Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่ 1342
ตอนที่1342 ดินแดนพฤกษานิรันดร์ต้องสะเทือน!
ณ ดินแดนพฤกษานิรันดร์ ในขณะนี้กำลังเกิดพายุลมปราณโหมกระหน่ำทั่วทั้งสารทิศ!
ร่องรอยพลังงานลึกล้ำกำลังหลั่งไหลผ่านฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นฟางเทียนในวัยชราภาพค่อยๆลืมตาขึ้น พร้อมความอ่อนเยาว์ที่หวนกลับคืนจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า คู่ดวงเนตรสาดแสงประกายเจิดจ้า
“ท่านอาวุโส! ท่านอาวุโส!”
ปังง!
ประตูตำหนักของฟางเทียนถูกเปิดออกจากข้างนอกโดยใครบางคน ปรากฏว่าเป็นเต็งหยุนที่พุ่งพรวดเข้ามาอยู่ตรงหน้า
ทันทีที่เต็งหยุนเห็นความอ่อนเยาว์ลงของฟางเทียน เขาก็เร่งกล่าวขึ้นทันทีอย่างสุขใจว่า
“ท่านอาวุโส! ท่าน…ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุด…ในที่สุดเราก็สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้สักที!”
ฟางเทียนคลี่ยิ้มกว้างและกล่าวว่า
“ถูกต้องแล้ว! ในที่สุดศาสตร์แห่งสวรรค์ที่หายสาปสูญก็กลับมาแล้ว! ดินแดนพฤกษานิรันดร์ถูกต่อชีวิตใหม่อีกครั้ง! แลนที่สำคัญที่สุดคือ…สิ่งนี้สามารถการันตีได้ว่า เย่หยวนยังมีชีวิตอยู่ในอีกโลกนึง!”
ก่อนหน้านี้ หางเทียนรู้ตัวดี อาณาจักรพลังของเขาไม่สามารถพัฒนาไปได้สูงกว่านี้แล้ว เป็นเวลากว่าหลายหมื่นปี แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้!
หลายปีที่ผ่านมา มหาศึกมากมายเวียนผ่านช่วงชีวิต เขาเห็นความเป็นไปของพิภพแห่งนี้มาอย่างยาวนาน จนท้ายที่สุดจำต้องละทิ้งความหวังที่จะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าทิ้งไป
แต่มาวันนี้ เขากลับไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่า ขณะที่ตนกำลังนอนอยู่บนเตียงมรณะเพื่อเฝ้ารอความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ จู่ๆก็พลันสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เขาเฝ้าตามหามาแสนนาน
ศาสตร์แห่งสวรรค์หวนกลับมาแล้ว!
สำหรับฟางเทียนที่มีสามปัจจัยหลักครบถ้วนสมบูรณ์มาตั้งแต่ต้น หากต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า กลับไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายอันใดนัก เพียงก้าวเท้าออกไปก็บรรลุตามประสงค์
ดังนั้นแล้ว ภายในดินแดนพฤกษานิรันดร์แห่งนี้ หากไม่นับรวมเย่หยวน ฟางเทียนคือคนแรกที่ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้ในรอบแสนปี!
เต็งหยุนกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า กล่าวถูกต้องแล้วท่าน! ไม่เพียงเย่หยวนยังมีชีวิตอยู่ แต่เขายังบรรลุสู่ระดับชั้นที่พวกเราเกินหยั่งถึงไปแล้วแน่นอน! นึกไม่ถึงโดยแท้ เวลาไม่ถึงห้าสิบปี แต่ประสบความสำเร็จถึงขอบเขตที่สามารถกู้คืนศาสตร์แห่งสวรรค์ของดินแดนพฤกษานิรันดร์กลับมาได้!”
ฟางเทียนเองก็ดูโล่งใจลงอย่างมาก เขากล่าวว่า
“ใช่แล้ว หลายปีมานี้ข้ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความปลอดภัยของเย่หยวน เฮ้ออ…ข้าไม่คิดเลยว่า จะวันที่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้จริงๆ ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เย่หยวนมักจะทำให้ข้าประหลาดใจเสมอ!”
ฟางเทียนจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไร?
ทันทีที่เขาทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ใช้ชีวิตอยู่อีกห้าหมื่นปีกลับมิใช่ปัญหาเลย
ที่สำคัญกว่านั้น เนื่องจากแนวคิดของเข้าใจของเขายังลึกล้ำสูงเกินอาณาจักรพลังไปมาก ขอเพียงมีเวลาเพียงพอ ฟางเทียนจะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าต่อได้ทันทีโดยตรง!
