Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1261
ตอนที่1261 พายุวิญญาณ!
“บัดซบ! หรือแม้แต่ไข่มุกสยบวิญญาณก็มิใช่คู่มือของพฤกษาวิญญาณมรณะเช่นกัน? ไยถึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย!”
แม้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนจะถูกควบคุมตรึงแข็ง แต่เขาเองก็ยังมิได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไป
ความหวังเดียวที่พึ่งพาได้คือ ไข่มุกสยบวิญญาณ!
ทว่าไข่มุกสยบวิญญาณนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลย ซึ่งนี่ทำให้เขากังวลใจอย่างยิ่ง
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนค่อยๆถูกดึงออกจากร่างไกลขึ้นทีละเล็กละน้อย ดวงตาของอีกาเปรียบดั่งก้นหุบเหวนรกที่เย่หยวนยังคงร่วงตกไม่หยุด
ทันทีทันใดนั้นเอง ไข่มุกสยบวิญญาณที่หลับใหลก็ตื่นขึ้นในที่สุด!
มันเริ่มส่งคลื่นความผันผวนออกไปอีกครั้ง
จากเดิมที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนหลุดลอยออกไป ยามนี้ถูกดึงกลับเข้าร่างดังเดิมอย่างรวดเร็ว!
“หื้ม? เกิดอะไรขึ้น?”
อีกาตัวกลางกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ทุกครั้งที่ลงมือเคลื่อนไหว มันไม่เคยประสบความล้มเหลวมาก่อนเลย แม้แต่เซียนอาณาจักรพระเจ้าล้วนเสร็จมันทุกราย ตราบใดที่ชะตากรรมยังคงดำรงเรื่อย สรรพสิ่งใดอยู่ในรีศมีล้วนต้องวอดวาย ไม่มีอะไรหยุดมันมิให้กลืนกินจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่ในวันนี้ มันกลับล้มเหลวจริงๆ!
แถมอีกฝ่ายยังเป็นเพียงมนุษย์น้อยคนหนึ่งที่มิได้เป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าด้วยซ้ำ!
“มีตำนานเล่าขานไว้ว่า ฤทัยแห่งฟ่านจู้หลงเป็นกายวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่กล้าแกร่งที่สุดแห่งเผ่ามังกร ความแข็งแกร่งของตาเฒ่าอ้าวฉินเองก็มิอาจประเมินได้เช่นกัน กระทั้งนรกยังต้องถอย! อย่างไรก็ตาม…ต่อให้จะเก่งกาจฟ้าประทานเพียงใด แต่ตาเฒ่านั้นก็ไม่อยู่แล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าเด็กนี่ได้อีก!”
อีกาตัวกลางกล่าวพึมพำกับตัวเอง
โดยไม่รีรออันใด อีกาตัวกลางกางปีกสยายสีทมิฬของมันพร้อมปราดเข้าจู่โจมไปที่ศีรษะของเย่หยวน!
จิตวิญญาณศักดิ์นสิทธิ์ของเย่หยวนที่เพิ่งเข้ารูปเข้ารอย กลับต้องเตรียมรับมือกระทันหันประดุจฟ้าผ่า!
อีกาพุ่งโจมตีหวังเสียบทะลวงศีรษะด้วยจงอยปากอันแหลมคมของมัน แต่ทันทีทันใด พลันมีคลื่นพลังวิญญาณไร้สภาวะเข้าห่อหุ้มร่างกายเย่หยวนในบัดดล
ภากฉากนี้ถึงกับทำให้อีกาตัวนั้นโพล่งอุทานลั่นด้วยความหวาดกลัว!
“ไข่มุกสยบวิญญาณ! กลับกลายว่าเป็นไข่มุกสยบวิญญาณ! บัดซบ! บัดซบที่สุด!! ไฉนไข่มุกสยบวิญญาณถึงอยู่ในตัวมันได้?! อ๊ากก!!”
อีกาตัวนั้นแตกตื่นอย่างหนักราวกับพบเจอบางสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง มันกรีดร้องระงมเจือน้ำเสียงสิ้นหวัง
ปีกกางโบกสะบัดให้ไว อีกาตัวนั้นเร่งกระพือปีกหนีกลับออกมาทันที
ทว่านั้นกลับสายเกินไปเสียแล้ว!
จู่ๆเหนือศีรษะของเย่หยวนพลันเกิดแรงดูดอย่างแรงขึ้น พร้อมกลืนกินอีกาตัวนั้นเข้าไปโดยตรง
อีกาตัวนั้นยังไม่ทันได้กลืนกินเย่หยวน ทว่ากลับกลายเป็นเย่หยวนที่กลืนกินมันแทน!
หากกล่าวให้ถูกต้อง นั้นมิใช่เย่หยวน แต่เป็นไข่มุกสยบวิญญาณ!
เย่หยวนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งว่า อีกาตัวนั้นถูกกลืนกินลงไปแล้วโดยไข่มุกสยบวิญญาณ
“แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!”
