Undefeated God of War ยอดยุทธไร้เทียมทาน - ตอนที่ 693 เข้าหาพายุ
“เจ้าไหวไหม?” ถังเทียนมองดูซือหม่าเซี่ยวและถาม
ตลอดทั้งตัวของซือหม่าเซี่ยวกำลังสั่น ร่างกายของเขาเป็นสีฟ้าจาง ทะเลน้ำเงินคือทะเลพลังงาน สร้างมาจากพลังงานนับไม่ถ้วน ถังเทียนและหน่วยสุญญตามีร่างพลังกายเป็นศูนย์จึงไม่มีผลกระทบอะไร แต่ซือหม่าเซี่ยวมีความยากลำบาก ทะเลน้ำเงินของพลังงานกำลังจะชอนไชเข้าร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่ใช่เพราะโกวอวี้คอยปกป้องเขา พลังงานน้ำเงินคงจะกัดกร่อนทั่วร่างขอเขาจนไม่เหลืออะไรไว้ พลังงานน้ำเงินนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แปลกประหลาดมาก มันผลิตสร้างความเย็นที่บอกไม่ถูกมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทะเลพลังงานที่กว้างใหญ่ไพศาลทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
มีอยู่สองสามครั้งที่ซือหม่าเซี่ยวมีแรงกระตุ้นต้องการเปลี่ยนตัวเองให้มีร่างพลังกายเป็นศูนย์เช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้นสายตาของเขาจะมองดูโกวอวี้ที่อยู่ข้างตัวเขา
ผิวที่ละเอียดอ่อนและงดงามของนางไม่มีไฝฝ้าราคีใด ดวงตาเหมือนหยกของนางเป็นประกายสะท้อนเหมือนอัญมณีและริมฝีปากแดงอวบอิ่มราวกับมีกระแสน้ำภายใน ผมสีดำสนิทของนางทิ้งน้ำหนักยาวประบ่าซึ่งอยู่ในชุดยาวสีรุ้งคลุมร่างของนาง ขาเรียวยาวของนางราวกับหิมะเหมือนงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ และข้อเท้าข้างหนึ่งของนางมีด้ายแดงพันรอบขณะที่นางเดินด้วยเท้าเปล่า
เมื่อซือหม่าเซี่ยวเข้ากลุ่มดาวแมงป่อง เขาไม่ได้ยกเลิกสมาคมรวมตระกูล แต่กลับฮุบเอาสมาคมรวมตระกูลทั้งหมดไว้ วิชาสร้างขุนพลวิญญาณที่สร้างขึ้นมาโดยสมาคมรวมตระกูลยังคงได้รับการสืบทอด และภายใต้การสนับสนุนอย่างแข็งขันของซือหม่าเซี่ยว ก็ยิ่งเติบโตกล้าแข็งขึ้น
นางคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อซือหม่าเซี่ยวพบนาง เขาไม่ลังเลใจมอบสมบัติของกลุ่มดาวแมงป่อง หยกหางแมงป่องอยู่ในตัวนาง
ชื่อของนางจึงเปลี่ยนเป็นโกวอวี้
โกวอวี้ลอยอยู่ข้างตัวซือหม่าเซี่ยว แสงหยกสีนวลครอบคลุมทั้งตัวเขาไว้ เมื่อแสงหยกเข้าไปในร่างของซือหม่าเซี่ยว หน้าสีน้ำเงินของเขาก็จางและอ่อนลง และเขาจะกลับคืนเป็นมีสีเลือดอีก ด้วยการปกป้องของโกวอวี้อย่างต่อเนื่องนางยังต้องคอยช่วยซือหม่าเซี่ยวกำจัดพลังงานน้ำเงินออกจากร่างของเขาด้วย
“ข้าไม่เป็นไร” ซือหม่าเซี่ยวถอนหายใจโล่งอก ความรู้สึกอบอุ่นใจและสบายใจเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาพูดอย่างซาบซึ้ง “โชคดีที่ข้ามีเสี่ยวอวี้ของตระกูลข้ามาด้วย”
เสี่ยวอวี้ยิ้มให้อย่างนุ่มนวล ความงามของนางคือสิ่งที่ไม่มีใดแทนได้
ถังเทียนมองเขาอย่างรังเกียจ “อาศัยเสี่ยวอวี้อย่างนั้น เจ้าไม่มีความเข้มแข็งเอาเสียเลย! ลูกผู้ชายต้องมีความแข็งแกร่งเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ มีจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ!”
