Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1263
ตอนที่1263 อาณาจักรกึ่งพระเจ้า!
สำหรับคนอื่นๆแล้ว พลังระดับเก้าขั้นสมบูรณ์กับอาณาจักรกึ่งพระเจ้าจะต้องแยกกัน ระหว่างสองระดับชั้นนี้ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่
เพราะแม้ว่าพลังปราณและร่างกายจะสำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์ได้ แต่นั้นยังไม่ใช่อาณาจักรกึ่งพระเจ้า
ขอบเขตจิตใจนับเป็นปราการด่านสำคัญที่ดับอนาคตอันสดใสของเหล่าอัจฉริยะมาแล้วนับไม่ถ้วน
ทว่าในกรณีของเย่หยวนกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง เขาสำเร็จขอบเขตจิตใจได้ก่อนเป็นอันดับแรก และตอนนี้เหลือเพียงพลังปราณเท่านั้นที่ยังไม่สมบูรณ์
แน่นอน เรื่องอาณาจักรพลังเองก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะทะลวงฝ่า จากอาณาจักรราชันย์เทวะขั้นสุดสู่พลังขั้นสมบูรณ์กลับเป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาในอึดใจ
แต่เย่หยวนสามารถทำได้
การปะทะก่อนหน้า เย่หยวนยังเป็นแค่เซียนอาณาจักรราชันย์เทวะขั้นสุด
พวกเขาทั้งสองฝ่ายเพิ่งแยกจากกันได้ไม่นาน ทว่าเย่หยวนกลับสามารถพัฒนาขึ้นอีกระดับได้แล้ว
ในส่วนนี้หลีกุยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากจริงๆ
แม้ในยุคที่มันถือกำเนิดมา การจะเฟ้นหายอดอัจฉริยะระดับชั้นนี้เกรงว่า ยากยิ่งกว่าพลิกภูเขา ซึ่งตัวมันเองก็ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเช่นกัน
“เจ้ายังรออันใดอีก? รีบใช้โอกาสที่มันกำลังก้าวข้ามขีดกำจัดนี้ฆ่ามันซะ!”
น้ำเสียงของจู่เก๋อฉิงซวนแผดดังสนั่นด้วยความร้อนใจเจือกังวลสุดขีด
“เจ้านี่มันรู้เรื่องรู้ราวอันใดบ้าง? คิดว่า อาณาจักรกึ่งพระเจ้าเป็นเรื่องตลกกระมัง? ยามที่ปัจจัยหลักทั้งสามอย่างพลังปราณ,ร่างกายและจิตวิญญาณบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์ ผู้นั้นจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรกึ่งพระเจ้าได้! หากฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารมัน นั้นเท่ากับว่าเราต่อต้านสรวงสวรรค์! ศาสตร์ในกายาและดวงจิตของเราจจะดับสลายในบัดดล! ไม่สิ…เจ้าจะตายทันที ส่วนพระเจ้าผู้นี้คงต้องเสียเวลาหากายเนื้อใหม่สิงสู่!”
หลีกุยกล่าวเสียงเย็น
“หึ! ปรากฏว่าเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดมีดีแค่นี้? กระทั้งเด็กน้อยอาณาจักรกึ่งพระเจ้ายังไม่กล้าเผชิญหน้า!”
จู่เก๋อฉิงซวนกล่าวเย้ยเยาะ
“หากต้องการยั่วโทสะข้า นั้นกลับไร้ประโยชน์! หากเป็นเมื่อล้านปีก่อน มีหรือพระเจ้าผู้นี้จะเกรงกลัวเด็กน้อยระดับชั้นนี้? ทว่าปัจจุบัน… เหอะ เหอะ”
ความหมายในคำกล่าวของมันเห็นได้ชัดว่า ยามนี้ยังมิใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการสัประยุทธ์
แม้จู่เก๋อฉิงซวนจะเป็นพวกขี้กังวล แต่มันเองก็ทราบ ความเกลียดชังของหลีกุยที่มีต่อเย่หยวนมันมหาศาลเดือดดาลยิ่งกว่าตัวมันเองเสียอีก หาก ณ ขณะนี้หลีกุยสามารถเคลื่อนไหวได้จริง ป่านนี้คงปราดหน้าเข้าทะลวงอกเย่หยวนนานแล้ว
“เช่นนั้นพวกเราคงต้องรอจนกว่ามันจะก้าวข้ามขีดจำกัดเสร็จ?”
