Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1241
ตอนที่1241 เงาอวตารสี่สัตว์เทวะ!
“นี่ มีคนกำลังมาช่วยแล้วหนิ”
เย่หยวนสายตาจับจ้องหลงชุนด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม
ดวงตาไร้ประกายไสวดั่งคนที่ตายแล้วของหลงชุน ในที่สุดมันก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ท่านปู่! ช่วยข้าด้วยท่านปู่!!”
หลงชุนเห็นหลงหยานจากระยะไกล ดังนั้นเขาจึงใช้พละกำลังทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ตะโกนออกไปสุดเสียง
เมื่อหลงหยานเห็นว่าหลานชายของเขาปลอดภัยดี หัวใจที่เต้นกระหน่ำบีบแน่นพลันคลายตัวลงโดยมิตั้งใจ
ทว่าทันทีทันใด สายตาของเขาก็เบี่ยงมาจับจ้องเย่หยวนด้วยความอาฆาต
“ไอ้มนุษย์สารเลว! กล้ายั่วยุพวกเราเผ่าสี่สัตว์เทวะ นี่มิใช่ว่าเจตนาหาที่ตาย?”
หนึ่งในสี่ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น
“ไอ้เด็กเหลือขอ ปล่อยตัวชุนเอ๋อซะ! ข้าสัญญาณว่าจะเหลือศพให้ทำพิธีต่อ!”
หลงหยานตะคอกใส่เย่หยวนอย่างเดือดดาล
เย่หยวนอดขำมิได้เมื่อได้ยิน ชายชราผู้นี้อยู่ในกะลาแคบๆนานเกินไปจนคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า สั่งเป็นสั่งตายได้เลยกระมัง?
นี่คงเป็นวิธีพูดคุยของคนในดินแดนนี้?
ทั้งๆที่ตัวประกันอย่างหลานชายแท้ๆอยู่ในมือ แต่ก็ยังกล้าขู่ว่าจะเหลือศพให้ทำพิธีต่อ? แทนที่จะเกลี้ยกลอมให้ยอมปล่อยตัว หากเป็นคนอื่นที่มิใช่เย่หยวนคงปาดคอหลงชุนตายไปนานแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เย่หยวนก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี
เย่หยวนยกบาทาขึ้นก่อนถีบก้นหลงชุนส่งออกไปทันที
“โอ๊ยย!”
หลงชุนกรีดร้องด้วยความตกใจ พร้อมร่างที่ถูกมัดของตนกระเด็นตรงเข้ามาหลงหยาน
หลงหยานตกใจเล็กน้อยก่อนรีบพุ่งตัวออกไปรับอย่างเบามือ
ทุกคนที่เห็นดังนั้นต่างตกตะลึงอย่างยิ่งโดยเฉพาะหลงหยาน
ในทีแรก หลงหยานคิดว่าตัวเขาต้องใช้พยายามอย่างมากเพื่อแย่งชิงตัวหลานชายกลับมา
สิ่งที่เขากังวลใจที่สุดคือ เย่หยวนจะใช้หลงชุนเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาจำต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นสองเท่าทวี
แต่ใครจะไปคิดว่า ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้กลับปล่อยตัวตามที่บอกจริงๆ
อย่างไรก็ตามแต่ คิดว่าปล่อยคืนแล้วเรื่องจะจบลงง่ายๆ?
“ท่านปู่!”
หลงชุนอับอายอย่างยิ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาในฐานประมุขน้อยคงไม่เหลือหน้าไปมองใครอีกแล้ว
หลงหยานกล่าวดุเสียงเย็นว่า
“เรื่องอัปยศในวันนี้คงเป็นกระจกสะท้อนในความหยิ่งผยองของเจ้าอย่างดี! หลังจากนี้ห้ามออกจากการเก็บตัวเป็นเวลาร้อยปี!”
หลงชุนไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของหลงหยานแม้แต่น้อย ก่อนเอ่ยปากกล่าวขึ้นด้วยความเคารพว่า
“เข้าใจแล้วท่านปู่!”
