Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1293
สายสัมพันธ์พี่น้อง
“ข้า…ข้าจะฆ่าแกไอ้พิการ!”
ภายใต้ความอับอายแสนอัปยศเจือแววอาฆาตสุดขั้วหัวใจ เหลียงหวางหรงควักมีดสั้นเล่มเดิมออกมาพร้อมปราดพุ่งเข้าใส่เย่หยวนโดยมิลังเล
แต่ระหว่างลุไปได้ครึ่งทาง นางพึงสังเกตเห็นว่า เย่หยวนกำลังมองนางประดับรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มอยู่ทั่วใบหน้า
เหลียงหวางหรงนึกตกใจขึ้นกะทันหัน ร่างบางของนางพลันหยุดชะงักทันที สายตาของนางที่ช้อนจับจ้องเย่หยวน ยามนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวไร้สาเหตุ
เหลียงหวางหรงพลันรู้สึกเย็บวาบทั่วแผ่นหลัง สัญชาติญาณแอบบอกนางว่า อย่าเข้าใกล้ชายหนุ่มคนนี้เด็ดขาด
ในระหว่างที่นางโดนวิชาลวงตาไป นางไม่สามารถควบคุมและเข้าใจอะไรได้เลยสักนิด
ณ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดสำหรับนาง
และนางก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า เรื่องทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับเย่หยวนแน่นอน!
“จางชุน…”
ขณะที่เหลียงหวางหรงกำลังเอ่ยปากสั่งการจางชุนด้วยความเคยชิน ทว่านางกลับนึกถึงภาพฉากอันน่าอับอายก่อนหน้าขึ้นเสียก่อน ยามนี้ใบหน้าของนางค่อยๆเห่อแดงขึ้นอีกครั้ง
ถึงเหลียงหวางหรงจะทราบดี ที่นางแสดงอากัปกิริยาแบบนั้นออกไปล้วนเกิดจากเย่หยวน แต่นางก็ไม่มีหน้าไปสู้จางชุนอยู่ดี
สุดท้ายนี้ไม่มีใครรู้จักตัวตนของเย่หยวนมาก่อน การจะลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้ากลับมิใช่ความคิดที่ฉลาดนัก ในขณะที่จางชุนเองก็เป็นผู้ใต้บัญชาของนาง หากพลั่งลงมือไป อาจสูญเสียขุมกำลังหลักไป
ด้วยเหตุนี้ นางจึงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยสมบูรณ์
ซึ่งมิใช่นางเพียงคนเดียวที่เป็นแบบนี้ ทั้งชางจุนและทหารยามคนอื่นๆเองต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
สุดท้ายนี้ก็เป็นชางจุนผู้เจนจัดมากประสบการณ์ เขาเอ่ยปากกล่าวขึ้นเพื่อทำลายความอึดอัดนี้ลง
“คุณหนูรอง หนทางเบื้องหน้าคือป่าอสูรลึกลับแล้ว! ในเวลานี้พวกเราขอให้ท่านและคุณหนูใหญ่ร่วมมือสามัคคี เพื่อฝ่าฟันไปถึงจุดหมาย!”
เหลียงหวางหรงมิได้สมองขี้เลื่อยจนเกินเยียวยา เมื่อเห็นทางออก นางจึงรีบกล่าวเสริมขึ้นว่า
“อืม เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว!”
……………..
หลังจากลงหลักพักผ่อนเสียเล็กน้อย กองคาราวาน็เดินหน้าเข้าสู่ป่าอสูรลึกลับทันที
ป่าอสูรลึกลับแห่งนี้หาใช่สถานที่ปลอดภัยไม่ ภายในนั้นมีอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายซ่อนแฝงดำรงอยู่!
ซึ่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนสูญพันธุ์ไปหมดแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้กลับพบเห็นพวกมันทุกหนทุกแห่ง!
หลังจากเดินทางเข้าสู่ป่าอสูรลึกลับ เย่หยวนสัมผัสได้ว่าจางชุนตื่นตัวขึ้นผิดหูผิดตา
ความอึดอัดเก้อเขินก่อนหน้าอันตรธานหายสิ้น ก่อนถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียดระแวงระวังภัยรอบด้าน
โอสถปราณลึกล้ำที่เย่หยวนกลืนลงไปเป็นถึง โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นสูง ประสิทธิภาพค่อนข้างได้ผลดีมากต่อร่างกายเย่หยวน หลายวันผ่านไป ในที่สุดเย่หยวนก็สามารถลงมาเดินเล่นได้แล้ว
แม้เขาจะดูไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปเลย แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้แล้ว
“แม่นางหวางหรู รบกวนให้เย่คนนี้จับชีพจรสักครั้งได้หรือไม่? เย่คนนี้เป็นนักหลอมโอสถ บางทีอาจเสาะหาหนทางช่วยท่านได้!”