เมื่อถึงตอนนั้น อายุขัยของเขายิ่งมีแต่เพิ่มและเพิ่มมากขึ้น!
เย่หยวนมอบของขวัญยิ่งใหญ่ให้แก่ฟางเทียนอย่างแท้จริง!
ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏรัศมีสุดน่าสะพรึงพวยพุ่งทะยานเสียดนภาสูงจรัส แรงกดดันของเผ่าอสูรพรั่งพรูไม่หยุดสุดท่วมท้น ทิศทางมาจากภายในห้องลับของหออาญาสิทธิ์
ฟางเทียนเลิกคิ้วกระดกขึ้นโดยพลันและกล่าวขึ้นเจือประหลาดใจว่า
“นั้นผู้อาวุโสกวนควานเทียน! ออกไปดูกันเร็ว!”
เหนือฟ้าน่านนภาสูง ร่างหนึ่งปราดพุ่งทะยานล่องเมฆา กลิ่นอายของเผ่าเต่าดำสุดแกร่งกล้าระเบิดคลั่งสะท้านพิภพ แรงกดดันอันน่ากลัวนี้โหมสะพลัดทั่วสารทิศหลายแสนลี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ในที่สุดศาสตร์แห่งสวรรค์ก็กลับมาแล้ว! สิ่งที่สวรรค์พรากจากตัวข้าไป ยามนี้เราชายชราได้คืนเสียที! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะสุดบ้าคลั่งระเบิดแผดลั่น กวนควานเทียนสุขใจเหลือล้นเกินควบคุม แค่เสียงหัวร่อที่ปลดปล่อยออกมาก็รุนแรงและดุดันดุจสายฟ้าฟาด แต่ละระลอกที่ก้องกังวานต่งาทำให้เหล่าผู้คนโดยรอบอกสั่นขวัญหาย
สำหรับคนอื่นๆ แม้ว่าศาสตร์แห่งสวรรค์จะกลับมาแล้ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่พวกเขาจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ทันที
ทว่าแต่เดิม กวนควานเทียนเคยเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นทันทีที่ศาสตร์แห่งสวรรค์กลับมา เขาจจึงหวนคืนสู่อาณาจักรพระเจ้าได้โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ศาสตร์แห่งสวรรค์กลับมา กวนควานเทียนยังทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดได้ในอึดใจเดียว!
“อิ้งหมัวหู่ ดีจริงๆ! พี่ใหญ่หยวน…เขายังปลอดภัยดี!”
ลี่เอ๋อที่ดูเย็นชาและสยบปากสงบคำอยู่ตลอดหลายสิบปี ยามนี้ถึงขั้นสูญเสียความเยือกเย็นเหล่านั้นไปหมดสิ้น
ห้าสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่นางไม่เฝ้าเป็นห่วงเย่หยวน
ตลอดมาจวบจนวันนี้ ในที่สุดก้อนศิลาขนาดยักษ์ก็ถูกยกออกจากใจของลี่เอ๋อ
อิ้งหมัวหู่ดูตื่นอกตื่นเต้นสุดขีด เร่งกล่าวขึ้นทันที
“นี่มิใช่เวลามาดีใจแล้ว! ในเมื่อศาสตร์แห่งสวรรค์ถูกกู้คืนกลับมา พวกเรารีบเร่งบ่มเพาะพลังให้ถึงอาณาจักรพระเจ้าโดยไว! ทันทีที่เราไปถึงมหาพิภพถงเทียน จะได้ลากพี่ใหญ่กลับมา! ในเมื่อดินแดนแห่งนี้ฟื้นขึ้นอีกครั้ง นั้นแสดงว่าความแกร่งกล้าของพี่ใหญ่สูงจนเกินจินตนาการพวกเราไปแล้ว!”
ลี่เอ๋อผงกศีรษะตอบ นางเห็นด้วยกับคำพูดของอึ้งหมัวหู่เช่นกัน
เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมา นางแทบไม่ได้บ่มเพาะพลังเลย
มิใช่ว่านางไม่ต้องการหรือคร้านใจ แต่นางไม่สามารถทำจิตใจให้สงบได้เลย
ดังนั้นทันทีที่ทราบว่าเย่หยวนยังปลอดภัยดี นางจึงปลีกวิเวกเก็บตัวทันทีเพื่อมุ่งมั่นฝึกปรือ หวังทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าให้ได้โดยเร็วที่สุด
…………………………..