ซือหม่าเซี่ยวมีสีหน้าเป็นสุข “เจ้าอิจฉาล่ะสิ หือ, ใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ สามารถทำได้ ต้องมีพรสวรรค์ ต้องมีความอดทน เป็นวิชาจิตวิญญาณชั้นยอด เจ้ารู้เรื่องนั้นไหม?”
“ข้ามีเชียนฮุ่ยแล้ว!” ถังเทียนพูดอย่างไม่เกรงใจ “ข้ายังมีวิชาจิตวิญญาณระดับสุดยอดด้วย!”
“ซ่างกวนเชียนฮุ่ยเหรอ..” ซือหม่าเซี่ยวลูบคาง “นางน่ากลัวมาก แต่เทียบกับเสี่ยวอวี้แล้ว นางยังเป็นรอง!”
“เหลวไหล!” ถังเทียนไม่พอใจ “เชียนฮุ่ยด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเสี่ยวอวี้? เจ้าจะหาเรื่องข้าหรือ?”
คนที่อยู่ข้างหลังรู้สึกว่ามีสีหน้าจนใจ ทุกคนคุ้นกับอารมณ์เหมือนเด็กของถังเทียนเสียแล้ว แต่ซือหม่าเซี่ยวเป็นจ้าวแมงป่อง เป็นคนที่เจ้าเล่ห์ หลักแหลม แกล้งทำโง่กับถังเทียน จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ?
หรือเขาแกล้งทำเป็น…
ทุกคนฟังทั้งสองคนคุยจ้อกันตลอดทาง และรู้สึกเบื่อหน่าย
“เราเดินทางมากี่วันแล้ว?” จงหลีไป๋ถาม เขามีสีหน้าสีหน้าระมัดระวังและไม่กล้าผ่อนคลาย
เมื่อเข้าสู่ทะเลน้ำเงิน เขากับเนี่ยชิวมีปัญหาเหมือนกันกับซือหม่าเซี่ยว แต่ซือหม่าเซี่ยวมีการปกป้องจากโกวอวี้ แต่พวกเขาไม่มี พวกเขาทนอยู่ได้ครึ่งวันก่อนที่แทบจะสลบลง แต่ทั้งสองคนมีสติปัญญาดีและเป็นแม่ทัพทหารที่โดดเด่น และรู้วิธีใช้ประโยชน์ของพลังทหาร ทั้งสองคนรู้วิธีใช้กองทัพสลายพลังกัดกร่อน แต่นี่จำเป็นต้องควบคุมรัศมีอย่างโดดเด่นโดยแม่ทัพทหาร
“ยี่สิบเอ็ดวัน” เนี่ยชิวตอบ เนื่องจากเป็นคนตาบอดเขาสามารถคำนวณเวลาได้แม่นยำ และไม่ได้รับอิทธิพลจากโลกรอบตัว
จงหลีไป๋ขมวดคิ้ว เดินทางนานถึง 21 วัน แต่โชคดีที่พวกเขาไม่พบกับอะไร ไม่มีคนแคระน้ำเงินหรือต้นน้ำแข็งฟ้า มีแต่ทะเลน้ำเงินที่กว้างใหญ่และน่าเบื่อหน่าย
ตอนนั้นเอง ถังเทียนจึงได้ทำเสียงเอ๊ะ
“เกิดอะไรขึ้น?” ซือหม่าเซี่ยวที่เริ่มไม่สบายใจก็กลับเครียด เมื่อเห็นถังเทียนจู่ๆ ก็อุทานขึ้นมา เขาคร่ำครวญในใจ
“ดวงตาแห่งเซ็กแทนส์มีปัญหาเล็กน้อย ตำแหน่งดูเหมือนจะผิดเพี้ยนไป”
ถังเทียนมองดูทะเลน้ำเงิน อารมณ์ของเขามึนซึม
“ตำแหน่งดูเหมือนจะผิดเพี้ยน…” ซือหม่าเซี่ยวใจหายวูบ พื้นที่รกร้างและแผ่นดินที่พระเจ้าทอดทิ้งอย่างนั้น ถ้าตำแหน่งผิดเพี้ยนไป ก็ไม่ต่างจากตาย เขากลืนน้ำลาย “พวกเจ้าไม่ได้มาที่นี่เมื่อครั้งล่าสุดหรือ? ครั้งสุดท้ายดวงตาเซ็กแทนส์พาเจ้าไปที่ไหนในครั้งล่าสุด?”