หลังจากนั้นเองหลงหยานก็มิได้สนใจหลงชุนอีก แต่กลับเงยหน้ามองเย่หยวนพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“เจ้าหนู เจ้าเป็นคนรักษาสัจจะดีเยี่ยม เช่นนั้นข้าเองก็จะรักษาคำพูดเช่นกัน”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านคงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่ามังกร,หลงหยานใช่หรือไม่? ข้าได้ยินหลงชุนกล่าวเล่าถึงท่านมามากมาย เอาเถอะ ที่ข้าไม่ฆ่าเขาเป็นเพราะความสัมผัสระหว่างนายน้อยผู้นี้กับเผ่ามังกรฟ้ามิใช่ตื้นเขิน มิฉะนั้นคิดหรือว่าข้าจะไว้ชีวิตหลงชุนรวมไปถึงพวกที่วิ่งหนีไปก่อนหน้า?”
สีหน้าของหลงหยานมืดขรึมลงทันใดและกล่าวว่า
“เจ้าหนู เจ้าดูมั่นใจดีหนิ! หรือก็แค่พวกเจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมกันแน่? เจ้าที่อยู่ต่อหน้าพวกเราทั้งสี่ ยังคิดจริงๆหรือว่าจะรอดชีวิตออกไปได้?”
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มว่า
“เหอะ ข้าก็มิได้มั่นใจอันใดนัก เพียงว่าข้าทรงพลังพอ! ต่อให้พวกเจ้าทั้งสี่โจมตีเข้ามาพร้อมกันก็ได้ ข้าไม่ถือ! ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเผ่าสี่สัตว์เทวะในดินแดนสัตว์เทวะมันจะมีดีแค่ไหนเชียว!”
โดยปกติแล้วในดินแดนสัตว์เทวะ เหล่าสี่ประมุขแห่งเผ่าสัตว์เทวะต่างใช้เวลาปลีกวิเวกเก็บตัวอยู่นานแรมปี ส่วนการดำรงอยู่ที่ลึกลับกว่านั้นอย่างบรรพบุรุษยิ่งไม่มีใครเคยเห็นหน้ามาก่อน ดังนั้นแล้วผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่นี้จึงเป็นผู้ปกครองดูแลเผ่าในฐานะผู้นำแทน
ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ล้วนเข้าใจในศาสตร์แห่งสวรรค์เช่นกัน!
เด็กเหลือขอคนหนึ่งต้องการต่อสู้กับพวกเขาทั้งสี่? นี่เขาเสียสติไปแล้ว?
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ช่างหยิ่งผยองเกินไป! มนุษย์ตัวน้อยผู้ไม่รู้จักฟ้าต่ำแผ่นดินสูงอย่างแท้จริง! แค่เราชายชราคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
เด็กเหลือขอตรงหน้าเป็นเพียงเซียนอาณาจักรราชันย์เทวะทั่วไป ซึ่งเขามิได้ใส่ใจอันใดเลย
เมื่อกล่าวจบ หลงหยานก็ชูฝ่ามือขึ้นปลดปล่อยพลังสะเทือนฟ้าสะท้านโลกันตร์ออกมา!
“ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้า!”
เย่หยวนพลันอมยิ้มอีกครั้ง กับแค่ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าระดับวิญญาณของหลงหยาน มีหรือจะสร้างรอยขีดขวนให้แก่เย่หยวนได้?
ดังนั้นแล้ว เย่หยวนจึงยกฝ่ามือตอกสวน พร้อมซัดฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าตอบโต้กลับไปทันควัน!
ซึ่งเย่หยวนเลือกใช้ชีพจรมังกรระดับวิญญาณเช่นเดียวกับอีกฝ่าย!
สองกระบวนโจมตีอันยิ่งใหญ่ชนิดเดียวกัน!
แม้แต่ฝนฟ้าถึงขั้นวิปลาสหนัก มวลเมฆาวายุผัดสีแปรผันในทันใด!
บูมมมม!!
