Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1295
หวางหรูผู้ใจดี
ทั้งเหลียงหวางหรง จางชุนและทหารยามคนอื่นๆต่างเบิกตาโตแทบทะลักถลนออกมา พวกเขาเร่งขยาดขยายสายตาเข้าจับจ้องสองร่างนั้นบนหลังพญาช้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนต่างฉงนใจยิ่ง สายตาของเขามีปัญหาพร่ามัวจนเห็นผิดไปหรือไม่!
สองคนนั้นที่กำลังขี่หลังพญาช้างมารสวรรค์มิใช่ใครอื่นนอกจากเย่หยวนและเหลียงหวางหรูอย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งทุกคนต่างคิดว่าทั้งคู่ถูกรุมกินโต๊ะไม่เหลือซากไปแล้วกลางวงชุมนุมอสูร
เหลียงหวางหรงปวดประสาทปวดเศียรสุดขีด นางไม่คิดเลยว่า ‘ท่านอาวุโส’ที่ตนเพิ่งใครความเคารพไปกลับเป็นเจ้าสองคนนี้!
แต่นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?
สิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังขี่อยู่เป็นถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งขั้นปลาย!
ไอ้สองเศษสวะไร้ค่า มันสามารถปราบปรามให้อสูรศักดิ์สิทธิ์เชื่องได้จริงๆ?
“นี่…นี่พวกเจ้า เป็น…เป็นไปได้อย่างไร…”
เหลียงหวางหรงรำพึงอื้ออึงภายใต้ลมหายใจอุ่นอย่างแผ่วเบา ความประหลาดใจถูกเขียนอยู่ทั่วทั้งใบหน้า
ไม่เพียงแค่นางคนเดียว จางชุนเองพลันสับสนชั่วขณะ สถานการณ์เช่นนี้ตัวเขากลับไม่เคยพบเจอ พญาช้างมารสวรรค์ทรงพลังน่าเกรงขามยิ่ง กล่าวได้ว่า แค่สาดสายตายิงจิตสังหารเข้าใส่ ผู้คนโดยรอบพลันเสียขวัญไร้เรี่ยวแรงหลบหนี
เย่หยวนยกมือทักทายพวกเขาพร้อมท่าทีแจ่มใส เอ่ยปากกล่าวแสนเริงร่าขึ้นว่า
“โอ้? ดูเหมือนว่าข้าจะดันไปขัดเวลาสนุกของพวกท่าน เย่คนนี้ต้องขออภัยจริงๆ เชิญพวกท่านเล่นกับเหล่าอสูรน้อยให้สมใจอยาก พวกเราเพียงผ่านทางมาจึงแวะทักทาย เช่นนั้นขอตัวลา”
เหลียงหวางหรงตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ฟัง หากเย่หยวนจากไปทั้งแบบนี้ มีหวังพวกนางตายแน่นอน
“ท่านพี่ใหญ่ ข้าเป็นน้องสาวของท่านนะ! หรือเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะทนเห็นน้องสาวแท้ๆถูกอสูรเถื่อนพวกนี้รุมฆ่า? ท่านไม่คิดจะทำอะไรหน่อยรึ?”
เหลียงหวางหรงกู่ร้องตะโกนลั่น
เหลียงหวางหรงนางนี้ฉลาดเอาตัวรอดเป็นที่สุด นางทราบดีว่าเย่หยวนไม่มีทางช่วยนางแน่นอน แต่เหลียงหวางหรูกกลับมิใช่!
แน่นอน ทันทีที่เหลียงหวางหรูได้ยินแบบนั้น ร่างอรชรสวยของนางพลันสั่นเทาทันทีอย่างใจหายใจคว่ำ นางส้อนสายตาอ้อนวอนเย่หยวน
เพียงเท่านี้ความหมายก็ชัดเจนยิ่งแล้ว
นางต้องการให้เย่หยวนช่วยเหลียงหวางหรง!
เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยอย่างไร้ประโยชน์ นางคนนี้ใจดีเกินไป
ถึงแม้เหลียงหวางหรงจะปฏิบัติกับจนางเช่นนั้น แต่นางก็ยังเลือกที่จะมองข้ามไป
อย่างไรก็ตามแต่…เย่หยวนมิได้ใจดีเช่นนั้น
อสรพิษชั่วช้าอย่างนางคนนี้ ถึงช่วยชีวิตไปไม่เพียงมิได้สำนึกบุญคุณแม้แต่น้อย แต่นางอาจก่อปัญหาให้แก่เขาอีกในอนาคต
“เหอะ ใช้พี่สาวแท้ๆตัวเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ตัวเองหลบหนีออกไปได้ คุณหนูหวางหรง ท่านเป็นน้องสาวที่ประเสริฐแท้!”