“ครั้งล่าสุด?” ถังเทียนคิดเล็กน้อย “ครั้งล่าสุด เราเผชิญกับพายุ และเราปลิวไปตกที่หาดหญ้าแดง”
ทุกคนมองหน้ากันและกัน
ขณะนั้นเอง มีแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยมาจากที่ไกล
ถังเทียนเป็นคนแรกที่รู้สึกและอุทานออกมา คนที่สองคือโกวอวี้ ดวงตาที่งดงามของนางมองไปทางตำแหน่งนั้นทันที และหน้าของนางมีแววกังวลเล็กน้อย มีแรงระเบิดกะทันหันที่ทำให้ทุกคนตัวสั่นเข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว และตั้งแต่เริ่มสิ่งที่พวกเขาเห็นคือเส้นสีน้ำเงินบาง แต่ในพริบตาแนวเส้นสีน้ำเงินบางหนาขึ้นเท่าแขน เสียงกึกก้องดังต่อเนื่องและทะเลน้ำเงินโดยรอบดูเหมือนจะปั่นป่วน
เสียงที่ดังกระหึ่มรอบตัวทุกคนทำให้หน้าทุกคนเปลี่ยน
ครืน ครืน…!
เมื่อความรู้สึกสั่นสะเทือนมาถึงพวกเขา จากนั้นทุกคนรู้สึกถึงพลังงานที่น่ากลัว
โกวอวี้มีปฏิกิริยาเร็วที่สุด ในพริบตาร่างเล็กของนางทะยานไปอยู่ที่หลังของซือหม่าเซี่ยว นางเป็นเหมือนงูไร้กระดูกขดพันรอบตัวซือหม่าเซี่ยว ใบหน้าที่งดงามของนางซบลงที่หน้าอกของซือหม่าเซี่ยว และแสงสีหยกกระจายออกทันทีคลุมร่างทั้งสองไว้
ปฏิกิริยาของเนี่ยชิวจะอ่อนแอมากกว่าจงหลีไป๋เล็กน้อย เขาอ่อนไหวต่อความรู้สึกเรื่องพลังงานมากกว่า เนื่องจากเขาเป็นคนตาบอด หน้าของเขาเปลี่ยน และแม้ว่าเขาจะประหลาดใจ เขาไม่ตื่นเต้นและตะโกน “เตรียมตัวสำหรับการป้องกัน!”