เย่หยวนอ้าปากกว้างหอบถี่อย่างหนักหน่วง ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากขุมนรกอันน่าสยดสยองนี้จนได้
ขณะเดียวกัน สิ่งแรกที่เขาจำต้องทำโดยไวคือ การไปช่วยอิ้งหมัวหู่กับลู่เอ๋อ!
แต่ก่อนหน้าที่เย่หยวนจะลงมือ เขาพลันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณบางอย่างที่ผันผวนยิ่งกลางทะเลแห่งจิตใจของตน
เมื่อเขาหลบตาดึงจิตเข้าไปตรวจสอบก็พบเป็นพายุวิญญาณขนาดมหึมาที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่โดยมีตัวเขายืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง
พายุวิญญาณนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป กระทั้งเย่หยวนเองยังต้องหรี่ตาแคบมิอาจจับจ้องได้นานนัก
ลูกประคำสีดำค่อยๆลอยขึ้นเหนือน่านน้ำในทะเลแห่งจิตใจ และทะยานขึ้นสูงสู่กลางเวหา
ทันใดนั้น มันเริ่มหมุนควงเร็วจี๋จนดูดกระแสน้ำเบื้องล่างขึ้นมา และก่อร่างสร้างตัวขึ้นกลายเป็นพายุวารีวิญญาณ
พายุวารีวิญญาณนี้ค่อยๆขยับขยายตัวออกกว้างและเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
“อ๊ากก! อ๊ากกก! อ๊ากกก! หลังจากที่ตาเฒ่านั้นล่วงลับไปแล้ว ไข่มุกสยบวิญญาณก็หายสาบสูญไป ไฉนมันถึงปรากฏขึ้นในตัวไอ้เด็กเหลือขอนี่?!”
พฤกษาวิญญาณมรณะกรีดร้องระงมพร้อมความหวาดกลัวสุดขีด
เว้นเสียว่า พายุวารีวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณยังขยาดขยายตัวขึ้นไม่หยุดหลุดออกจากทะเลแห่งจิตใจโดยตรง ยามนี้ทั่วทุกหนแห่งถูกพายุวารีวิญญาณนี้กวาดล้างชำระซัดไม่เหลือ
แม้แต่ตัวต้นพฤกษาวิญญาณมรณะเองก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน!
รัศมีพายุแผดกว้างไพศาลจนกระจายไปทั่วลุ่มแม่น้ำมรณะในพริบตา
เหล่าสิ่งมีชีวิตอันลึกลับภายในเขตพระเจ้าต้องห้ามต่างอพยพหนีทันทีด้วยความแตกตื่นหวาดกลัว
ความผันผวนระดับนี้ทำให้ภายในใจของพวกมันสั่นระรัวสุดขีด!
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเขตพระเจ้าต้องห้ามล้วนทรงพลังไร้เทียมทาน กระทั้งเซียนอาณาจักรพระเจ้ายังมิใช่คู่มือ ทว่ายามนี้กลับหนีเตลิดไม่เป็นท่า
……………………….
ณ หุบเขาแห่งนี้ ภายในถ้ำลึก ปรากฏสองคู่ดวงเนตรพลันเปิดขึ้นอย่างแช่มช้า
หนึ่งในสายตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความกลัว
“แรงกดดันชนิดใดกัน? ไฉนถึงทรงพลังเพียงนี้! ดูเหมือนจะมาจากทางลุ่มแม่น้ำมรณะ!”
“นั้นคือไข่มุกสยบวิญญาณ! หนึ่งในสามสมบัติเวทย์สวรรค์! สุดยอดเครื่องรางแห่งจิตวิญญาณบนผืนพิภพของดินแดนพฤกษานิรันดร์! ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ห้าล้านปีต่อมา,หลังจากที่จอมเทพนิรันดร์ล่วงลับไป ไข่มุกสยบวิญญาณจะปรากฏขึ้นให้เห็นอีกครั้งในท้ายที่สุด!”
“จอมเทพนิรันดร์? นั้นใครกัน?”
“เขาคือราชันย์แห่งราชันย์ของดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้! แล้วเจ้าลองคิดสิว่า เขาผู้นั้นจะไร้เทียมทานเพียงใด!”
“นั้นเป็นบุคคลที่แม้แต่ท่านพ่อยังเอ่ยปากชื่นชม? ช่างแข็งแกร่งนัก!”
“แข็งแกร่ง? หุหุ,แม้แต่คำว่า แข็งแกร่ง ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้กับเขา!”
“แล้วพฤกษาวิญญาณมรณะล่ะ?”
“หุหุ เจ้าพวกนั้นหาญกล้าท้าทายเจ้านายใหม่ของไข่มุกสยบวิญญาณ แล้วเจ้าคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร! พวกมันรนหาที่ตายเอง ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้ มีจิตวิญญาณของพฤกษามรณะช่วยหล่อเลี้ยงเช่นนี้ จิตวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณก็ควรตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกัน!”
………………………..
ไม่ทราบเลยว่า วันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดพายุวารีวิญญาณนี้ก็สงบลง
เย่หยวนฟื้นสติตื่นขึ้นด้วยความงุนงงพร้อมความปวดร้าวที่โฉบแล่นขึ้นหัวราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ
เสี้ยวอึดใจต่อมา เขาพลันนึงถึงอิ้งหมัวหู่กับลู่เอ๋อเป็นอย่างแรกในทันใด
“อิ้งหมัวหู่! ลู่เอ๋อ!”