เหลียงหวางหรงขบริมฝีปากบางสวยของนางแน่น ธารน้ำตาสายหนาไหลรินอาบชโลมแก้มเหลือล้น ไม่ว่าใครเห็นภาพฉากนี้ต่างต้องรู้สึกใจอ่อนกันถ้วนหน้า
“ท่านพี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว! ข้ารู้ตัวดี ข้ามันชั่วช้า! ณ ขณะนั้นหวางหรงนึกเห็นแก่ตัวชั่วขณะ! จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้ากระทำเรื่องไร้จริยธรรมยิ่งกว่าหมูหมา! ฮึกก..ฮึกก…”
ปล่อยห้วงอารมณ์ไหลตามคำกล่อมจอมปลอมของเหลียงหวางหรง ร่างอรชรบางสวยของเหลียงหวางหรูเริ่มสั่นเทาหนักด้วยความซาบซึ้ง
เหลียงหวางหรูนางนี้มีจิตใจอ่อนโยนและความเมตตาไม่รู้จบ นางเอื่อมเรียวมือสีขาวนวลออกมาและดึงแขนเสื้อเย่หยวนเล็กน้อย คู่ดวงเนตรนั่นยิ่งเปี่ยมล้นคำขอร้องอ้อนวอนมากขึ้น
ทันทีที่เห็นภาพฉากนี้ เหลียงหวางหรงพลันแสยะยิ้มแอบดีใจอย่างลับๆ
ไอ้พี่โง่คนนี้หลอกใช้ง่ายดายจริงๆ!
เพราะความใจอ่อนของอีกฝ่าย จึงทำให้นางได้โอกาส!
เย่หยวนนิ่งสงัดไร้เสียงกล่าวตอบ เหลียงหวางหรูโศกเศร้าระทมใจหนัก นางกระตุกแขนเสื้อเย่หยวนอีกคราก่อนระเบิดน้ำตาออกมาอย่างสุดจะอดกลั้น
เห็นเช่นนั้น เย่หยวนมิอาจทนใจแข็งได้อีกต่อไป ถอนหายใจเสียงยาวแผดดัง เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“เอาล่ะ หวังว่าท่านจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!”
เย่หยวนรู้จักและเข้าใจกมลสันดานของมนุษย์เป็นอย่างดี มิได้เป็นสองรองใคร
คนอย่างเหลียงหวางหรง มันเป็นพวกสองหัวเอาแน่เอานอนไม่ได้
ถึงวันนี้นางจะเอ่ยปากขอบคุณ แต่ภายในใจของนางกลับมิได้รู้สึกขอบคุณแม้สักนิด ตรงกันข้าม กลับยิ่งเพิ่มทวีความแค้นให้แก่นางแทน
“ขอบพระคุณ! ขอบพระคุณอย่างยิ่ง! ข้ารักพี่เขยที่สุดเลย!”
เหลียงหวางหรงเร่งก้มคำนับรัวๆและโพล่งกล่าวเรียกเปลี่ยนสรรพนามเย่หยวนกลายเป็น‘พี่เขย’ในทันที
เย่หยวนได้แต่เย้ยหยันอยู่ภายในใจ เหลียงหวางหรงนางนี้ช่างขี้ประจบเสแสร้ง เป็นหญิงสาวที่หาดีไม่ได้โดยแท้
แถมการแสดงออกนางกลับไม่เนียนตาเงอะงะเสียเหลือเกิน
หากต้องการเสแสร้งให้สมจริงกว่านี้ นางก็ควรปิดบังจิตสังหารที่ส่องสะท้อนออกจากแววตาด้วย นั่นคงจะแนบเนียนกว่ามากจริงหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม เหลียงหวางหรูกลับดูเชื่อสนิทใจ พร้อมโบกมือให้น้องสาวตนเองด้วยความตื่นเต้น
ยามนี้ทั้งสองกำลังค่อมขี่หลังของพญาช้างอยู่ แม้จะเป็นที่ชัดเจนว่าเย่หยวนเป็นคนควบคุม แต่ภาพฉากนี้กลับเหลือเชื่อเกินจะปักใจสนิท
เย่หยวนตะโกนเสียงเย็นสะท้านกึกก้อง
“พวกเจ้าทั้งหมด หลีกทาง!”
ภายใต้คำสั่งของเย่หยวน เหล่าอสูรเถื่อนและอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดโดยรอบต่างเร่งถอยกรูเพื่อเปิดทางให้พวกเหลียงหวางหรงในทันที
ทันทีที่เห็นภาพฉากนี้ ลูกตาของจางชุนพลันแทบถลนออกมา!