บนเกี้ยวรถม้า เย่หยวนเอ่ยปากกล่าวขึ้นกับนาง
หลายวันที่ได้สนทนากันทำให้นางรู้ว่า เย่หยวนมิใช่คนไม่ดีหรือมีเจตนาแอบแฝงแต่อย่างใด เหลียงหวางหรูเองก็หาได้รังเกียจพร้อมพยักหน้าเชิงว่าอนุญาต
หลังจากอ่านชีพจรไปสักครู่ใหญ่ คู่คิ้วเข้มของเย่หยวนก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
ดูท่าเรื่องนี้กลับมิง่ายอย่างที่คิด เย่หยวนรู้จักแค่เพียงโอสถชั้นสามัญทั่วไประดับหนึ่งถึงเก้า และไม่มีโอสถตัวใดที่เขารู้จักสามารถรักษาอาการของเหลียงหวางหรูได้เลย
หากกล่าวตามหลักเหตุและผล สำหรับคนที่หูหนวกหรือพิการตั้งแต่กำเนิด การจะใช้โอสถเพื่อรักษาให้กลับเป็นคนปกตินั้นมิใช่เรื่องใหญ่เลยในดินแดนพฤกษานิรันดร์
อย่างไรก็แล้วแต่ โครงสร้างทางร่างกายของเหลียงหวางหรูกลับแตกต่างไปจากผู้คนในดินแดนพฤกษานิรันดร์โดยสิ้นเชิง!
โครงสร้างและระบบการทำงานภายในร่างกายแบบนี้ จำต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เข้ารักษาเท่านั้น!
แต่เย่หยวนกลับไม่มีความรู้เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์เลย!
ดูเหมือนคราวนี้ เย่หยวนจะกล่าวโอ้อวดเกินไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้ เย่หยวนคิดเพียงว่า ตนเคยรักษาคนใบ้จนหายเป็นปกตินัดต่อนัดแล้วในดินแดนพฤกษานิรันดร์ กับแค่เหลียงหวางหรูคนเดียวเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ทว่ายามนี้ เย่หยวนกระจ่างชัดแจ้ง นี่กลับมิใช่เรื่องง่ายแล้ว
“ท่านอาวุโส ตามอาการของแม่นางหวางหรู โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งสามารถรักษาได้หรือไม่?”
ตอนนี้เย่หยวนรู้แล้วว่า จอมเทพนิรันดร์เองก็เป็นอีกหนึ่งที่มีความสามารถในศาสตร์แห่งโอสถที่แกร่งกล้ายิ่ง
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามแห่งสมบัติเวทย์สวรรค์ประจำกายจอมเทพนิรันดร์ จิตวิญญาณของไข่มุกสยบวิญญาณอย่างหวูเฉินย่อมมีวิชาความรู้ติดตัวมาเช่นกัน
เฉพาะจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าสุดขีดของหวูเฉินเท่านั้น ที่สามารถบรรลุยอดเต๋าแห่งโอสถได้!
หวูเฉินกล่าวว่า
“แน่นอนว่ามี! ในความเห็นของข้า เหลียงหวางหรูนางนี้มิได้เป็นใบ้แต่กำเนิด นางน่าจะประสบภัยบางอย่าง จึงส่งผลให้เป็นใบ้พูดไม่ได้อย่างในปัจจุบัน! เป็นถึงลูกหลานของเซียนอาณาจักรพระเจ้า ต่อให้จะเป็นเพียงมนุษย์ทั่วไปที่ไร้พรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีทางพิการแต่กำเนิด! ระบบทางร่างกายของนางน่าจะทำงานผิดปกติเท่านั้น แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นต่ำ โอสถส่องปัญญา ก็น่าจะสามารถรักษาได้แล้ว”
เย่หยวนกล่าวเสียงเบาด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย
“โอสถส่องปัญญา? เอ่อ…ท่านอาวุโสหวูเฉิน ท่านพอจะทราบวิธีหลอมกลั่นมันหรือไม่?”