จู่เก๋อฉิงซวนกล่าวพร้อมสีหน้าสุดเคร่งขรึม
“แม้ว่าเจ้าเด็กนั้นจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรกึ่งพระเจ้าได้ แต่ศาสตร์แห่งสวรรค์ของมันยังเป็นแค่ขั้นที่สอง ถึงกายเนื้อของเจ้าจะอ่อนปวกเปียกไปเล็กน้อย แต่พระเจ้าผู้นี้ยังคงมั่นใจว่าสามารถจัดการได้แน่นอน!”
หลีกุยกล่าวประเมินสถานการณ์
ต่อหน้าวาจาคำกล่าวของหลีกุย จู่เก๋ฮฉิงซวนมิอาจปฏิเสธใดๆได้เลย หากเย่หยวนสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรกึ่งพระเจ้าได้ นั้นจะเท่ากับอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่าตนทุกด้านแล้ว
แท้ที่จริง สามปัจจัยหลักอย่างพลังปราณ,ร่างกายและจิตวิญญาณของจู่เก๋อฉิงซวนเองก็ได้รับการฝึกฝนบ่มเพาะมาเป็นเวล้าเนินนาน เว้นเสียว่า ขอบเขตจิตใจของมันยังคงประสบความล้มเหลวในท้ายที่สุด และมิอาจบรรลุ‘อาณาจักรคนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง’ได้เสียที
ความแตกต่างนี้มิใช่น้อยๆหากเทียบกับเย่หยวน
หลีกุยมิได้จงใจกล่าวเพื่อตบหน้าจู่เก๋อฉิงซวน เพียงกล่าวประเมินออกไปตามความจริงเท่านั้น
………………..
ในขณะนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็ได้สัมผัสกับคำว่า‘คนฟ้ารวมเป็นหนึ่งที่แท้จริง’!
ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้ ราวกับเย่หยวนสามารถสื่อจิตถึงสรวงสวรรค์ได้ก็มิปาน
พลังปราณ,ร่างกายและจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์สอดผสานรวมกันเป็นเนื้อเดียว ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่เคยสำผัสมาก่อนเลย
“มนุษย์ถือกำเนิดจากผืนดิน ผืนดินถือกำเนิดจากสวรรค์ สวรรค์ถือกำเนิดจากเต๋า และเต๋าคือสรรพสิ่ง! อาณาจักรกึ่งพระเจ้า!”
เย่หยวนรู้สึกทรงพลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในชีวิตก่อนหน้า เย่หยวนได้สำเร็จถึงอาณาจักรราชันย์เทวะขั้นสุดมาก่อนเช่นกัน ทว่ายามนี้กลับแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
พลังปราณอันสมบูรณ์โคจรทั่วกายาไร้ทัดเทียม พร้อมขอบเขตจิตใจแห่งคนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง ทั้งสามปัจจัยคล้ายทำนองสอดผสานกลายเป็นจังหวะที่สมบูรณ์แบบ
มิใช่ทางใดทางหนึ่ง แต่ทุกอย่างล้วนไร้ที่ติ!
ทันทีที่สำเร็จถึงระดับชั้นนี้ เย่หยวนก็ได้ค้นพบโลกอีกใบที่แตกต่าง!
ไม่แปลกใจเลยว่าไฉนฟางเทียนถึงสามารถเข้าสัประยุทธ์กับข่านนั่วได้อย่างสูสี
ความแข็งแกร่งนี้อยู่ภายใต้ขอบเขตอาณาจักรพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อย
กระนั้นเอง เย่หยวนยังคงรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ
อาณาจักรพระเจ้าที่เย่หยวนบรรลุดกลับมิใช่อาณาจักรพระเจ้าที่สมบูรณ์!