เย่หยวนตะโกนเรียกกับใจที่เคว้งคว้าง
“พี่ใหญ่/นายน้อย ข้าอยู่นี่!”
“พี่ใหญ่หยวน ในที่สุดท่านก็ได้สติ!”
สุ้มเสียงที่แสนคุ้นเคยทั้งสามดังขึ้นทำเอาเย่หยวนคลายใจโล่งอย่างยิ่ง
เขาหันมองไปหาอิ้งหมัวหู่กับลู่เอ๋อพลางกล่าวถามด้วยความประหลาดใจว่า
“พวกเจ้า…ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อิ้งหมัวหู่กล่าวตอบทันควัน
“พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้สึกตัวอีกทีก็นอนหมดสติเหมือนท่าน! ข้าได้สติก่อนไม่นานเท่าไหร่นัก”
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งอิ้งหมัวหู่และลู่เอ๋อต่างปลอดภัยดี ยามนี้ก้อนหินขนาดมหึมาที่ทับอยู่กลางอกเย่หยวนพลันอันตรธานหายสิ้น
เมื่อนึกถึงภาพฉากที่อิ้งหมัวหู่และลู่เอ๋อถูกกระชากจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างไป นั้นคล้ายมีดคมบาดลึกเข้าขั้วหัวใจเย่หยวนโดยตรง
แม้ตอนนี้ความหวาดกลัวยังคงตราตรึงไม่สิ้นกลิ่นดี
เย่หยวนเหลียวมองไปยังลี่เอ๋อก่อนกล่าวขึ้นว่า
“ลี่เอ๋อ เจ้ามิได้ถูกกลืนกินวิญญาณเข้าไป ระหว่างนี้ที่อยู่ในเจดีย์เลื่องสวรรค์เจ้าเห็นสิ่งใดบ้าง?”
ลี่เอ๋อส่ายหัวพลางกล่าวตอบ
“แม้ข้าจะไม่ถูกกลืนกินวิญญาณ แต่ต่อมาทันทีที่เกิดพายุนั้น ข้าเองก็หมดสติไปเช่นกัน”
ทั้งสี่สบตากันไปมา แต่ละคนเผยสีหน้าฉงนงุนงงไม่ต่าง
กระทั้งซือโปเทียนยังยืนหน้ามึนอยู่เคียงข้างไม่ห่างกายเช่นกัน
เย่หยวนขมวดคิ้วเข้มพร้อมเพ็งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนลงในไข่มุกสยบวิญญาณ เขาพบว่าไข่มุกสยบวิญญาณยังคงลอยเวค้งอยู่ในทะเลแห่งจิตใจดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ไข่มุกสยบวิญญาณนี่คืออะไรกันแน่? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่างน่าประหลาดเกินไป!”
เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไร้ประโยชน์
จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของทั้งอิ้งหมัวหู่และลู่เอ๋อควรจะถูกกลืนกินโดยสิ้นและตายลงไปนานแล้ว
แต่ใครจะไปคิดว่า ไม่เพียงทั้งคู่จะรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ แต่ยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ
นอกเหนือจากความปีติยินดี สิ่งนี้กลับชวนให้เย่หยวนรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่
ไข่มุกสยบวิญญาณนี้ไม่สามารถหยั่งรู้ได้โดยแท้ นี่ทำให้เขารู้สึกโง่งมไปโดยสมบูรณ์
พฤกษาวิญญาณมรณะเป็นยิ่งกว่าตำนาน มันทรงพลังเสียยิ่งกว่าเซียนอาณาจักรพระเจ้า!
แต่ไข่มุกสยบวิญญาณกลับสามารถบดขยี้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้จนไม่เหลือแม้แต่ผุยผง!
“หื้ม?”
เย่หยวนตกใจเล็กน้อย
“จะว่าไป…พวกเราออกจากลุ่มแม่น้ำมรณะได้แล้ว? เช่นนั้น…พฤกษาวิญญาณมรณะล่ะ?”
ทั้งสี่เผยสีหน้าสุดว่างเปล่าออกมาโดยไม่สมัครใจ อย่าว่าแต่พฤกษาวิญญาณมรณะ กระทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากับพวกเขาเองยังไม่ทราบ
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เอาล่ะ อย่ากังวลไปเลย! ในเมื่อพ้นมือมันมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว ยามนี้ไปเสาะหาพฤกษาคุนหวูกันดีกว่า!”
….
……
ในเวลาเดียวกัน ภายในไข่มุกสยบวิญญาณกลับมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
สายตาของมันทอดยาวออกไปเบื้องหน้า พร้อมมองภาพฉากที่ภายในปรากฏเป็นเย่หยวนและเหล่าพวกพ้องที่กำลังเร่งรุดเดินทางต่อ
“หุหุ… เป็นเวลากว่าห้าล้านปีแล้ว ในที่สุดไข่มุกสยบวิญญาณก็เจอผู้สืบทอด!”