โอสถศักดิ์สิทธิ์เพียงชนิดเดียวที่เย่หยวนสามารถหลอมกลั่นได้ในขณะนี้คือ โอสถท้าทายสวรรค์
โอสถส่องปัญญาอะไรนั้น เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยธรรมชาติแล้วมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะหลอมกลั่น
กลัดกุมศาสตร์แห่งโอสถไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือย่อมต้องเป็นความเข้าใจต่อโอสถชนิดนั้นๆ
นี่คือสองปัจจัยหลักที่มิอาจเว้นขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้!
ความเข้าใจในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนแทบหาผู้ใดทัดเทียมได้ก็จริง แต่ความรู้เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ชนิดต่างๆกลับเท่ากับศูนย์
ก่อนหน้านั้นเอง หวูเฉินก็เอ่ยถึงสมุนไพรวิญญาณอีกหลากหลายชนิด ซึ่งชื่อเหล่านั้นกลับไม่คุ้นหูเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย!
เย่หยวนกล่าวกับเหลียงหวางหรูขึ้นว่า
“แม่นางหวางหรู ข้ามีข้อสงสัยว่า ท่านพอจะเคยได้ยินชื่อสมุนไพรวิญญาณสามชนิดนี้บ้างหรือไม่ หญ้าเชื่อมผสานใจ, กิ่งไม้เทียนหวัง และบุปผาสามแฉกม่วง?”
เหลียงหวางหรูค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่หลังจากครุ่นพินิจตามอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดินลงจากเกี้ยวรถม้าพร้อมยกนิ้วชี้ไปยังกล่องไม้กล่องหนึ่ง
“นี่คือ…หญ้าเชื่อมผสานใจ?”
ภายใต้คำชี้แนะของหวูเฉิน เย่หยวนจึงทราบถึงความเป็นมาของสมุนไพรวิญญาณภายในกล่องไม้นี้
สมุนไพรวิญญาณชั้นศักดิ์สิทธิ์ หญ้าเชื่อมผสานใจ!
ในขณะที่เย่หยวนกำลังยื่นมือออกไปเพื่อหยิบจับหล่องไม้ แต่จู่ๆก็ถูกจางชุนหยุดไว้ระหว่างทาง
“เจ้าหนู! เห็นแก่หน้าคุณหนูใหญ่ ข้าจึงไม่ถือสา! แต่สมุนไพรวิญญาณทุกชนิดภายในนี้ล้วนเป็นของที่ท่านประมุขตระกูลสั่งซื้อมา พวกมันมีค่าหาประเมินไม่! หากเจ้ายังคิดสัมผัส ก็อย่าถือโทษว่าจางคนนี้มิสุภาพ!”
น้ำเสียงที่เร้นแฝงคำกล่าวของจางชุนช่างเปี่ยมไปด้วยความรังเกียจ!
ชายหนุ่มพิการคนหนึ่งที่ไม่สามารถรวบรวมพลังปราณเทวะได้ กลับปรารถนาต้องการสมุนไพรวิญญาณชั้นศักดิ์สิทธิ์ แล้วนี่ยังเป็นอะไรได้อีก นอกเสียจากคางคกหวังกินเนื้อหงส์?
นอกจากนี้ สมุนไพรวิญญาณชั้นศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ยังเป็นคลังสำรองสินค้าชุดใหม่ของตระกูลเหลียงที่เพิ่งจะนำเข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเขาจะอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามาจับต้องได้อย่างไร
เย่หยวนเพียงร่วนหัวเราะเบาๆว่า
“เช่นนี้นี่เอง! เย่คนนี้เสียมารยาทแล้ว!”
กล่าวจบ เย่หยวนหมุนตัวจจากไปและมิได้เหลียวมองหรือสนใจจสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นอีกต่อไป
จางชุนที่เห็นแบบนั้นก็แปลกใจใช่ย่อย ใครจะไปคิดว่า เย่หยวนจะกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมาจริงๆ
แต่เสี้ยวอึดใจทันว่า สีหน้าของจางชุนพลันผันเปลี่ยนในบัดดล เขาตะโกนลั่นขึ้นว่า
“หยุดขบวน!”
เหลียงหวางหรงกล่าวขึ้นอย่างงุนงง
“จางชุน เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าการแสดงออกของจางชุนหาได้สู้ดีนัก เขากล่าวเสียงเข้มตอบไปว่า
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
“อะไรไม่ถูกต้อง? จะมามีปัญหาอะไรตอนนี้?”
เหลียงหวางหรงกล่าวถามสวนตอบไป
จางชุนในยามนี้สีหน้าถมึงตึงสุดขีด เขาสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่พลางกล่าวว่า
“มีบางอย่างผิดแปลกออกไป! เท่าที่เคยเดินทางผ่านมา โดยปกติภายในป่าอสูรลึกลับจะไม่เงียบสงบขนาดนี้ พวกเราเพิ่มความระวังเป็นสองทวีเท่า! ภายใต้ถิ่นที่อยู่ของเหล่าอสูรพวกนี้ ยิ่งเงียบเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น!”