ในยุคสมัยแรกๆ ยังไม่มีคำว่า อาณาจักรกึ่งพระเจ้าด้วยซ้ำ
ยามใดที่ขอบเขตแห่งจิตใจสามารถบรรลุสู่อาณาจักรคนฟ้ารวมเป็นหนึ่งได้ ผู้นั้นจะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้โดยตรง!
เพราะนี่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการก้าวขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า!
ขอเพียงขอบเขตแห่งจิตใจบรรลุถึงคนฟ้ารวมเป็นหนึ่ง เรื่องพลังปราณและร่างกายย่อมมองข้ามผ่านไปได้ เพราะในระหว่างการก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ระดับชั้นนี้ ศาสตร์แห่งสวรรค์จะหลั่งไหลเข้าสู่กายาจนสามารถทำให้พลังปราณและร่างกายเพิ่มระดับได้เองโดยตรง
แต่เมื่อเย่หยวนมาถึงขั้นตอนนี้กลับต้องพบว่า เขาไม่สามารถสัมผัสถึงอะไรได้เลย!
มิใช่สูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง แต่เมื่อเอื้อมไปแล้วกลับไม่มีอะไรเลย!
ความรู้สึกแย่ชนิดนี้คล้ายคนที่พยายามอย่างหนักแต่กลับมิได้อะไรตอบแทนเลย
ศาสตร์แห่งสวรรค์ได้สูญสิ้นไปแล้วจริงๆ!
ไม่เหลืออยู่เลย!
ในที่สุดเย่หยวนก็เข้าใจความรู้สึกของฟางเทียนแล้ว
ความรู้สึกดั่งว่า ความสำเร็จอยู่เพียงเอื้อมมือแท้ๆ แต่ความเป็นจริงกลับไม่มีอะไรอยู่เลย
สิ่งนี้แทบทำให้ผู้คนเป็นบ้า!
“ฮิฮิ ความรู้สึกที่ว่าอยากจะก้าวข้ามเพียงใด แต่กลับไม่สามารถทำได้ คงทรมานใจแย่?”
หลีกุยที่เฝ้ามองอยู่ไม่ใกล้ไกลเอ่ยปากกล่าถากถาง
เย่หยวนสาดสายตาใส่อีกฝ่ายอย่างไม่แยแสและกล่าวว่า
“มิใช่ว่าเจ้ารู้สึกแย่กว่าข้า? เคยเป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดแท้ๆ แต่กลับต้องมาตายโดยเด็กน้อยอาณาจักรกึ่งพระเจ้า?”
สีหน้าการแสดงออกของหลีกุยเปลี่ยนไปทันที มันเค้นเสียงเย็นกล่าวว่า
“ฝีปากเฉียบคมดี! เจ้าทำลายความพยายามของข้านับล้านปีเต็ม หนี้เลือดคราวนี้จำต้องล้างด้วยเลือดเจ้า!”
หลีกุยทรงพลังไร้เทียมทานยิ่งในกลาอดีต แต่ยามนี้กลับถูกเด็กน้อยอาณาจักรกึ่งพระเจ้ากล่าวดเยาะเย้ยดูถูกเล่น แล้วมันจะไม่พิโรธเดือดดาลได้อย่างไร?
ความรู้สึกหดหู่ใจชนิดนี้ นับว่าเป็นความอัปยศยิ่งสำหรับตัวมันแล้ว
นี่ยังไม่รวมถึงความพยายามนับล้านปีเต็มของมันที่ถูกทำลายลงอย่างไม่เป็นท่า
“เข้ามา ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่า เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดจะมีดีสักกี่น้ำ!”
เย่หยวนกล่าวเย้ยพร้อมสีหน้าสุดหยามเหยียด
ในที่สุด เพลิงพิโรธของหลีกุยพลันโหมปะทุคลั่งถึงขีดสุด!
