Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1255
ตอนที่1255 ศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สอง!
“จู่เก๋อฉิงซวน!”
เมื่อทั้งสามเห็นเป็นจู่เก๋อฉิงซวน สีหน้าการแสดงออกของพวกเขาพลันผันแปรโดยไม่สมัครใจ
เย่หยวนมั่นใจอย่างยิ่งว่า จู่เก๋อฉิงซวนไม่เข้าคู่กับหลีกุยแน่นอน ทว่ากลับคาดไม่ถึง ปรากฏว่าอีกฝ่ายสามารถรอดชีวิตออกจากมิติต่อเติมของนิกายชำระวิญญาณได้จริงๆ!
อย่างไรก็แล้วแต่…ไฉนบุคลิกท่าทีของมันถูกดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเช่นนี้?
“เหอะ! แกประหลาดใจนักรึ? ไม่คิดไม่ฝันใช่ไหมว่า ข้าผู้นี้จะหนีรอดออกมาได้?”
“ฮิฮิ… เจ้าเด็กนี่นับว่าฉลาดหลักแหลม รู้จักฆ่าคนด้วยมีดคนอื่น! แต่ความพยายามของข้านับล้านปีเต็มกลับต้องล้มเหลวภายในวันเดียว ความโกรธแค้นของพระเจ้าผู้นี้ เจ้าเตรียมใจรับได้เลย!”
สองเสียงจากปากเดียวแผดดั่งชัดแจ้ง ซึ่งน้ำเสียงและลักษณะการพูดล้วนแล้วแต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเย่หยวนทั้งสามที่ได้ยินดังนั้นพลันอดประหลาดใจมิได้
อย่างไรก็ตาม แค่ไม่กี่อึดใจต่อมา เย่หยวนก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันทีเช่นกัน ดูเหมือนว่าจ้าวนิกายชำระวิญญาณ,หลีกุยจะเข้ายึดร่างของจู่เก๋อฉิงซวนไว้
เว้นเสียแต่ การยึดร่างครั้งนี้กลับไม่สมบูรณ์จึงส่งผลให้จู่เก๋อฉิงซวนยังคธำรงสติสัมปชัญญะได้อยู่อย่างที่เห็น
อย่างไรก็ตามแต่ จู่เก๋อฉิงซวนในปัจจุบันเผยถึงแรงคุกคามที่น่าสะเทือนขวัญยิ่ง
เย่หยวนสงบเยือกเย็นลงอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวขึ้นพลางหัวเราะลั่นว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์ผู้สูงศักดิ์กลับมีจุดจบที่น่าสังเวชยิ่งกว่าความตาย! คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง! หากโลกภายนอกทราบว่าเจ้าต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ คงเป็นเรื่องตลกที่โด่งดังที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลยกระมัง?”
สีหน้าการแสดงออกของจู่เก๋อฉิงซวนมืดลงในบัดดล แม้เขาจะถูกหลีกุยควบคุมร่างไปแล้วตอนนี้ แต่สติสัมปชัญญะดั่งเดิมของมันยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดี
มันหยิ่งผยองถือตนอยู่เหนือหัวสรรพสิ่ง ทันทีที่ถูกเย่หยวนพ่นวาจาเหยียดหยามใส่เช่นนี้ มันจึงเดือดพิโรธแทบลุกเป็นไฟ
“หุบปากไปซะ! รอจนกว่าข้าผู้จะถลกหนังเลาะกระดูกแกออกมาเสีย จากนั้นค่อยไปพล่ามต่อในนรก!”
จู่เก๋อฉิงซวนสาดคำขู่ออกไปหยุดปากด้วยความโมโห
“ใจเย็นก่อน! หากเจ้ายังไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง เจ้าจะทำกิจสำคัญได้สำเร็จอย่างไร?”