ภายในหุบเขาเหวพระเจ้า ณ ดินแดนเนรเทศ
ท่านบรรพบุรุษแห่งเผ่ามังกรเองก็อยู่ในกรณีเดียวกับกวนควานเทียน ทันทีที่ศาสตร์แห่งสวรรค์หวนกลับคืน เขาก็กลับขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ทันที
“จุนเอ๋อ เจ้าให้กำเนิดบุตรชายที่ประเสริฐนัก! ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า สิ่งที่เขาพยายามลงทุนลงแรงไป กลับได้ผลจริงๆ! ดูเหมือนว่า…คำสาปจะถูกทำลายไปแล้ว ส่วนเผ่าใดจะออกจากที่นี่ได้ก่อน แค่ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว!”
ท่านบรรพบุรุษกล่าว
แต่อ้าวจุนกลับถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ เขาคงลำบากไม่น้อยเลย!”
ท่านบรรพบุรุษคลี่ยิ้มอ่อนและกล่าวว่า
“อย่าปล่อยให้จินตนาการเติมแต่งไปไกลนัก ศาสตร์แห่งสวรรค์กลับคืนมาแล้วก็ควรฝึกปรือให้ดี! หลังจากที่เจ้าสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าได้ อายุขัยส่วนหนึ่งที่ถูกคำสาปลิดรอนไปกลับคืนมา มิเช่นนั้น ตอนที่หยวนเอ๋อกลับมาเยี่ยมและพบว่าแม่ของเขาล่วงลับไปแล้ว ยามนั้นดินแดนแห่งนี้ไม่ระเบิดเป็นจุณเลยรึ?
อ้าวจุนหัวเราะคิดคักขำขันเล็กน้อย ยามได้ฟังท่านบรรพบุรุษกหล่าวหยอก นางพยักหน้าและกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“ท่านบรรพบุรุษกล่าวถูกต้องแล้ว ด้วยนิสัยของเขา ไม่แน่อาจถึงขั้นล้างพิภพจริงๆ”
ในขณะเดียวกัน คุนหวูกำลังเหลียวมองฟ้าไกลสุดสายตาไปทางทิศของประตูผนึกดินแดน พลางเอ่ยพึมพำขึ้นว่า
“เจ้าเด็กคนนี้มันยังปลอดภัย! อย่างไรก็ตาม…แค่ห้าสิบปีถึงขั้นทะลวงขึ้นไปยังอาณาจักรราชันย์พระเจ้าได้แล้วงั้นรึ? ช่างน่าทึงนัก! เฮ้ออ…ข้าล่ะอิจฉาตาแก่หวูเฉินจริงๆ ที่ติดตามเด็กนั้นไปได้”
หากกล่าวตามหลักเหตุและผล มีความเป็นไปได้เดียวที่หวูเฉินคิดออกคือ เย่หยวนจำต้องทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันย์พระเจ้าให้ได้เสียก่อน ถึงสามารถกู้คืนศาสตร์แห่งสวรรค์และพลังฉีลี้ลับกลับคืนสู่ดินแดนพฤกษานิรันดร์โดยส่งผ่านมาจากสมบัติเวทย์สวรรค์ทั้งสองชิ้นในตัว
แต่นี่เพิ่งผ่านไปแค่ห้าสิบปี เย่หยวนก็สามารถทำสำเร็จแล้ว
ใช้เวลาเพียงห้าสิบปี สามารถเลื่อนระดับชั้นจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าขึ้นสู่อาณาจักรราชันย์พระเจ้าได้ นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปมาก!
……………..
“อ๊ะ! นะ-นายท่านเย่! ในที่สุดท่านก็ออกจากการเก็บตัวแล้ว!”
