังเกียจ แต่ทำเบะปากพูด “สนใจเหรอ? แน่นอน ข้าสนใจ ไม่ว่าอะไรก็น่าสนใจมากกว่าขาหมูทอดทั้งนั้น”
“เจ้าต้องการเข้าไปฝึกไหม?” เจ้าหน้าที่สตรีแทะหมู ปากนางเปื้อนไปด้วยน้ำมัน “ถ้าเจ้ามาส่งขาหมูทอดที่นี่ทุกวัน ข้าจะยอมให้เจ้าฝึกในสนามที่นี่ทุกวัน และจะให้เจ้าได้มีประสบการณ์ที่งดงามกับหน่วยกะโหลกของเรา”
“ไม่สนใจ” อูหม่าเทียนแค่นเสียง
“เอ, เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าสนใจไม่ใช่หรือ?” นายกองสตรีนั้นประหลาดใจ
อูหม่าเทียนตอบอย่างเกียจคร้าน “ข้าสนใจฝึกคนอื่นๆ ในการฝึกฝน”
“โอว!” ตอนนี้นายกองหญิงชักจะประหลาดใจเสียแล้ว นางวางขาหมูทอดในมือและคาดเดาอูหม่าเทียน “ข้าบอกไม่ได้เลยว่าเราอยู่ในแนวเดียวกัน เดี๋ยวนี้ที่นี่มีเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่ในหน่วยส่งขาหมูทอดด้วยหรือ?”
คำพูดเหล่านี้กระทบกระเทียบอูหม่าเทียน เขาทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย
“เราอยู่ในแนวร่วมเดียวกัน มาคุยกันก็ได้” พูดจบนายกองหญิงก็คว้าขาหมูทอดอีกชิ้น
“เจ้ากินน้อยลงหน่อยไม่ได้หรือไง!” อูหม่าเทียนจ้องมองนาง “ข้าเตรียมจำนวนขาหมูทอดมาที่นี่มาพอดี ถ้าเจ้ากินอีกชิ้น เมื่อพวกเขาหาเรื่องข้า ข้าก็ได้แต่หาผู้บัญชาการของเจ้าเท่านั้น”
“แค่ขาหมูทอดหนึ่งชิ้นเจ้าถึงต้องรายงานผู้บัญชาการเชียวหรือ?” นายกองหญิงวางขาหมูทอดในมือนาง นางต้องการกินต่อ เมื่อคิดว่านางสามารถผูกสัมพันธ์และคุ้นเคยกับเขาได้ ใครจะรู้กันว่าเขาอาจนำขาหมูทอดมาเพิ่มก็ได้
ขาหมูทอดจากโรงครัวกลายเป็นเมนูยอดนิยมอย่างมาก แต่ที่แย่ก็คือมีปริมาณจำกัดและยากจะได้รับเพิ่ม คนจะได้รับต้องสั่งตอนเช้าและถ้าเขาช้าไปหนึ่งก้าว เขาไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้เลย
นายกองหญิงกระแอมเบาๆ “เจ้าต้องการให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังไหม? กลยุทธของหน่วยกะโหลกของเรานั้นประณีตจริงๆ”
“ก็ได้, งั้นบอกข้ามา” ใจของอูหม่าเทียนมีความสงสัยอยู่สองสามที่จริงๆ และไม่สามารถเข้าใจได้
นายกองหญิงเริ่มใส่ใจ นางไม่เก็บงำและบอกเป้าหมายของนาง “อย่างนั้นเจ้าต้องนำขาหมูทอดมาเพิ่มให้ข้าสองสามชิ้นในวันพรุ่งนี้!”
“เจ้าจะเอาแบบนั้นหรือ?” อูหม่าเทียนมองนางด้วยความรังเกียจ “ตราบเท่าที่เจ้าอธิบายข้าเป็นอย่างดี พรุ่งนี้ข้าจะนำมาเพิ่มให้อีกสามชิ้นเลย แต่ถ้าเจ้ามีมาตรฐานต่ำเกินไป หึหึ ก็อย่าได้คิดหวัง”
นายกองหญิงมั่นใจในตนเอง ‘ตลกอะไรกันล่ะนี่, กลยุทธของข้าไม่อาจเทียบได้กับพ่อครัวที่ทำขาหมูทอดหรือ?’