หลีกุยกล่าวเตือนสติ
“หุบปากได้แล้ว! ไอ้บัดซบนี่ข้าจัดการเอง! หรือเจ้าคิดว่านามขาน จอมราชันย์สวรรค์นิรันดร์เป็นเพียงคำขู่หลอกเด็ก?!”
“เอาล่ะ,เอาล่ะ! พระเจ้าผู้นี้จะไม่เข้าแทรกแซง! หลังจากนี้อย่ามาขอให้พระเจ้าผู้นี้ช่วย!”
เมื่อกล่าวจบหลีกุยก็ไม่ส่งเสียงเอ่ยดังใดๆอีกต่อไป พร้อมยกสิทธิ์การควบคุมร่างกายให้แก่จู่เก๋อฉิงซวนโดยปริยาย
“เย่หยวน ในคราวนี้แม้แต่จักรพรรดิหยกก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้!”
จู่เก๋อฉิงซวนคำรามลั่นด้วยความเดือดดาล
ทว่าเย่หยวนคลี่ยิ้มสวนพลางกล่าวตอกไปว่า
“เอ…ครั้งล่าสุดข้าสงสัยเสียจริงว่า ใครมันหนีหางจุกตูดดั่งสุนัขกัน!”
“มิใช่ว่าครั้งล่าสุดเจ้าเล่นไม่ซื่อรุมข้า? ครั้งนี้หนึ่งต่อหนึ่งไร้ซึ่งแผนการ คิดหรือจะเอาชนะข้าผู้นี้ได้?”
จู่เก๋อฉิงซวนกล่าวตอบอย่างรังเกียจ
“เหอะ เหอะ ก็แค่พวกขี้แพ้ชวนตี สำหรับข้าในตอนนี้ เจ้ามิได้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!”
เย่หยวนเชิดศีรษะกล่าวตอบเสียงเย็น
“เช่นนั้น ข้าผู้นี้ก็ขอดูเสียหน่อย ว่าวันนี้แก่จะแกร่งกล้าสักแค่ไหน?!”
จู่เก๋อฉิงซวนหัวร่อเสียงเย็นพร้อมปลดปล่อยดัชนีออกไปทันที!
ดัชนีปราณฉีเลิศล้ำ!
ดัชนีสายเดี่ยวถูกปลดปล่อย ฉีกเมฆาแหวกอากาศทะลวงสิ้น!
ช้อนสายตาจับจ้องสะท้อนแววสุดเหยียดหยาม เย่หยวนกระตุกยิ้มคำหนึ่งพร้อมสำแดงใช้บัวเพลิงปราณดาบพิโรธเข้าชนกับดัชนีปราณฉีเลิศล้ำโดยตรง
แต่ในเสี้ยวอึดใจนั้นเอง ขณะที่เย่หยวนกำลังระดมพลังปราณ เขาพลันรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เสมือนว่าพลังปราณภายในร่างถูกสกัดกั้นเอาไว้ ส่งผลให้บัวเพลิงปราณดาบพิโรธถูกลดทอนอนุภาพไปกว่าครึ่ง!
บูมมมม!
บัวเพลิงปราณดาบพิโรธที่สำแดงใช้เพียงครึ่งหนึ่งจะไปทัดเทียมกับดัชนีฉีเลิศล้ำเต็มสูบได้อย่างไร?
ใจกลางทรวงอกของเย่หยวนถูกดัชนีซัดกระแทกเต็มแรง กลิ่นโลหิตหวานล้นทะลักออกจากลำคอ พร้อพ่นเลือดสดออกมาไม่หยุดหย่อนจนชโลมชุ่มเสื้อผ้า
“พี่ใหญ่หยวน!”
“พี่ใหญ่!”