เหลียงหวางหรงทราบดี จางชุนเดินทางผ่านป่าอสูรลึกลับอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีใครเชี่ยวชำนาญไปกว่าเขาแล้วในพื้นที่บริเวณนี้
ในเมื่อจางชุนเอ่ยปากกล่าวเช่นนั้น แสดงว่ายามนี้เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นจริงๆ
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของจางชุนดี เบื้องลึกในกอหญ้าสูงตลอดเส้นทางปรากฏเป็นเงามืดเหล่าสิบร่างออกมา ดั่งเพิ่มจำนวนเป็นดอกเห็ด อีกชั่วอึดใจหนึ่ง เงาร่างนับไม่ถ้วนเข้าปิดล้อมพวกเย่หยวนดั่งหมอกควันหนา
ในหมู่พวกมันมีบางตัวครอบครองกลิ่นอายสุดลึกล้ำเกินหยั่งถึงได้ ซึ่งพวกมันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย!
สีหน้าการแสดงออกของจางชุนบิดเบี้ยวแสนน่าเกลียด เขากล่าวด้วยท่าทางสุดเคร่งขรึมว่า
“คุณหนูรอง นี่ควรจะเป็น…ชุมนุมอสูร!”
เหลียงหวางหรงถอดสีหน้ายกใหญ่ ถึงไม่นางจะไม่เคยได้ยินเรื่องชุมนุมอสูรมาก่อน แต่นางก็ทราบดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเลวร้ายขนาดไหน
มีอสูรเถื่อนมากมายเข้าปิดล้อมจากทั่วเนินเขา ต่อให้พวกนางติดปีกบินหนีก็ยังเกรงว่าไม่รอด!
เหลียงหวางหรงไม่คิดฝันเลยว่า นางจะต้องพบกับสิ่งเหล่านี้จริงๆ
วูววว! วูววว! วูววว!
เสียงคำรามของเหล่าสรรพสัตว์แผดร้องกู้ก้องสะท้อนทั่วทั้งป่าอสูรลึกลับ
พวกเขาทั้งหมดถูกเหล่าอสูรพวกนี้จับตายเป็นที่เรียบร้อย!
ในเวลานั้นเอง เหลียงหวางหรงปรี่ตรงไปหาเหลียงหวางหรู นางจับมืออีกฝ่ายพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“พี่ใหญ่ แม้พวกเราจะไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็ได้ตายร่วมกัน! ทุกสิ่งที่น้องคนนี้ทำลงไป พี่ใหญ่โปรดยกโทษให้ด้วย!”
เหลียงหวางหรูตัวแข็งทื่อในทันใด ดวงเนตรไสวคู่งามของนางพลันสะท้อนแววอ่อนโยนเอ็นดู
อย่างน้อยที่สุด น้องสาวของนางก็ยังรู้สำนึกถึงจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนตายก็ตาม
นางคาดไม่ถึงจริงๆว่า เหลียงหวางหรงจะมาเห็นแสงสว่างในเวลาเช่นนี้!
รอบดวงตาเห่อร้อนขึ้น เหลียงหวางหรูคลี่ยิ้มทั้งน้ำตาพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย นางต้องการจะสื่อว่า เรื่องราวที่ผ่านมา นางกลับมิได้ถือสาแม้แต่น้อย
เหลียงหวางหรงกุมมือของเหลียงหวางหรูแน่น สีหน้าความรู้สึกผิดเผยให้เห็นอย่างชัดเจน นางกล่าวอย่างสำนึกว่า
“พี่ใหญ่ เรื่องราวทั้งหมดในอดีตล้วนเป็นความผิดของข้า ท่านอย่าเกลียดข้าเลย”
เหลียงหวางหรูพยักหน้าตอบทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
ชวิ้งง…
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงคมมีดพลันถูกชักออกจากฝัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า…. ปฏิกิริยาของอสูรเถื่อนพวกนั้นไวต่อเลือดสดยิ่งกว่าอะไร! พี่สาวผู้ประเสริฐของข้า จงสังเวยชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยน้องคนนี้เสีย! นี่แหละ…ประโยชน์ของสายสัมพันธ์พี่น้อง!”
เหลียงหวานหรงโพล่งกล่าวขึ้นทันทีพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น