ในคราแรกเขายังคิดว่า ที่พวกอสูรย่อมจำนนแต่โดยดีก็เพราะพวกมันกลัวพญาช้างมารสวรรค์ แต่ที่ไหนได้ พวกมันทั้งหมดกลับหวาดกลัวในตัวเย่หยวน!
แต่…แต่เย่หยวนเป็นเพียงชายพิการที่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เสียหายรุนแรง แล้วเขาจะมีทุนรอนอันใดไปขู่ให้อสูรพวกนี้กลัว?
เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน?
และที่สำคัญที่สุดคือ ในบรรดาอสูรทั้งหมด แม้แต่เสือดาวเมฆลมกรดและพญาช้างมารสวรรค์ยังต้องเกรงใจในตัวเขา!
นั้นคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าอสูรลึกลับ!
อย่างไรก็ตามแต่ จางชุนจะไปทราบได้อย่างไรว่า ถึงแม้เย่หยวนในขณะนี้จะอ่อนแอไม่ต่างจากคนธรรดาทั่วไป แต่สายเลือดมังกรที่ไหลเวียนในกายของเขาก็ยังคงอยู่ดี
หวูเฉินเคยกล่าวไว้ว่า เผ่ามังกรไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ยังมีสถานศักดิ์ที่สูงส่งเหนือสิ่งใด แม้กระทั่งในมหาพิภพถงเทียนก็เช่นกัน
หลังจากที่เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สำเร็จ พลังสายเลือดของเขาเองก็พัฒนากลายเป็นระดับพระเจ้าแล้วเช่นกัน
ดังนั้น มีหรือที่พวกอสูรในป่าอสูรลึกลับจะกล้าขัดขืนคำสั่งของเขา?
ไม่มีอสูรตัวใดกล้าคิดตอแยกับเย่หยวนเลยด้วยซ้ำ!
แต่เหลียงหวางหรงกลับหลงคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าใครๆและรู้ทันเย่หยวนเป็นอย่างดี ภาพฉากเมื่อครู่ เขาเพียงแสร้งทำเป็นตะโกนออกไปแบบนั้น เพื่ออวดเก่งข่มขวัญต่อหน้านาง ซึ่งนี่กลับเป็นการแสดงที่อ่อนหัดสิ้นดีในสายตาของนาง
ในทางตรงกันข้าม จางชุนถึงกับจับจ้องเย่หยวนด้วยความหวาดกลัวแฝงลึกอยู่ภายในใจ
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนแล้วก็คือ เขามิใช่คนธรรมดาทั่วไป!
ยิ่งอยู่กันไป เขายิ่งรู้สึกว่า เย่หยวนคนนี้กลับลึกลับเกินหยั่งถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งๆที่เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนไม่สามารถระดมพลังปราณเทวะได้แท้ๆ
แต่การจะข่มขวัญให้เหล่าอสูรทั้งหมดหวาดกลัวได้โดยไม่ใช้พลัง เกรงว่าวิธีเช่นนี้ยังมีอยู่บนผืนพิภพด้วยรึ?
ไม่สิ…บางทีที่จู่ๆป่าอสูรลึกลับแห่งนี้เกิดประจวบเหมาะเกินปรากฏการณ์ชุมนุมอสูรโดยบังเอิญ ทั้งหมดอาจเป็นฝีมือของ…เย่หยวน!
ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมา ต่อให้เป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดก็ยังไม่สามารถทำได้!
“จางชุนคนนี้ต้องขอบคุณน้องเย่อย่างยิ่งที่ช่วยชีวิต! ก่อนหน้านี้ที่ข้าเคยแสดงกิริยาไม่ดีใส่หรือวางตัวไม่เหมาะสม จางคนนี้หวังว่าน้องเย่จะไม่ติดใจเอาความและใจกว้างพอให้อภัย!”
จางชุนตรงเข้าคำนับต่อหน้าเย่หยวนทันที และนี่มิใช่การเสแสร้งแสดงละครแต่อย่างใด แต่มันถูกกลั่นออกมาจากใจจริง
ท้ายที่สุดนี้ ตัวตนของเย่หยวนลึกลับเกินไป!
เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเฉยเมยว่า
“หากต้องการจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณคุณหนูหวางหรูเถอะ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางยื่นมือช่วยเหลือแน่นอน”
จางชุนอดสำลักมิได้เมื่อได้ฟัง เขาไม่คิดเลนว่า เย่หยวนจะไม่ไว้หน้าเช่นนี้เลย
แต่ในเวลานี้มันมิได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพอใจหรือไม่พอใจ เช่นนั้นจางชุนเร่งเบี่ยงทิศพร้อมก้มศีรษะให้เหลียงหวางหรูและกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
เย่หยวนและเหลียงหวางหรูขี่พญาช้างมารสวรรค์นำกองคาราวานเดินทางต่อในป่าอสูรลึกลับ
ระหว่างทางตลอดมาหลังจากนั้น หลายต่อหลายคนต่างต้องแปลกใจ
เหลียงหวางหรงมิได้เหยียดแขนขาแอบอู้อย่างที่เคยเป็น นางลงมือขึ้นขี่ม้าด้วยตนเองตามหลังพญาช้างพร้อมกับกองทหารยามและกองศพที่บรรทุกมา
ตลอดทางมานี้นางกลายเป็นคนอ่อนช้อยและเชื่อฟังขึ้นมาก หาได้ทำตัวหยิ่งยโสดั่งที่ผ่านๆมา
เดินทางมาส่งได้สักระยะ เมื่อถึงเวลาที่พญาช้างมารสวรรค์ต้องกลับประจำถิ่น ก่อนจากกันมันยังโค้งตัวก้มศีรษะให้เย่หยวน ราวกับว่ากำลังทำความเคารพเขาก่อนจากไป
ยามที่ทุกคนพบเห็นภาพฉากนี้ พวกเขาต่างเดาะลิ้นเสียงดังด้วยสีหน้าท่าทางสุดประหลาดใจ
เหตุการณ์แบบนี้ ตลอดชั่วชีวิตพวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
หลายวันต่อมา ในที่สุดเย่หยวนก็ดูดซับฤทธิ์โอสถปราณลึกล้ำโดยสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จึงทำให้กายเนื้อของเขาถูกฟื้นฟูขึ้นเพียงสี่ถึงห้าจากสิบส่วนเท่านั้น
และอีกไม่นานเกินรอ กองคาราวางก็เดินทางมาถึงเมืองกุยฉาง!
จางชุนผสานมือกล่วากับเย่หยวนขึ้นว่า
“น้องเย่ ที่นี่คือเมืองกุยฉาง ข้าสงสัยว่าหลังจากนี้น้องเย่มีแผนจะเดินทางไปยังที่ใดต่อ?”
เย่หยวนเหลียวมองเหลียงหวางหรูและกล่าวว่า
“บุณคุณที่แม่นางหวางหรูช่วยชีวิต เย่คนนี้ยังไม่ทันตอบแทน ขอเสียมารยาทติดตามพวกท่านเข้าไปในตระกูลเหลียงด้วยคนได้หรือไม่?”
แต่เดิม เย่หยวนวางแผนที่จะแยกกับกลุ่มคนพวกนี้ทันทีที่มาถึงเมืองกุยฉาง
สำหรับบุญคุณที่เหลียงหวางหรูช่วยเหลือชีวิตเขา เย่หยวนจำต้องตอบชดใช้ในท้ายที่สุด
ในความเป็นจริงแล้ว ที่จางชุนกล่าวเช่นนี้ก็หวังไล่เย่หยวนออกไป ตอนนี้เขาระแวดระวังเย่หยวนเป็นอย่างที่สุด แถมตลอดทางที่ผ่านมา เย่หยวนยังทำเรื่องแปลกใจให้พวกเขาได้เห็นอีกมากมาย เย่หยวนคนนี้เป็นตัวอันตรายเกินไป!
ทว่า เย่หยวนที่เผยเจตนาหวังต้องการเข้าไปในตระกูลเหลียงพร้อมกับพวกเขา จางชุนเองก็สรรหาเหตุผลมาปฏิเสธบอกปัดมิได้เลยเช่นกัน
ช่างน่าแปลก เหลียงหวางหรงดวงตาเปล่งประกายทอแสงขึ้นทันควัน ทันทีที่ได้ยินเย่หยนกล่าวแบบนั้น
“เย้! เย้! ตระกูลเหลียงได้พี่เย่เป็นเขย นับเป็นเรื่องน่ายินดี! ในฐานะน้องสาวรอง ข้าจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือชีวิตข้าไว้เป็นอย่างดี!”
เหลียงหวางหรงคลี่ยิ้มกว้างเห็นดีเห็นงามด้วยทันที
นางคิดแค่ว่า เย่หยวนเป็นเพียงชายพิการที่ปากเก่งไปวันๆ ต่อให้มีแผนการอะไรแอบแฝง นางย่อมรู้ทันอ่านความคิดออกก่อนแน่นอน
เย่หยวนที่เต็มใจเข้ามาในตระกูลเหลียงก็ไม่ต่างอะไรกับเต่าในขวดแก้ว ทว่าในความคิดของจางชุน นั้นกลับเป็นการชักนำหมาป่าเข้าบ้านอย่างแท้จริง!