ลี่เอ๋อกับอิ้งหมัวหู่ถอดสีหน้าทันทีด้วยความตกใจ ทั้งคู่ไม่คาดคิดเลยว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นนี้
เย่หยวนเพิ่งเริ่มสัประยุทธ์ได้กระบวนเดียว แต่กลับบาดเจ็บสาหัสไปเสียแล้ว
โชคยังดีที่เขายังมีวรยุทธมังกรทรราชจุติคอยฟื้นฟูสภาพร่างกาย
“ฮิฮิ เป็นอย่างไรบ้าง? รสชาติของตราสาปภูตวิญญาณ? ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
หลีกุยกล่าวขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะชวนขนลุก
เย่หยวนตระหนักทราบทันทีว่า นี่เกิดจากคลื่นพลังสีโลหิตทั้งสองสายก่อนหน้า
ความรู้สึกชนิดนี้คล้ายคลึงกับลูกประคำปราบเทพของหกผู้พิทักษ์ปีศาจของจี้ฉางหลาน
แต่สิ่งนี้คล้ายตราคำสาปที่ติดตัวเย่หยวน แม้เขาจะใช้พฤกษาวิญญาณหยวนฉือพยายามขจัดออกอย่างไร แต่นั้นกลับไม่ได้ผลเลย
ตามที่คาดไว้ วิธีการนำใช้นาๆชนิดของเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดในกาลอดีต ล้วนเกินหยั่งถึงทั้งสิ้น!
เว้นเสียว่า…
แทนที่เย่หยวนจะเจ็บใจหรือแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว เขากลับแสยะยิ้มออกมาแทน ซึ่งนั้นทำเอาสีหน้าการแสดงออกของหลีกุยแข็งค้างโดยพลัน
“ตราสาปภูตวิญญาณ? เป็นชื่อที่ไม่เลวหนิ แต่ข้าสงสัยเสียจริงว่า…กุยฟู่จะทราบวิธีถอนตราสาปนี้หรือไม่?”
เย่หยวนปั้นสีหน้าเสแสร้งแสดงใคร่รู้พร้อมฉีกยิ้มกว้าง
ทันทีทันใดปรากฏรัศมีพลังสีแดงชั้นบางเข้าปกคลุมร่างกายของเย่หยวนทันที
ใบหน้าของหลีกุยบิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ มันกัดฟันแน่นพร้อมกล่าวด้วยความเกลียดชังว่า
“ข้าก็สงสัยว่าเหตุใดธงอัตลักษณ์วิญญาณของข้าถึงหายไป! ปรากฏว่ามันอยู่ในมือเจ้า!”
หลี่กุยคือเจ้าของธงอัตลักษณ์วิญญาณคนก่อน ธงอัตลักษณ์วิญญาณทรงพลังแกร่งกล้าเพียงใด มีหรือที่มันจะไม่ทราบ?
ถึงอย่างไร ไม่ว่านักสู้ผู้มาพบเจอของวิเศษชิ้นนี้จะแกร่งกร้าวเพียงใด แต่หากต้องการกำปราบผีร้ายเหล่านี้ให้เชื่อฟัง เกรงว่าเป็นไปไม่ได้
แต่มันก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า เย่หยวนจะสามารถกำราบผีร้ายของมันได้อยู่หมัด
พลันนึกถึงความพยายามนับหลายปีที่มันพยายามเสริมแกร่งธงอัตลักษณ์วิญญาณ ของวิเศษคู่กายมันอย่างต่อเนื่อง บัดนี้กลับกลายเป็นว่าหลีกุยเย็บปักชุดแต่งงานสุดหรูให้แก่เย่หยวนใช้งานเสียเอง ต่อหน้าธงอัตลักษณ์วิญญาณนี้ ตราสาปภูตวิญญาณของมันก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่นเด็ก
กุยฟู่ทำราวกับไม่เห็นหลีกุย มันเรียกสหายภูผีอีกแปดตนออกมาคุ้มกัน และเริ่มคลายตราสาปในกายเย่หยวนทันที
เหล่าผีร้ายพวกนี้ทราบดี ระหว่างที่หลีกุยกำลังคลายตราสาปนี้ ห้ามให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็ดขาด ถึงจะสามารถคลายตราสาปนี้ออกได้ไม่ยาก แต่นั้นยังต้องใช้เวลาพอสมควร
ซึ่งความแกร่งกร้าวของพวกมันทั้งแปดก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“คิดจะคลายก็คลายง่ายๆงั้นรึ? ข้าคงไม่ปล่อยให้สำเร็จลุล่วงกระมัง?”