ทหารหน่วยสุญญตาตื่นจากฝันกลางวันและมีสีหน้าตกใจ พวกเขาตั้งแนวป้องกันทันที
จงหลีไป๋มีปฏิกิริยาทันทีและยังคงสั่งการหน่วยของเขา
ทุกคนเตรียมพร้อมเผชิญหน้ารับคลื่นที่สามารถพลิกภูผาได้ อยู่ต่อหน้าอำนาจพลังสวรรค์นี้ พลังของแต่ละคนดูไม่สำคัญและเล็กน้อยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นซือหม่าเซี่ยวและโกวอวี้หรือหน่วยสุญญตาที่ตั้งแนวป้องกัน พวกเขาปลิวไปตามสายลม
จากเสียงระเบิดดังกล่าวพวกเขาได้ยินเสียงตื่นเต้นของถังเทียน “พายุ…พายุอยู่ที่นี่…เรากำลังจะ…”
‘เจ้างี่เง่านี่….’
ซือหม่าเซี่ยวต้องการจะด่าดังๆ
แต่น่าเสียดายที่เขาทำไม่ทันเวลา เนื่องจากพลังที่รุนแรงกระแทกใส่เขาจากด้านหลัง เขากระอักโลหิตจากนั้นหมดสติ ก่อนที่เขาจะหมดสติ, เขามีความคิดเหลืออยู่อย่างเดียว
‘เจ้าคิดว่าพายุคือพาหนะของเจ้างั้นหรือ…’
หลังจากเวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ถังเทียนลืมตาอย่างมึนงง รู้สึกเจ็บปวดในหัว หลังจากนั้นเป็นเวลาสั้นๆ สายตาของเขาก็เป็นปกติ สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาของเขาก็คือฝ้าเพดานที่มืดทึบ มีราขึ้นอยู่ตามมุมเพดาน อากาศมีกลิ่นอับ
‘นี่…ดูเหมือนไม่ใช่หาดหญ้าแดง…’
‘ทำไมที่นี่ไม่ใช่หาดหญ้าแดง…’
ถังเทียนจ้องมองเพดานอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะมีปฏิกิริยา ‘ครั้งสุดท้ายทุกคนถูกส่งไปที่หาดหญ้าแดง..’
เขาดิ้นรนลุกขึ้นยืนและทันใดนั้นเขารู้สึกว่าทั่วทั้งตัวถูกมัด มือ ขา คอ มีเข็มแสงแทงในส่วนต่างๆ ตลอดทั้งร่างของเขารู้สึกอ่อนแรง และเขาไม่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงได้
เข็มแสงแปลกประหลาดมาก ทำให้เขาไม่มีแรง ไม่แต่เพียงแค่นั้น เขาไม่สามารถเรียกได้กระทั่งเพลิงปีศาจ
‘ข้ากลายเป็นนักโทษเสียแล้ว….’
ถังเทียนตะลึงอยู่ชั่วขณะก่อนจะทันตั้งตัว ‘เอ, ทำไมข้าถึงกลายเป็นนักโทษเล่า?’ ทันใดนั้นเขาสั่น เขาคิดถึงปิงหนิงและพวกที่เหลือ, ‘แย่แล้ว!’
เขากระวนกระวายใจขณะดิ้นรนลุกขึ้นยืน ตุ้บ พอลุกขึ้นยืนได้ครึ่งเดียวก็ล้มกลับไปบนพื้นอีก
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ดูเขาสิ แม้แต่คุกเข็มก็ไม่สามารถรั้งเขาให้นอนลงไป สินค้าดี ร่างกายดีอย่างนั้น เขาดูเหมือนกับว่าร่างกายทำขึ้นจากเหล็ก อย่างนี้ต้องขายได้เงินมากมายแน่นอน ข้าสงสัยว่าสุภาพสตรีตระกูลสูงส่งจะต้องซื้อเขาไปแน่ หึหึ…”
“ถ้าเราเอาตัวเขาไปข้างบน เขาจะต้องมีราคาสูงแน่นอน”
“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้ มีสาวงามน้ำแข็งมาคนหนึ่ง และต้องใช้คนเกินกว่าสิบคนสู้กับนาง แม้แต่หวังหม่าจือก็ยังโดนปฏิเสธ เขาต้องการพวกเขาเพื่อตัวเอง ข้าไม่เคยคาดเลยว่าแม่นางต้าหลินจะปรากฏตัว น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เห็นสีหน้าของหวังหม่าจือ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฮ่าฮ่า ใครให้เจ้าเป็นหนี้แม่นางต้าหลินมากนักเล่า หนี้ที่ต้องใช้คืนอย่างรวดเร็ว!”