หลงหยานถูกซัดกระเด็นออกไปไกลโข เขาไม่สามารถต้านทานฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าของเย่หยวนได้แม้แต่น้อย จนกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโต
ถึงจะลดระดับชั้นเหลือแค่วิญญาณ แต่แนวคิดความเข้าใจของเย่หยวนก็สำเร็จถึงระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว! ดังนั้นความแตกต่างระหว่างทั้งสองจึงกว้างไกลแม้แต่ฟ้าดินยังมิอาจทดแทน!
เผ่าสี่สัตว์เทวะล้วนมี‘เต๋า’แตกต่างกันไป
อย่างเช่นเต๋าของเผ่ามังกรก็คือ ชีพจรมังกรที่เร้นแฝงอยู่ในสายเลือด สิ่งนี้มีหน้าที่เป็นสื่อกลางเพื่อรีดเร้นพลังมังกรออกมาและใช้ปลดปล่อยกระบวนโจมตี
เสียงแห่งจอมเทพมังกรคือการรีดเร้นเสียงมังกรคำรามออกมา ส่วนตัวชี้วัดความแตกต่างของพลังทำลายล้างคือ ชีพจรมังกร หากมีตัวนำส่งที่ดีย่อมสามารถปลดปล่อยพลังมังกรออกมาได้เต็มทีเสมอ
ไม่เพียงเย่หยวนที่สำเร็จชีพจรมังกรระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น อย่าลืมเสียว่าความแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งการต่อสู้ของเย่หยวนเองก็สูงส่งเหลือล้นเกินที่จะกำราบหลงหยาน
โดยสรุปแล้ว ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าของเย่หยวนเหนือชั้นกว่าของหลงหยานไกลโข
เหล่าสมาชิกเผ่าต่างๆที่รวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ต่างจับจ้องภาพฉากเมื่อครู่อย่างโง่งม ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นความไม่น่าเชื่อ
“มะ-ไม่มีทาง? มนุษย์สามารถใช้ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าได้อย่างไร? แถมยัง…ทรงอนุภาพยิ่งกว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุด?!”
“ก่อนหน้านี้ เขาเองก็ใช้กระบวนฝ่ามือนี้เพื่อปราบปรามท่านประมุขน้อย ในทีแรกข้ายังหลงคิดว่า นั้นคงถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่ที่ไหนได้…ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้ากลับเหนือชั้นยิ่งกว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุด!”
“ไม่น่าแปลกใจที่ไฉนถึงกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ปรากฏว่าเขามีทุนรอนของจริง!”
………………………….
เดิมที หลงเซิงคิดจะให้ผู้อาวุโสสูงสุดช่วยลบล้างความอัปยศในอดีตของเขา
แต่ใครจะไปคาดคิด กระทั้งยอดเซียนผู้ไร้เทียมทานที่หลงเซิงเลื่อมใสตลอดมาอย่างหลงหยาน ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเย่หยวนจริงๆ!
เมื่อนึกย้อนกลับไปในปีนั้น ช่องว่างระหว่างเขากับเย่หยวนกลับมิได้กว้างไกลไพศาลถึงขนาดนี้
ในที่สุด หลงเซิงก็เริ่มรู้สึกละอายใจที่ตนมองอีกฝ่ายเป็นศัตรู
เพราะเขาทราบดีว่า ตนไม่มีคุณสมบัติไปเป็นศัตรูของเย่หยวนได้เลย!
หลงหยานเงยมองเย่หยวยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ และโพล่งกล่าวขึ้นด้วยความเหลือเชื่อว่า
“เจ้า…เจ้ารู้จักฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าได้อย่างไร? นี่เป็นถึงความลับสุดยอดของเผ่ามังกรที่คนนอกมิอาจล่วงรู้! เจ้า…โทษของเจ้าคือประหารสถานเดียว!”
“โทษประหาร? แต่ใครจะสามารถสำเร็จโทษข้าได้บ้าง? เจ้ารึ?”