สีหน้าน้ำเสียงของจู่เก๋อฉิงซวนปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมชี้ดัชนีตรงเข้าใส่อีกระลอกหนึ่ง
“ดัชนีสวรรค์…เลิศล้ำ!”
จู่เก๋อฉิงซวนกู่ร้องขึ้นพร้อมระเบิดพลังดัชนีขั้นสุดยอดออกมาโดยตรง
ดัชนีโลกาวินาศ, ดัชนีพลังฉีเลิศล้ำและดัชนีสวรรค์เลิศล้ำ ทั้งสามกระบวนโจมตีนี้ล้วนเป็นวิชาแขนงเดียวกันของฤทัยพุทธะสูตร
เพื่อที่จะสำเร็จถึงกระบวนนี้ กล่าวได้ว่าขุมพลังความสามารถของผู้ฝึกฝนยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้จู่เก๋อฉิงซวนยังสามารถใช้เขตแดนจักรพรรดิแห่งเต๋าได้แล้ว ด้วยสิ่งนี้จึงยิ่งเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของมันเป็นหลายเท่าทวี
สีหน้าของเย่หยวนตกลงทันใด ก่อนกล่าวขึ้นว่า
“ไม่น่าแปลกใจ ไฉนเจ้าถึงหยิ่งยโสได้เพียงนี้ ปรากฏเจ้าบรรลุถึงศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สองแล้ว ทว่าน่าเสียดาย…เจ้ากลับบรรลุได้เพียงแค่นี้”
ประกายแสงสีทองสาดกรพริบวิบวับจากกายาเย่หยวน สองฝ่ามือชูชันซัดกระหน่ำเข้าตอบโต้ในบัดดล
ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้า!
วรยุทธต่อสู้ของเผ่ามังกรของเย่หยวนได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังจากที่ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของตรามังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ นั้นส่งผลให้เขาบรรลุศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สองในพริบตา!
ซึ่งศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สองนี้ มีระดับความแกร่งกล้าสอดคล้องกับอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง
ซึ่งแต่เดิม ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งสวรรค์ของจู่เก๋อฉิงซวนกับของเต็งหยุนอยู่ในระดับชั้นเดียวกันคือจุดสูงสุดของขั้นแรก
โดยไม่ต้องพินิจพิจารณาให้เหนื่อยเปล่า ที่จู่เก๋อฉิงซวนแข็งแกร่งขึ้นได้ในพริบตาต้องเป็นฝีมือของข่านนั่วแน่นอน ด้วยวิธีการบางอย่างจึงทำให้มันบรรลุศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สองโดยตรง
อย่างไรก็ตามแต่ ฝ่ามือมังกรสวรรค์วินาศฟ้าที่เป็นศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สอง กลับเหนือชั้นกว่าดัชนีสวรรค์เลิศล้ำซึ่งเป็นศาสตร์แห่งสวรรค์ขั้นที่สองเหมือนกันได้อย่างขาดลอย!
แต่เดิม วรยุทธทั้งสองชนิดนี้ควรมีระดับชั้นและพลานุภาพใกล้เคียงกัน ทว่าเย่หยวนได้เพิ่มแกร่งกระบวนโจมตีไปอีกขั้นโดยใช้กายทองคำเก้าอรหันต์
สองสุดยอดกระบวนโจมตีเข้าชนกันจนเกิดแรงระเบิดซัดถีบออกมา และเป็นจู่เก๋อฉิงซวนที่กระเด็นออกไปไร้ทิศทาง
“เหอะ นี่รึจอมราชันย์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์? กระจอกสิ้นดี!”
เย่หยวนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาพร้อมกล่าวเยาะอย่างหยามเหยียด