สีหน้าของมันเย็นสะท้านจับใจในบัดดล บริเวณโดยรอบปรากฏเสียงกรีดร้องครวญครวงระงมลั่น คล้ายเสียงภูตผีวิญญาณหอนสุดน่าสยดสยอง
ทันทีทันใด ผีร้ายจจำนวนนับไม่ถ้วนนับเผยกายขึ้นทั่วแผ่นฟ้า และปราดพุ่งโจมตีเย่หยวนในทันใด
“ร้อยวิญญาณตรึงจิต!”
กระบวนโจมตีนี้กอปรไปด้วยพลังปราณและศาสตร์แห่งผีสุดน่าสะพรึง มิใช่เพียงเข้าโจมตีทางกายภาพเท่านั้น กระทั้งทางด้านจิตวิญญาณเองยังส่งผลถึงขั้นสาหัส!
ด้วยขอบเขตความเข้าใจของหลีกุย อนุภาพของกระบวนโจมตีนี้จึงมิอาจประเมินได้
อย่างไรก็แล้วแต่ สีหน้าของเย่หยวนกลับนิ่งสงบหาได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย มือหนึ่งตวัดเรียกดาบพิชิตมารฟ้าออกมา พร้อมปลดปล่อยจิตสังหารแห่งดาบบริสุทธิ์พุ่งปราดสารทิศออกไป เพื่อกำจัดผีร้ายทั้งมวล
“วิถีดาบสารทิศ!”
ลำแสงเพลงดาบจรัสเฉิดฉายเหนือฟ้าน่านนภาไพศาล!
กระบวนเพลงดาบนี้ของเย่หยวนผสานรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน มันเข้าปราบปราดเหล่าผีร้ายในทันที!
เย่หยวนที่สำแดงใช้วิถีดาบสารทิศด้วยขุมพลังแห่งอาณาจักรกึ่งพระเจ้า พลานุภาพการทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมา มิอาจทราบได้เลยนว่าทรงพลังกว่าก่อนหน้าไม่รู้กี่ขุม!
อย่างน้อยที่สุดนี้ เพียงสิบอึดใจเหล่าผีร้ายทั้งหมดก็ถูกกำจัดไปโดยสิ้นซาก
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ สีหน้าการแสดงออกของหลีกุยเปลี่ยนไปอย่างอดมิได้
เขาทราบดีถึงเพลงดาบของเย่หยวน และเป้าหมายของเขาที่ปลดปล่อยกระบวนโจมตีนี้ไปคือจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หาใช่สร้างความเสียตายทางกายภาพ
แต่…ดูเหมือนว่าเย่หยวนยังคงสมบูรณ์แข็งแรงดี ราวกับเขามีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีทางจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แกร่งกล้ายยิ่ง!
“นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้น หากยังมีอะไรดีก็จงแสดงออกมา!”
เย่หยวนกู่คำรามเสียงเย็นสะท้าน
หาใช่ว่าเขาไม่รู้ หลีกุยจงใจเบี่ยงความสนใจไปยังผีร้ายเหล่านั้น และลอบจู่โจมด้วยการโจมตีทางจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับการโจมตีประเภทนี้ มันไม่มีผลอันใดต่อเย่หยวนอยู่แล้ว
ทั้งการป้องกันสัมบูรณ์ ทั้งไข่มุกสยบวิญญาณ ไม่ว่าการโจมตีทางจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะแกร่งกล้าทรงพลังเพียงใด แต่มันกลับเป็นเพียงเสือกระดาษเท่านั้น
“หึ! ไอ้เซียนเต๋าสวรรค์บัดซบนั้น เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอดูหน่อยเสีย ผู้สืบทอดของมันจะต่อกระบวนมารล่าสังหารของข้าได้หรือไม่!”
หลีกุยคลี่ยิ้มบาง คลื่นพลังจิตวิญญาณโหบยักษ์โหมกระหน่ำถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน กระทั้งฟ้าดินยังเปลี่ยนสีสุดวิปลาสเพราะสิ่งนี้เพียงสิ่งเดียว!