เย่หยวนกล่าวเสียงเรียบนิ่งตอบ พร้อมเหลียวมองหลงหยานด้วยหางตาสุดเย้ยหยัน
ผู้อาวุโสสูงสุดของสามเผ่าที่เหลือต่างหยุดหายใจไปชั่วขณะเช่นกันเมื่อได้ยิน หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่นแล้ว ทว่าตอนนี้กลับได้แต่ปิดปากเงียบอย่างเคร่งเครียด
ในผืนพิภพแห่งนี้ ผู้อ่อนแอกว่าต้องเชื่อฟังผู้แข็งแกร่ง
และตอนนี้เย่หยวนอคือผู้แข็งแกร่งอย่างชัดแจ้ง!
ดังนั้นแล้ว หลงหยานมีสิทธิ์ให้โทษประหารเย่หยวนได้อย่างไร ไม่สิ…เขาสามารถฆ่าเย่หยวนได้รึด้วยกำลังเพียงแค่นี้?
สีหน้าของหลงหยานดำเมี่ยมคล้ายก้มหม้อไหม้ ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“ยังยืนงงอันใดอีก! ข้าอยากจะเห็นเสียจริงว่าเด็กนี่จะแน่สักเพียงใด!”
ทั้งสามระดมพลังเตรียมเข้าสัประยุทธ์ทันที จากนั้นพวกทั้งสี่ก็เข้าจู่โจมเย่หยวนอย่างพร้อมเพรียง
ทว่าสิ่งที่ทำให้เย่หยวนประหลาดใจที่สุดก็คือ หลังจากที่ทั้งสี่ร่วมสัประยุทธ์ด้วยกัน กลับให้กำเนิดการโจมตีผสานอันสมบูรณ์แบบขึ้นมา!
มังกรฟ้า, พยัคฆ์ขาว, วิหกเพลิงและเต่าดำ!
เสมือนเงาอวตารของสัตว์เทวะทั้งสี่ผงาดขึ้น พร้อมเสียงปลุกเร้าฟ้าดิน!
สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนเปลี่ยนไปทันที และไม่กล้าประมาทใดๆอีกต่อไป!
เขตแดนจักรพรรดิแห่งดาบถูดเปิดขึ้นทันที ก่อนควบแน่นเหลือเพียงรัศมีสิบฉื่อ
ในเวลาเดียวกัน เย่หยวนเร่งโคจรพลังปราณด้วยเคล็ดสมบัติศักดิ์สิทธิ์กายาเต่าดำถึงขีดสุด พร้อมกายเนื้อที่เปล่งประกายสีทองอร่าม
บูมมมม!!
ภายใต้แรงระเบิดสุดวินาศสันตะโร ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ต่างถูกแรงระเบิดถีบส่งกลับมาเช่นกัน!
แม้ว่าการโจมตีในคราวนี้จะน่าสะพรึงคล้ายกระบวนท่าผสานของสามเทพอสูร แต่นี่ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย
ทว่า…เย่หยวนกลับไม่ขยับเขยื้อนใดๆแม้แต่นิ้วเดียว!
“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ต่างรู้สึกว่า เรื่องนี้จะผิดประหลาดเกินไปแล้ว!
เย่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆว่า
“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กระบวนโจมตีผสานของเผ่าสี่สัตว์เทวะจะทรงอนุภาพขนาดนี้! แต่ที่ยังขาดตกเป็นเพราะพวกเจ้าทั้งสี่อ่อนแอเกินไป!”
คำกล่าวของเย่หยวนทำเอาสีหน้าทั้งสี่บิดเบี้ยวน่าเกียจอย่างหาที่เปรียบไม่
พวกเขาทั้งสี่เป็นถึงจุดสูงสุดของดินแดนสัตว์เทวะ ทว่าในความเป็นจริง ยามที่ทั้งสี่ผนึกกำลังโจมตีร่วมกัน กลับไม่สามารถทำอะไรเด็กเหลือขอที่ยืนอยู่เบื้องหน้าได้แม้แต่ปลายเส้นผม!