ถังเทียนตกใจ แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องหานปิงหนิง!
เลือดของเขาเริ่มเดือดอยู่ในหัว ถังเทียนเริ่มดิ้นรนอยู่บนพื้น
“เอ เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงตื่นเต้นนักเล่า หรือว่าเจ้ารู้จักสาวงามนางนั้น?”
บุรุษหน้ากลมคนหนึ่งปรากฏเข้ามาในสายตาของถังเทียน ทำให้เขาเห็นคนที่จับเขาชัดเจน เขาสวมชุดขาดกะรุ่งกะริ่ง สีหน้าของเขาชั่วร้ายมีประกายตาเจิดจ้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดี
ถังเทียนต้องการพูด แต่ตระหนักว่าคอของเขาไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
อีกคนหนึ่งหัวเราะ และเดินเข้ามาหาถังเทียนมองดูเขาอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “สินค้ามีร่างกายที่ดี! เฮ้, เจ้าคิดจะขายเขาให้ตระกูลเซวียหรือ?”
“ตระกูลเซวีย?” สหายของเขาตกใจ “เจ้าตั้งใจอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าไม่คิดหรือว่าเขาจะถล่มตระกูลเซวียได้ดีมาก?”
“จริง! ตระกูลเซวียมักจะพอใจเสมอ ถ้าเราสามารถทำให้พวกนางพอใจได้ เราจะต้องรวยแน่นอน! เราสามารถขายมันได้ราคาดีกว่าหัวหน้าของเรา!”
“ไป ไป ไป เราจะตระกูลเซวียกันเดี๋ยวนี้!”
ทั้งสองคนคว้าตัวถังเทียนแบกเดินออกไป ถังเทียนพยายามดิ้นรน แต่ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีแรงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
ถังเทียนถูกโยนเข้าไปในรถเข็น และเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทำให้เขารู้สึกล้า หน้าของเขาเป็นสีแดงแปลกประหลาด รู้สึกได้อย่างเลือนราง สติของเขามึนเบลอ และบุรุษหน้ากลมยืนคุมอยู่ด้านข้างมองดูรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
ถังเทียนไม่เคยรู้สึกไร้พลังและช่วยตัวเองไม่ได้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกับว่าโลกหมุนอยู่รอบตัวเขา และสติของเขาเลือนลาง
‘พวกเจ้าทุกคน.. ขอให้พวกเจ้าปลอดภัยเถอะ…”
‘ข้า….ต้องช่วยทุกคนให้ได้…’
ขณะที่เขาเริ่มจะหมดสติ ถังเทียนได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน
“ดูเหมือนว่าเขาจะมีไข้นะ! โธ่เว้ย.. มาเป็นไข้ตอนนี้, ในเวลาแบบนี้นะ!”
“เราจะทำยังไง?”
“จะทำยังไงน่ะหรือ?” เรามาถึงนี่แล้ว เราต้องลองดู! ถ้าทำอะไรไม่ได้ อย่างนั้นเราจะคิดบางอย่างกัน!”
“ซวยจริงๆ!”
“หุบปากเถอะน่า, พวกเจ้าอย่าพูดต่อไปเลย”
ถังเทียนเพียงแต่รู้สึกว่าเสียงยิ่งห่างไกลทุกทีและสติสัมปชัญญะของเขาหมดไปโดยเร็ว และมีบางอย่างดูเหมือนจะเผาผลาญอยู่ในร่างกายของเขา