“เฮ้.. ตอนนี้พวกเขากำลังดำเนินการฝึกผ่านสิ่งกีดขวางขนาดเล็ก เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งกีดขวางขนาดเล็กคืออะไร? คือระบุว่ากลุ่มคนที่น้อยกว่าห้าคนพัวพันสร้างปัญหาให้ศัตรู และทำไมต้องห้า? ท่านถังโฉ่วคิดว่าการสู้รบด้วยจำนวนที่น้อยกว่าห้ามีความคาดหวังในการโจมตีแบบกลุ่มน้อย แต่ในความเป็นจริงจำเป็นต้องใช้พลังส่วนตัวของสมาชิกร่วมรบสูงขึ้นเล็กน้อย ความถี่ในการผสานพลังงานในการสู้รบขนาดเล็กจะไม่มีผลกระทบมาก เจ้าก็รู้ ยิ่งคนมากก็ต้องการความถี่ในการผสานพลังงานสูง สังเกตดูวิธีที่พวกเขายืน นั่นเรียกว่าท่ารูปลิ่มประสาน มันสามารถหยุดการประสานของศัตรูได้ และด้านข้างสามารถป้องกันได้ และสามารถตัดเข้าขบวนศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
นายกองหญิงไม่ยอมผ่อนผันและเพื่อขาหมูทอด
หน้าของอูหม่าเทียนมีแววเหลืออด และตัดบทนาง “เจ้าทำให้ตื่นเต้นมากกว่านี้ได้ไหม?”
นายกองหญิงหยุดทันที
เขาชี้ไปที่การสู้รบเข้มข้นในสนามฝึก “เจ้ารู้ไหมพวกเขากำลังฝึกฝนอะไร?”
นายกองหญิงตกใจ “กระบวนรบใยไหม”
“ทำไมพวกเขาถึงรักษาระยะห้าเมตรไว้?” อูหม่าเทียนถาม
นายกองหญิงตะลึง “ทำไมห้าเมตร…”
นางไม่เคยคิดถึงคำถามนั้นมาก่อน
“เพราะระยะห้าเมตรทำให้พวกเขารักษาความยืดหยุ่นของรูปขบวนได้ ด้านหน้าจะสร้างรังสีกระบี่ ดาบ ขวานและสามารถจำกัดพื้นที่ที่พวกเขาจัดสรรให้ ขณะที่การลงมือของด้านหลังเป็นพื้นที่สำหรับธนูและศรใช้ยิง” อูหม่าเทียนดูแคลนนายกองหญิงเสียแล้ว
นางกองหญิง “….”
“เจ้ารู้ไหม ทำไมพวกเขาจับคู่กันอย่างนั้น?”
นายกองหญิงพูดอย่างอ่อนใจ “เพื่อเพิ่มพลังโจมตีของพวกเขา”
“เหลวไหล!” อูหม่าเทียนดุนาง “แล้วจะทำยังไงกับพลังโจมตี? ยืดหยุ่น! เจ้ารู้จักความยืดหยุ่นไหม? โจมตีระยะไกลจะเพิ่มระยะห่างจากศัตรู ด้วยระยะห่างขนาดนั้น จะมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น นี่เจ้าใช้สมองหมูหรือเปล่า?”
นายกองหญิง “ข้า….”
“เจ้ารู้ไหมทำไมการโจมตีของเขาจึงปรากฏเป็นเหมือนคลื่นอย่างนั้น?”
นายกองหญิงยังคงตะลึงต่อ
“โง่จริงๆ! เจ้าไม่รู้กระทั่งเรื่องอย่างนี้ แล้วยังอยากจะกินขาหมูเพิ่มอีกหรือ? เจ้าน่าจะกินขาตัวเองมากกว่า! นี่จะช่วยเพิ่มพื้นที่โจมตีไงเล่า, เข้าใจไหม?”
นายกองหญิง “……”
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไม….”
นายกองหญิง “….”