หงหยินที่กำลังงับหลับพลันสะดุ้งตื่นขึ้นทัน ทราบว่าเป็นเย่หยวนยามนี้ยิ่งตื่นตะลึงหนัก
“อืม การเก็บตัวคราวนี้กิบเวลานานมิใช่น้อย ถึงนั้นที่ว่ายุคสมัยเปลี่ยนผัน หอมหาสมบัติกลับเสื่อมอำนาจลงอีกครั้ง? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ไฉนหอมหาสมบัติถึงไม่มีลูกค้าอยู่เลยแม้แต่คนเดียว?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้น
“ทุกอย่างจะดีกว่านี้หากมิใช่เพราะพวกตระกูลหวัง! ช่วงปีแรกๆที่นายท่านเย่เข้าสู่การเก็บตัว ตระกูลหวังเสื่อมอำนาจลงถึงขีดสุด จนกล่าวได้ว่าตกต่ำจนเกือบกลายเป็นตระกูลชนชั้นสอง แต่หลังจากที่พวกมันเชื้อเชิญจจอมเทพโอสถสองดาวมาเป็นกำลังเสริมจากตระกูลสาขาหลักในเมืองหมิงหยาง พวกมันก็แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของหอมหาสมบัติไปจนหมด หลายปีมานี้ หอมหาสมบัติของเราต้องเผชิญพบกับความตกต่ำ แถมยังถูกเจ้าเมืองกับตระกูลหวังที่ร่วมมือกันปราบปรามกดดันหนัก พวกเราแทบประคองธุรกิจต่อไปไม่ไหวแล้ว”
หงหยินกล่าวอธิบายทันทีอย่างร้อนรน
“จอมเทพโอสถสองดาว? พวกตระกูลหวังเล่นใหญ่มิใช่น้อย ถึงขั้นต้องเชิญเชื้อจอมเทพโอสถสองดาวมาช่วยจริงๆ! ดูท่าก่อนหน้านี้ พวกเรายังมีเมตตาเกินไป!”
เย่หยวนแสยะยิ้มสุดเย็นชาพลางกล่าวขึ้น
ด้วยนิสัยของเย่หยวน หากลงมือได้เขาคงล้างบางตระกูลหวังไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตามที่เย่หยวนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขารู้สึกว่าเจ้าเมืองกับตระกูลหวังกลับมีความสัมพันธ์มิได้ตื้นเขินเลย หากเคลื่อนไหวไปในตอนนั้น ทางฝ่ายเจ้าเมืองเองจำต้องเคลื่อนไหวตอบโต้เช่นกัน นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขายอมปล่อยไปก่อน
แต่เขากลับคาดไม่ถึง พวกมันไม่เพียงแต่ไม่กลับใจสำนึกผิด แต่ยังหยิ่งผยองเสียยิ่งกว่าเดิม จากชั่วช้ากลายมาเป็นชั่วช้ายิ่งกว่า
“นายท่านเย่ พวกจอมเทพโอสถสองดาวนั้นมีฝีมือน่าเกรงขามนัก ไม่เพียงนำโอสถปราณเทวะขั้นเทวะออกมาจำหน่ายได้ กระทั่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นกลางขั้นสวรรค์ก็ยังมี! พวกมันพยายามบดขยี้เราทีละน้อยๆ จนตอนนี้ไม่มีอะไรไปต่อกรพวกมันได้แล้ว!”
หงหยินกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ
การเชื้อเชิญจอมเทพโอสถสองดาวมา นับเป็นการทำลายความสมดุลในเมืองกุยฉางจนหมดสิ้น หอมหาสมบัติในยามนี้กลับไม่มีอะไรไปสู้ได้เลย
เย่หยวนที่ได้ยินแบบนั้นพลันกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“หอมหาสมบัติดเป็นถึงกลุ่มอำนาจใหญ่ของจักรพรรดิเทพสวรรค์มหาสมบัติ ในเมื่อตระกูลหวังเชิญจอมเทพโอสถสองดาวมาได้ แล้วไฉนทางฝ่ายหอมหาสมบัติถึงจะเชิญจอมเทพโอสถสองดาวชั้นกลางไม่ก็ชั้นสูงมาเลย?”
หงหยินกล่าวขึ้นพร้อมพกพาความสิ้นหวังอยู่เต็มอก
“นายท่านเย่คงไม่ทราบ พวกเราเหล่าหอมหาสมบัติที่อยู่ภายใต้อาณาเขตของเมืองหลวงหวูเมิ่งล้วนอ่อนแอไร้อำนาจอย่างมาก ไม่เพียงจะอยู่ไกลจากเขตอำนาจของจักรพรรดิเทพสวรรค์มหาสมบัติเท่านั้น แต่ทรัพยากรบุคคลอย่างจอมเทพโอสถสองดาวชั้นกลางชั้นสูง ย่อมถูกส่งไปยังอาณาเขตเมืองหลวงอื่นที่ใหญ่ๆ หลายปีที่ผ่านมา พวกเราเองก็เคยส่งคำร้องขอจอมเทพโอสถสองดาวชั้นกลางไปเช่นกัน แต่เบื้องบนกลับเมินและปล่อยผ่าน ให้พวกเราเผชิญวิบากกรรมกันเอาเอง”